- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 December 2016 15:23
- Hits: 2222
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น? โดยคาดอยู่ในกรอบแคบ หลังเข้าสู่วันหยุดเทศกาลปลายปี มูลค่าซื้อขายเบาบางลง แต่คาดยังได้รับปัจจัยบวก (1) ราคาน้ำมัน ที่ทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทั้ง WTI, Brent และ DUBAI ล่าสุดเคลื่อนไหวในระดับ 53 – 55USD ซึ่งคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น (2) แรงซื้อของสถาบันในประเทศ ที่คาดชดเชยแรงขายสุทธิต่อเนื่องของต่างประเทศได้บ้าง และ (3) Window Dressing สำหรับปี’59 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ขณะที่แนะติดตามประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20/1/60 ที่คาดหมายการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ตามที่หาเสียงไว้ ซึ่งคาดทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ มีโอกาสแข็งค่าขึ้นอีก ยังแนะจับตา (1) ราคาสินค้า Commodity ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง แต่ในทางตรงข้ามคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย และ (2) ภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาด EM รวมถึงไทย ล่าสุดต่างชาติ ขายสุทธิต่อเนื่องอีก 626 ล้านบาท
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับ Sentiment บวก โดยเฉพาะมุมมองการเติบโตเศรษฐกิจของไทยที่คาดมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับในปี’60 ภายใต้แผนการลงทุนของภาครัฐ ที่คาดมีต่อเนื่อง ซึ่งคาดเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับการลงทุนจากภาคเอกชน โดยกระทรวงการคลัง คาด GDP ในปี’60 เติบโตในกรอบ 4.4 – 4.5% ดีขึ้นจากปี’59 ที่คาดอยู่ที่ ประมาณ 3.3 – 3.5%
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
SET SET50 SET100
1,517.08 +1.85 945.88 +0.43 2,137.89 +1.83
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +11.23, NASDAQ +24.75, S&P +5.09,
FTSE +4.49, CAC +8.60 และ DAX +22.31
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค - ธ.ค. อยู่ที่ 113.7 เพิ่มจาก 109.4 เมื่อ พ.ย. โดยเป็นระดับที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี สะท้อนว่าผู้บริโภคยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ และการจ้างงาน และ (2) ราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ – ต.ค. เพิ่มขึ้น 5.1% สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 5.0% เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่ NASDAQ ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ทำให้การปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ยังยังคงได้รับปัจจัยกดดัน จากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของภาคธนาคารอิตาลี โดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาระบุว่า ธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena (BMPS) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของอิตาลี จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มจากแผนเดิม 5 พันล้านยูโร เป็น 8.8 พันล้านยูโร เพื่อจัดการกับปัญหาด้านเงินทุนภายในธนาคาร หลังการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) พบว่า ธนาคาร BMPS มีสถานะการเงินที่ย่ำแย่ที่สุด จากหนี้เสียที่มีมูลค่าสูงถึง 3.60 แสนล้านยูโร หรือ 4 แสนล้านUSD
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.27 1.93 3.09
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 26,442.70
สถาบัน 1,831.74
บัญชีหลักทรัพย์ 105.21
ต่างประเทศ -626.49
ในประเทศ -1,310.46
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$0.88 อยู่ที่ US$53.90ต่อบาร์เรล ภายใต้ความคาดหวังว่า กลุ่มโอเปก และผู้ผลิต
นอกกลุ่มโอเปก จะปรับลดกำลังการผลิต ตามมติที่ประชุมเมื่อ 30/11/59 ที่กลุ่มโอเปกตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับแต่ปี’51 และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์นี้ (1/1/60)
ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลง เมื่อกลางธ.ค. ที่ผ่านมา ที่
ลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$5.2 อยู่ที่ US$1,138.8
ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการเข้าซื้อเก็งกำไร
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -626 ล้านบาท สะสม YTD
+69,905 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 28 - 30 ธ.ค. 2559
28/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.
29/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกน้ำมัน
30/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.56% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.55 อยู่ที่ 11.99
หุ้นแนะนำ : ANAN
หุ้นแนะนำ
ANAN : ราคาเป้าหมาย (ปี 2560) 5.70 บาท
9M/59 มียอดขายสะสม 15,162 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72%ของเป้าหมายทั้งปี’59 ที่ 20,900 ล้านบาท ขณะที่ใน 4Q/59 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกกว่า 5 แห่ง ได้แก่ (1) โครงการ Unio Nida-Serithai ซึ่งเป็นโครงการของ ANAN เองมูลค่า 900 ล้านบาท (2) โครงการแนวราบระดับ Luxury มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท และ (3) โครงการคอนโดร่วมทุนภายใต้แบรนด์ Ideo 3 แห่ง ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า มูลค่ารวม 10,000 ซึ่งเป็นโครงการที่คาดจะได้รับผลตอบรับที่ดีไม่ต่ำกว่า 40%
ภายใต้ผลประกอบการของ ANAN ใน 4Q/59 ที่คาดจะเติบโตสูงสุดในรอบปี จากการโอน 4 โครงการต่อเนื่องจาก 3Q/59 และคาดทั้งปี’59 มีรายได้ 11,421 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และ 13% ตามลำดับ
และภายใต้ Backlog ของ ANAN ที่มีสูงถึง 41,340 ล้านบาท เพียงพอต่อการเติบโตถึงปี’61 ขณะที่ในปี’60 คาด ANAN จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JV เป็นปีแรกที่สูงถึง 410 ล้านบาท ซึ่งช่วยหนุนกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นถึง 27% คาดอยู่ที่ 1,730 ล้านบาท
ประเมินราคาเป้าหมายปี’60 ที่ 5.70 บาท
นักวิเคราะห์ : จิตรลดาเลขาพันธ์ โทร .02-684-8788