- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 27 December 2016 17:33
- Hits: 1355
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Holiday mood
วานนี้ดัชนีขึ้นทดสอบแนวต้านแรกที่ 1,515 จุด วันนี้มีโอกาสลุ้นขึ้นทดสอบ 1,520 จุด แนวต้านระยะสัปดาห์ ลุ้นแรง Window dressing พยุงดัชนี ประเมินภาพตลาดปริมาณการซื้อขายซึมต่อเนื่องไปจนถึงปลายสัปดาห์ แรงขายต่างชาติชะลอตัวต่อลากยาวตั้งแต่คริสต์มาสต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่
ระยะสัปดาห์ คาดดัชนีฯแกว่งในกรอบ แนวรับ 1,495 แนวต้าน 1,520 จุด เนื่องจากช่วงสัปดาห์ส่งท้ายปี จำนวนหลักทรัพย์, ปริมาณการซื้อขายในตลาด จะลดลงตามฤดูกาล การเคลื่อนของราคาหุ้นบูลชิพใหญ่มักจะจำกัดในกรอบแคบ และขาด Catalyst ที่มีผลต่อราคาหุ้น (เนื่องด้วยปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี-ไม่มีบิดรับหนาๆแบบช่วงเวลาปกติ เวลาขายจึงลงแรง...ในทางกลับกันเวลาเคาะขวาก็จะขึ้นได้แรง) ลุ้นแรง Window dressing พยุงดัชนี
ระยะเดือน ธค. คาด แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอลงในเดือน ธค. และมีโอกาสที่เดือน มค. ปีหน้า จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 15 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. อิงสมมุติฐานต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และ หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่สามารถซื้อหุ้นไทย กลับไปสัดส่วนเฉลี่ย ที่ 32% คาดเม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งตามสถิติ เงินต่างชาติจะไหลเข้าช่วง มีค.เพื่อรับปันผลจากผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา
หุ้นแนะนำวันนี้ AOT หุ้นในสายตากองทุนคาดมีโอกาส window dressing คาดจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มเข้าสู่ peak season ซึ่งข้อมูลชี้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มปรับตัวขึ้นแล้วในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา และมาตรการยกเว้นค่าวีซ่าจะเป็นปัจจัยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) กลุ่มสื่อ เม็ดเงินโฆษณาในเดือน พ.ย. ชะลอตัวต่อเนื่องตามคาด โดยปรับตัวลดลงไป 43% YoY ในขณะที่สื่อทีวีโดนหนักสุด ติดลบไป 53% YoY แต่ถ้าเทียบ MoM คาดทำจุดต่ำสุดไปแล้วใน ต.ค. โดยเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมฟื้นตัว 9% MoM ในขณะที่สื่อทีวีปรับตัวดีขึ้น 15% MoM เรายังมองว่าเม็ดเงินโฆษณาจะชะลอตัวต่อเนื่องไปจนถึงเดือน มี.ค. ปีหน้า ที่จะเป็นฤดูกาลที่เม็ดเงินโฆษณาจะกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรายังมองจุดนี้เป็นโอกาสสำหรับหุ้นกลุ่มสื่อ เนื่องจากประเมินผลประกอบการจะทำจุดต่ำสุดใน 4Q16 ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q17 เรายังเชื่อว่ากลุ่มผู้เล่นทีมีเรตติ้งสูงจะเป็นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนเนื่องจากเมื่อเม็ดเงินโฆษณากลับมาย่อมกลับเข้าช่องที่มีเรตติ้งสูงก่อน ทำให้จะฟื้นตัวได้เร็ว แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้นของ WORK (top pick ของเราก่อนหน้านี้) ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 18% ในเดือนที่ผ่านมา และถึงราคาเป้าหมายของเราที่ 44 บาท เราปรับคำแนะนำลงเป็น ถือ เช่นเดียวกับ PLANB ที่ราคาปรับขึ้นมาถึงราคาเป้าหมาย Top pick ของเราเลือก MONO
(+) EGCO เข้าร่วมลงทุนโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนิเซีย โดยซื้อจาก Chevron คิดเป็นสัดส่วน 20% ของโครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 402 เมกะวัตต์ และไอน้ำอยู่ที่ 235 เมกะวัตต์เทียบเท่า คิดเป็นสัดส่วน 3% ของกำลังการผลิตของ EGCO ตามสัดส่วนที่ถือ เราคาดโครงการดังกล่าวจะช่วยหนุนกำไรบริษัทตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป พร้อมเชื่อโครงการดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกต่อมูลค่าหุ้น ทั้งนี้จากมูลค่าการซื้อขายของ EGCO อยู่ที่ PBV/ROE เพียง 0.11 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 0.12 เท่า EGCO ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบที่สุด
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) ILINK, ALT, JTS กระทรวงดีอีได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการเน็ตประชารัฐ ใช้งบ 1.3 หมื่นล้าน ทีโอที ลุยติดตั้งอินเทอร์เน็ต 24,700 หมู่บ้าน เปิดจุดบริการเน็ตไร้สายฟรีหมู่บ้าน 1 จุด คาดดำเนินการ 12 เดือน (ที่มา สยามรัฐ)
