- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 January 2017 19:55
- Hits: 1613
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX ปี 2559 สร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย 19.79% ปิดที่ 1,542.94 จุด จากการผลักดันของกลุ่มค้าปลีก / กลุ่มพลังงาน / กลุ่มปิโตรเคมี เป็นต้น ขณะที่กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ กลุ่มประกัน และกลุ่มท่องเที่ยว กลับให้ผลตอบแทนที่ติดลบในปี 2559 เท่ากับ 7.93%, 3.98% และ 3.50% ตามลำดับ
ทั้งนี้เม็ดเงินทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิสูงสุดในปี 2559 เท่ากับ 78,546 ล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิครั้งแรกในรอบ 4 ปี ขณะที่สถาบันภายในประเทศซื้อสุทธิเพียง 132 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 1.04 แสนล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- เม็ดเงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย และ Long สุทธิใน SET50 Index Futures อย่างหนาแน่นใน 2 วันทำการสุดท้ายของปี 2559
- ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ
- ติดตามรายงานการประชุมเฟดเดือนธ.ค. 2559 คืนนี้
- ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาเป็นบวก
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก
เราประเมิน SET INDEX วันแรกของปี 2560 เป็น "กลางถึงบวก" ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก บวกกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่ตัวเลข PMI ภาคการผลิต / บริการ ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย.ที่ฟื้นตัวเด่น มาตรการช็อปช่วยชาติครึ่งเดือนสุดท้ายของเดือนธ.ค.ออกมาดีกว่าปี 2558 แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q59 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจะเติบโต qoq และ yoy อาจนำไปสู่การปรับประมาณการปี 2560 ขึ้น และกดให้ Valuation ของ SET INDEX คลายตัวลงได้
อย่างไรก็ตาม เราควรติดตามการลงทุนของสถาบันภายในประเทศในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก หลังเดือนธ.ค.ซื้อสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1.19 หมื่นล้านบาท และหากพิจารณาช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนม.ค. ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สถาบันภายในประเทศขายสุทธิ 3 ใน 5 ครั้ง และขายเฉลี่ยเพียง 2,446 ล้านบาทเท่านั้น หากมูลค่าการซื้อขายกลับมาปกติ 4.0-5.0 หมื่นล้านบาท/วัน เชื่อว่าแรงกดดันจากกองทุนในประเทศกับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF ก็จะเป็นไปอย่างจำกัด
กลยุทธ์การลงทุนเริ่มต้นปี 2560 "ด้วยการสะสมหุ้นเป้าหมายหากเกิดย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หลังขายทำกำไรไปบางส่วนช่วงปลายปีที่ผ่านมา" มุ่งเน้นหุ้น Big Cap หรือหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q59 เติบโตเด่น
Top Pick in 2017 by Strategist Team
1. สะสม SCB : ราคาปิด 152.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) MBKET คาด SET INDEX ที่มีโอกาสอ่อนตัวลงในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2560 เป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของเศรษฐกิจ และคาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารปี 2560 จะเติบโต +19.3%
b) SCB จะเป็นหุ้น Leader ของกลุ่มในปีนี้ จาก Credit Cost คาดจะปรับตัวลงชัดเจน yoy เทียบกับธนาคารใหญ่ที่เหลือในกลุ่มที่คาดว่า Credit Cost จะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย yoy จากอานิสงค์หลังศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ NPL Ratio ของ SCB ลดลงเหลือ 2.7% และ Coverage Ration เพิ่มขึ้นเป็น 154%
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงถึง +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารและ SET INDEX และ Valuation น่าสนใจซื้อขายที่ PER2560 เพียง 8.9 เท่า และ PBV2560 ที่ 1.4 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ 10.3 เท่า และ 1.9 เท่าตามลำดับ
2. สะสม BJC : ราคาปิด 50.25 บาท ราคาเหมาะสม 52.00 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 ของกลุ่มค้าปลีกมีโอกาสที่จะดีกว่าคาดการณ์ของตลาด จากผลตอบรับเชิงบวกของโครงการ ช็อปช่วยชาติ #2 ที่มีระยะเวลา 2 สัปดาห์ ยาวกว่าโครงการ #1 ที่มีระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์
b) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงถึง +85.4% yoy เป็น 6.5 พันล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จาก BIGC เต็มปี และเริ่มเห็นผลประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลงทั้งจาก Synergy ระหว่าง BJC-BIGC และการ Refinance ในปีที่ผ่านมา
