- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 December 2016 15:20
- Hits: 2057
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
มองบวกกันต่อ
คาดหุ้นไทยเดินหน้าต่อในวันนี้ตามหุ้นสหรัฐที่ขยับขึ้นในระดับปานกลางจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง และมุมมองบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ Trump ตราบเท่าที่ยังไม่มีอะไรออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ราคาน้ำมันยังมีแรงซื้อหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งหลายที่จะมีผลตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะหนุนหุ้นพลังงาน ภายในประเทศเต็มไปด้วยปัจจัยบวก สศค. ขณะนี้มองเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ 4.0% ในปีหน้าจาก 3.4% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ หากรวมผลของงบประมาณกลางปีที่เพิ่มขึ้นอีก 1.9 แสน ลบ. การคาดการณ์การค้าชายแดนที่สูงขึ้นในปีหน้า และการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่น่าจะช่วยหนุนตลาดและเศรษฐกิจโดยรวม
หุ้นเด่นวันนี้ : KBANK (ราคาปิด 175.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 217.00 บาท)
บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นแนะนำในวันนี้จากกำไรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/59 และตัวเลขส่งออกในเดือน พ.ย. ที่ออกมาดี เราคาดการณ์กำไรของ KBANK ในไตรมาส 4/59 จะกระโดด 88.8% YoY โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากระดับการตั้งสำรองที่ลดลง หนุนโดยการตั้งสำรองอย่างอนุรักษ์นิยมของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรก อีกทั้งการหายไปของรายการพิเศษจากการตั้งสำรองการด้อยค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ธนาคารเชื่อมั่นว่าจะยังสามารถบรรลุเป้าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้ที่ 6-7% ได้ หนุนโดยสินเชื่อในหลายๆ กลุ่ม ซึ่งรวมถึงสินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่ สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี
และสินเชื่อรายย่อย นอกจากนั้นแล้ว ยังมีปัจจัยบวกอีกปัจจัยหนึ่งมาจากตัวเลขส่งออกของประเทศในเดือน พ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 10.2% YoY แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ซึ่งตัวเลขที่ดีขึ้นนี้สามารถบอกเป็นนัยได้ถึงการปรับตัวลดลงของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ของกลุ่ม SME ในอนาคต เนื่องจาก SME ส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะพึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก บวกกับ กว่า 38% ของพอร์ตสินเชื่อ KBANK เป็นพอร์ตกลุ่ม SME เราคาดการณ์กำไรจะเติบโต 2.0% ในปี 59 และ 2.6% ในปี 60 ถึงแม้เราจะคาดการณ์การเติบโตเพียงเล็กน้อยในปีหน้า แต่เราอาจมีการปรับประมาณการขึ้นในภายหลังจากความต้องการสินเชื่อที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ หนุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ รวมถึงสถานการณ์ที่ดีขึ้นของหนี้เสียอีกด้วย Price Pattern ของ KBANK มีความแข็งแกร่งระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal
และหาก Price Pattern ของ KBANK สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 174 บาท ก็จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นจากการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KBANK ที่มีการเปิด Falling Gap อยู่ที่ 187 บาท การเกิด Daily Buy Signal ของ KBANK จึงทำให้ Falling Gap ที่เปิดไว้ที่ 187 บาท กลายเป็นเรื่องผิดปกติ ที่คาดว่าจะได้รับการปิดตามมาในไม่ช้า ดังนั้น Price Pattern ของ KBANK จึงมีเป้าหมายระยะสั้นเพื่อปิด Falling Gap ที่เปิดไว้ที่ 187 บาทนั่นเอง โดย KBANK มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 169.50 บาท (Resistance: 175.50, 176.50, 177.50; Support: 174.00, 173.00, 172.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