(+) EGCO บริษัทร่วมทุนระหว่าง EGCO, Star Energy Group Holdings และ AC Energy Holding, Inc ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น กับกลุ่มบริษัท เชฟรอน คอร์ปอเรชั่น เพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย ของบริษัท เชฟรอน โดย EGCO จะเข้าถือหุ้นทางอ้อมของโครงการในสัดส่วน 20.07% แบ่งเป็นถือหุ้นทางอ้อมของบริษัทร่วมทุนของ EGCO 11.89% และถือหุ้นทางอ้อมผ่าน Star Energy Geothermal เป็นบริษัทร่วมทุน 8.18% คาดว่าการโอนหุ้นแล้วเสร็จในไตรมาสแรก ปี 2560 (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(+) TFG อนุมัติเข้าลงทุนในบริษัท บิ๊ก ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเลี้ยงไก่เนื้อและมีโรงชำแหละชิ้นส่วนไก่ ด้วยเงินลงทุน 60 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 75% กำลังการผลิต 40,000 ตัว/วัน และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้สูงสุด 80,000 ตัว/วัน โดยมีโรงไก่เนื้อจำนวน 4 โรง และมีสัญญากับฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อแบบพันธสัญญา อีกจำนวน 118 ฟาร์ม เรามองว่าการ เข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทราว 5-10% หนุนให้การเติบโตในระยยาวเป็นไปตามแผน (ที่มา SET, BLS research)
(+) TICON จ่อเซ็นสัญญากับลูกค้าให้เช่าคลังสินค้า 60,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,000 ล้านบาทในเร็วๆนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น) / คาดหนุนให้ occupancy rate ของบริษัทปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่เราคาดและมีโอกาสปรับกำไรขึ้น (ความเห็น BLS Research)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ยอดส่งออกพุ่ง 10.19% ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 9 เดือน การส่งออกของประเทศในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีมูลค่า 18,911 ล้านเหรียญสหรัฐ กลับมาขยายตัวเป็นบวกถึง 10.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ติดลบ 4.22% ถือเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่การส่งออกขยายตัวได้ 10.27% (ที่มา นสพ. แนวหน้า)
มุมมองตลาด
ดัชนีตลาดโดยรวมกลับมายืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง 1,500 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง ภายใต้สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมากและมีสภาพคล่องค่อนข้างสูงในระบบการเงิน ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ขณะที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยปี 2016 จนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นสูงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยมีผลตอบแทนอยู่ที่ 20%
เราคาดว่าแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง ขณะที่การเติบโตของตัวขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง อาทิ เช่น กำลังการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น, โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องน่าจะช่วยหนุนให้กระแสเงินทุนกลับเข้ามาได้หลังจากเงินทุนต่างประเทศไหลออกไปในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และยังคงคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปิดที่ 1,530-1,550 จุดได้ ณ สิ้นปี เรายังไม่เห็นประเด็นสำคัญใดๆที่จะส่งผลให้ตลาดหุ้นลงในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ สัปดาห์นี้เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวสูงขึ้นได้จากแรงซื้อจากสถาบันในประเทศซึ่งมีผลต่อทิศทางตลาดและบรรยากาศการลงทุน ปัจจัยหนุนคือเรื่องการไหลเข้ามาของเงินกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพในช่วงสิ้นปีนี้ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้น
สัญญาณทางเทคนิคชี้ว่ามองภาพตลาดระยะสั้นมีสัญญาณฟื้นตัวบนแนวโน้มขาขึ้นจากเหตุผลสำคัญ 4 ข้อ:
1.ดัชนีพลิกกลับมาได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 1502 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แข็งแกร่งต่อมุมมองลงทุนในตลาดหุ้น
2.ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เหนือที่เคยทำไว้เมื่อต้นปี 2016
3.โมเมนตัมของตลาดที่ขึ้นมารอบนี้ ปัจจุบันการปรับตัวขึ้นของตลาดสามารถไปในทิศทางเดียวกันกับเครื่องมือทางเทคนิค Continuation pattern
4.ดัชนี RSI และ MACD ของหุ้นหลายตัวแสดงระดับต่ำสุดที่สูงขึ้นและมีสัญญาณตัดเส้น Signal line ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก นั่นหมายความว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนรัตน์ อิศรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนTel. (662) 618-1334