c) Valuation ยังต่ำกว่ากลุ่มค้าปลีก ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 3.9 เท่า และหุ้นหลักในกลุ่ม เช่น CPALL 9.3 เท่า, GLOBAL 3.8 เท่า และ HMPRO 7.4 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิวันที่ 5 อีก US$154 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$310 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันในวันสุดท้ายของปี 2559
นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 2,944 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 8,314 ล้านบาท ต่ำ และทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี เท่ากับ 77,927 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 11,007 สัญญา รวม 5 วันทำการ Long สุทธิ 34,686 สัญญา คาดเป็นการเปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง เมื่อ S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างถึง 3.44 จุด จากวันก่อนหน้าปิด Discount เท่ากับ 1.56 จุด และทำให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้คงสถานะ Long สุทธิเท่ากับ 34,686 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 2,653 ล้านบาท และราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นเด่นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีลดลงมากถึง 9.67bps จากวันก่อนหน้าลดลง 7.17bps ปิดที่ 2.666%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 282 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 350 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 36 หลักทรัพย์ จากวันก่อนที่ 38 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เน้น กลุ่มธนาคารและพลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR วันศุกร์ซื้อสุทธิอีก 2,796 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 5,622 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 8,992 ล้านบาท โดยสะสมกลุ่มธนาคารเด่นที่สุด 762 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน 489 ล้านบาท กลุ่มอาหาร 391 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก 370 ล้านบาท แต่ขายสุทธิกลุ่มอสังหาฯ สูงสุดเพียง 61 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงบวก
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. เท่ากับ 54.3 จุด ใกล้เคียงเดือนก่อนหน้าที่ 54.1 จุด ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่และภาคการผลิตยังคงแข็งแกร่ง
- ดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนธ.ค. เท่ากับ 54.7 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 53.8 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 53.2 จุด คำสั่งซื้อใหม่ทำระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เท่ากับ 60.2 จุด
ยุโรป
เอกชนเยอรมันคาดว่าอิตาลีจะออกจากอียูในท้ายที่สุด: หัวหน้า Germany's Ifo Economic Institute เชื่อว่าอิตาลีในท้ายที่สุดจะต้องการออกจากการเป็นสมาชิกภาพในกลุ่มอียู หากมาตรการการครองชีพไม่ดีขึ้น ซึ่ง ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับเดียวกับปี 2543 หากสภาเยอรมันควรจะพิจารณาอนุมัติโครงการช่วยเหลืออิตาลี ย่อมส่งผลกระทบต่อภาระผู้เสียภาษีของเยอรมัน เพราะขนาดของการช่วยเหลือไม่สามารถประเมินได้ และเยอรมันไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน
ธนาคาร Monte dei Paschi ออกหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล้านยูโร: ธนาคารอันดับ 3 ของอิตาลี Monte dei Paschi di Siena มีแผนออกหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล้านยูโรในปี 2560 เพื่อเสริมสภาพคล่อง และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน โดยหุ้นกู้นี้จะได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาล ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจาก EC
สภาตุรกีเตรียมพิจารณายืดเวลาภาวะฉุกเฉินต่อไปอีก 3 เดือน: สภาตุรกิจ เตรียมประชุมสภา เพื่อประเมินสถานการณ์ และลงคะแนนเสียงต่อการยืดเวลาภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน ตามที่นายกฯ เสนอ ทั้งนี้ภาวะฉุกเฉินเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. กับเหตุการณ์แผนปฎิวัติ ภาวะฉุกเฉินนี้จะทำให้รัฐบาลสามารถออกกฎหมายใหม่โดยไม่ต้องผ่านสภา และการจำกัดหรือห้ามสิทธิ์และความเป็นอิสระหากมีความจำเป็น
ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอียูออกมาดี: ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. เท่ากับ 54.9 จุด เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2554 และเร่งขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่ 53.7 จุด ส่วนดัชนี PMI Composite เท่ากับ 56.1 จุด สูงสุดในรอบ 32 เดือน และขยับขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่ 54.1 จุด