สศค. มองเศรษฐกิจเติบโต 4% ปีหน้า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจประเทศจะเติบโต 4% ในปีหน้าหนุนโดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แม้ เมื่อ ต.ค. นั้น สศค. จะคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปี 60 อยู่ที่ 3.4% แต่คาดการณ์นี้ยังไม่รวมงบประมาณมหาศาลในช่วงกลางปีหรือ 1.9 แสน ลบ. สำหรับจังหวัด 18 กลุ่มและกองทุนหมู่บ้านคาดว่าจะช่วยกระตุ้น GDP ใน 2560 ได้ราว 0.5% (Bangkok Post) ความเห็น: ณ จุดนี้ เราคงประมาณการณ์การเติบโต GDP ไว้ที่ 3.5% แต่ก็ยังมีช่องให้ปรับขึ้นได้อีก
คาดการค้าชายแดนเพิ่ม 3% ในปี 60 กรมการค้าต่างประเทศกล่าวว่าแนวโน้มการค้าตามแนวชายแดนน่าจะยังสดใส คาดการณ์ว่าจะเติบโต 3% ปีหน้า หนุนโดยเศรษฐกิจประเทศกลุ่ม CLMV ที่ดีขึ้นซึ่งในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 6-7% ในปีหน้า รวมถึงหนุนโดยความนิยมต่อสินค้าไทยจากตลาดเหล่านี้ (Bangkok Post)
ใช้จ่ายปีใหม่อาจพุ่ง 7.21% จากผลสำรวจของ ม.หอการค้าคาดว่าการใช้จ่ายช่วงปีใหม่จะแตะ 1.5 แสน ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 7.21% เทียบปีก่อนเพราะมาตรการระยะสั้นของภาครัฐที่กระตุ้นการจับจ่ายในประเทศ ราว 2.08 หมื่น ลบ. ของจำนวนรวมคาดว่าจะมาจากนโยบายลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวและช้อปปิ้ง (Bangkok Post)
ยืดเวลาแจกเงินผู้มีรายได้น้อย ครม.เมื่อวานเห็นชอบให้ยืดเวลาจาก 30 ธ.ค. 59 ไปเป็น 31 ม.ค. 60 เพราะรัฐต้องใช้เวลาในการตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ลงทะเบียน (Post Today)
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบวันเมื่อวันอังคาร หลังการเผยแพร่ผลสำรวจราคาบ้านในสหรัฐในเดือนต.ค. ที่ปรับตัวขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5-30 ปีต่างแตะระดับสูงสุดในรอบวัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.576% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดของวันที่ 3.149% และแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 วัน (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนเมื่อวันพุธ อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนครึ่งโดยมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งหนุนให้เกิดการคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ดอลลาร์สหรัฐล่าสุดทรงตัวเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 117.45 เยน หลังจากปรับตัวขึ้น 0.5% สู่ระดับ 117.63 เยนเมื่อวันอังคาร ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐล่าสุดยืนอยู่ที่ 103.00 ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ระดับ 103.650 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. โดยดัชนีฯ ปรับตัวขึ้น 5.3% นับแต่การประกาศผลการเลือกตั้ง ส่วนเงินยูโรล่าสุดทรงตัวเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0462 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคและราคาบ้านที่สดใส และราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปริมาณการซื้อขายเบาบางเพียง 4 พันล้านหุ้นซึ่งเป็นหนึ่งในวันที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำสุดในปีนี้ และคาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายน้อยไปจนถึงสิ้นปี (Reuters)
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 15 ปีในเดือนธ.ค. เนื่องจากคาดว่าการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง ภาวะธุรกิจและตลาดหุ้นยังคงเติบโตหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ Conference Board เผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 113.7 ในเดือนนี้หลังจากที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 109.4 ในเดือนพ.ย. (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) มีตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ว่าดัชนีดังกล่าวจะอยู่ที่ 109.0 และดัชนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับแต่เดือนส.ค. 2001(Reuters)
ราคาบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวในสหรัฐปรับตัวขึ้นในอัตราเร่งในเดือนต.ค. เป็นไปตามคาด แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน ๆ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการรักษาความยั่งยืนของการปรับตัวขึ้นดังกล่าว ดัชนี S&P CoreLogic Case-Shiller Composite ปรับตัวขึ้น 5.1% YoY ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าเดือนก.ย.ที่มีปรับตัวขึ้น 5.0% ผลสำรวจดังกล่าวตรงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าดัชนีฯ จะปรับตัวขึ้น 5.1% (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปทรงตัวในวันอังคาร เป็นการซื้อขายในบางตลาดที่กลับมาเปิดหลังวันหยุดคริสมาสต์ บางหมวดอุตสาหกรรมมีการซื้อขายในแดนบวก ขณะที่หมวดธนาคารล้าหลัง หลังจาก ECB บอกว่าต้องใส่เงินทุนที่ขาดอยู่ 8.8 พันล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนที่ 5.0 พันล้านยูโร หุ้นธนาคารดอยซ์แบงก์ลดลง แม้ว่าธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดความต้องการเงินทุนขั้นต่ำลงเพื่อให้ผู้ปล่อยเงินกู้มีระยะเวลาเพิ่มขึ้นในการจัดโครงสร้างการจ่ายเงินโบนัสและเงินปันผล (Reuters)
เอเชีย :
ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 1.7% YoY ในเดือนพฤศจิกายน ตามข้อมูลของรัฐบาลที่แสดงให้เห็นในวันพุธที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.6% ข้อมูลขัดแย้งกังข้อมูลการใช้จ่ายของครัวเรือนในเดือนพฤศจิกายนที่อ่อนแอที่ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ โดยการใช้จ่ายหดตัวลง 0.6% MoM และหดตัวลง 1.5% YoY เทียบกับความคาดหวังตลาดที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.4% MoM และ 0.2% YoY (Reuters)
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.5% MoM ในเดือนพฤศจิกายน จากข้อมูลเบื้องต้นจากกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมที่แสดงให้เห็นในวันพุธ ผลที่ได้เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของตลาดเฉลี่ยคาดว่าเพิ่มขึ้น 1.6% จากการสำรวจผู้ผลิตโดยกระทรวงคาดว่าการส่งออกในเดือนธันวาคมจะเพิ่มขึ้น 2.0% และเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนมกราคม (Reuters)
ภาคอุตสาหกรรมของจีนแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบสามเดือนในเดือนพฤศจิกายน แต่ผู้กำหนดนโยบายตั้งข้อสังเกตว่ากำไรขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน สินแร่เหล็กและเหล็กกล้า มากเกินไป โดยผลกำไรในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 14.5% YoY เป็น 774.6 พันล้านหยวน (111 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้น 19.5% ขณะที่ผลกำไรในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 9.8% กำไรจากอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 9.4% YoY ในช่วง 11 เดือนแรกของปี โดย 10 เดือนแรก (มกราคมถึงเดือนตุลาคม) เพิ่มขึ้น 8.6% (Reuters)
ภูมิภาคซินเจียงในจีน ได้กำจัดไก่และสัตว์ปีกอื่น ๆ มากกว่า 55,000 ตัว จากผลของการระบาดของโรคไข้หวัดนกรุนแรงที่พบการติดเชื้อในสัตว์ปีก 16,000 ตัว กระทรวงเกษตรกล่าวในวันอังคารที่ผ่านมาว่า สายพันธุ์ไวรัส H5N6 ได้รับการยืนยันในเมือง Yining ที่มีพลเมือง 500,000 คน เป็นการระบาดของโรคไข้หวัดเป็นรอบที่สี่ในหมู่สัตว์ปีกตั้งแต่เดือนตุลาคมทำให้ต้องกำจัดสัตว์ปีกทั้งหมดตั้งแต่นั้นมากกว่า 170,000 ตัวแล้ว (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบบวก 1.7% วันอังคาร วิ่งต่อในช่วงท้ายปีเพราะผู้ผลิต OPEC และ non-OPEC ตกลงเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่จะลดกำลังการผลิต ซึ่งจะมีผลในวันอาทิตย์นี้ น้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบ ก.พ. บวก 88 เซนต์ต่อบาร์เรลหรือ 1.7% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าส่งมอบ ก.พ. บวก 93 เซนต์หรือปิด 56.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาอ้างอิงของโลกแตะ 57.89 ดอลลาร์สหรัฐใน 12 ธ.ค. สูงสุดนับแต่ ก.ค. 58 นับว่าน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 25% นับจากกลางเดือน พ.ย. (Reuters)
ราคาทองปรับตัวขึ้นในวันอังคาร เข้าใกล้จุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นที่อ่อนแอ แต่การซื้อขายยังดูเบาบางเนื่องจากการเฉลิมฉลองช่วงวันหยุดคริสมาสต์ในสหรัฐและตลาดลอนดอนยังคงปิดอยู่ ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 1,139.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หลังจากแตะระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ 1,148.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.45% อยู่ที่ 1,138.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094