จีน
ผู้ผลิตถ่านหินยืนยันลดกำลังการผลิต 20% ภายในปี 2563: สำนักข่าว Xinhua รายงานว่าผู้ผลิตถ่านหินชั้นนำในภูมิภาคเตรียมลดกำลังการผลิต 20% ภายในปี 2563 เพื่อแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศ ภายในสิ้นปี 2560 โรงไฟฟ้าถ่านหินทุกแห่งมีกำลังกาผลิต 3.0 แสนKW หรือมากกว่า จะต้องปรับปรุงขั้นตอนการผลิตให้มีค่ามลภาวะที่ลดลง ภายใต้ 5 ปี การผลิตถ่านหินทั้งประเทศจะอยู่ที่ 3.9 พันล้านตันภายในปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 3.75 พันล้านบาทในปี 2558 เป็นผลจากความพยายามลดมลพิษทางอากาศ
ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนประเมินเศรษฐกิจจีนเติบโต 6-7%: นาย Huang Yiping ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน ประเมินเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจควรมีความยืดหยุ่นมากเพียงพอ เพื่อให้ทางการสามารถเดินหน้าปฎิรูป โดยกรอบการเติบโต 6-7% ในปี 2560 เทียบกับ 6.5-7.0% ในปี 2559 ตราบใดทีการจ้างางนมีเสถียรภาพ การเติบโตที่ออกนอกกรอบของเป้าหมายในระยะสั้น จะทำให้ลดความพยายามในการเร่งผลักดันการเติบโต แต่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ทางการเดินหน้าปฎิรูปเศรษฐกิจได้มากขึ้น
รัฐบาลจีนประเมินเศรษฐกิจจีนปีนี้เติบโต 6.5%: State Information Center (SIC) ประเมินเศรษฐกิจจีนเติบโต 6.5% จากปี 2559 ที่ 6.7% ขณะที่โมเมนตัมของเทคโนโลยีใหม่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถหยุดเศรษฐกิจโดยรวมที่มีแนวโน้มชะลอตัว ผลผลิตภาคอุตฯ คาดเติบโต 5.9% ลดลงจากปี 2559 ที่ 6.1% ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทางการควรเพิ่มความยืดหยุ่นมากขึ้น หรือแม้กระทั่งการลดค่าเงินหยวนแบบ one-off และรักษาระดับดังกล่าวให้มีเสถียรภาพ
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาเป็นกลางถึงบวก
- ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนธ.ค. เท่ากับ 51.4 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 51.7 จุด แต่ใกล้เคียง Bloomberg consensus คาด 51.5 จุด
- ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนธ.ค. เท่ากับ 54.5 จุด ต่ำกว่าเดือนพ.ย.ที่ 54.7 จุด
- ผลผลิตโรงงาน เดือนธ.ค. เท่ากับ 69.6% เป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่วนผลผลิตภาคบริการเท่ากับ 56.2% สูงสุดในรอบ 3 ปี
- ดัชนี Caixin ภาคการผลิตเดือนธ.ค.เท่ากับ 51.9 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่ 50.9 จุด และเป็นระดับที่แข็งแกร่งสุดในรอบ 3 ปี
เอเชียแปซิฟิก
รัฐบาลอินเดียประกาศสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเงินสด: นายกฯ อินเดีย ประกาศสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ผู้ยากจน, ชาวนา, ผู้หญิง และธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อแก้ไขปัญหาจากผลของการยกเลิกใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี ในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งคิดเป็น 86% ของเงินสดที่ใช้ในระบบ โดยมาตรการเพิ่มเติมได้แก่ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้ปานกลาง 4% ที่เงินกู้ไม่เกิน 9.0 แสนรูปี สำหรับเงินกู้ที่เริ่มในปี 2560 เพิ่มวงเงินค้ำประกันแก่ธุรกิจขนาดเล็กและเพื่อสิทธิประโยชน์แก่รายการทางด้านดิจิตอล เป็นต้น
กิจกรรมการผลิตของอินเดียชะลอตัวเดือนธ.ค.: ดัชนี Nikkei/Market PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.เท่ากับ 49.6 จุด ลดลงจาก 52.3 จุดในเดือนพ.ย. และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2558 ที่ดัชนีดังกล่าวต่ำกว่า 50.0 จุด และเป็นการลดลง mom แรงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551 ทั้งนี้เป็นผลจากการยกเลิกใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปีของรัฐบาล
เศรษฐกิจสิงคโปร์ใน 4Q59 เติบโตดีกว่าคาด: ขยายตัว 1.8% yoy สูงกว่า Reuters Poll คาด 0.6% yoy แต่หากเทียบกับไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจเติบโตถึง 9.1% qoq สูงกว่า Reuters Poll คาด 3.7% qoq ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2559 เติบโต 1.0-1.5% ทั้งนี้เป็นผลจากภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่ง นำโดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และ Biomedical ขณะที่ภาคบริการเติบโตเพียง 0.6% yoy เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 3Q59 ที่เพิ่มขึ้น 0.3% yoy
ไทย
ไม่มี
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst