- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 05 August 2014 16:47
- Hits: 2491
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อ/ถือค่าบวก...อ่อนหลุด 1505 ลดพอร์ตตาม”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ADVANC (จากถือเป็นซื้อ)
ภาพตลาดวันก่อน : ดัชนีปรับขึ้นแรง ปิดตลาด +19.18 จุด ที่ 1519.38 มูลค่าซื้อขายเกือบ 5 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับเป็นซื้อสุทธิ1 พันล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 956 ล้านบาท ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ ทั้งนี้หุ้นหลักในกลุ่มแบงค์, พลังงาน, อสังหาริมทรัพย์กลับมาบวกดี
ปัจจัยและกลยุทธ์ : เก็งกำไรผลประกอบการ ในระยะสั้นมากปัจจัยที่มีน้ำหนักในตลาด คือ รายงานผลประกอบการ 2Q57 และปันผลระหว่างกาลซึ่งจะทยอยออกมาถึงกลางเดือนส.ค.57 ซึ่งการซื้อดักผลประกอบการ & ปันผลได้เกิดขึ้นมาในระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นหากผลประกอบการออกมาตามคาดหรือแย่กว่าคาดก็ต้องระวังการร่วงลงของราคาหุ้น อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่ราคาหุ้นและดัชนีตลาดจะลงแรงเพราะปัจจัยในประเทศนั้นไม่มาก เพราะOutlook ของเศรษฐกิจและกำไรภาคธุรกิจที่จะดีขึ้นใน 2H57 และปี 58 เป็นตัวหนุน โดยเฉพาะในกลุ่มที่อิงกับการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศเช่น ธนาคารพาณิชย์, รับเหมา & วัสดุก่อสร้าง, ที่พักอาศัย, นิคม, พาณิชย์, ท่องเที่ยว, ขนส่ง เป็นต้นแต่...ก็ไม่อาจละเลยความเสี่ยงจากภายนอก เช่น ปัญหาการเมืองของชาติตะวันตกกับรัสเซีย, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ, การฟื้นตัวที่เปราะบางของภาคการเงินและเศรษฐกิจในยูโรโซน ฯลฯ ซึ่งหากประเด็นเหล่านี้พัฒนาไปในทางลบมากขึ้น ก็จะกดดันตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี เพราะมีสิทธิอ่อนตัวไปที่ 1480, 1450 จุด นักลงทุนที่มีหุ้นเยอะและมีเงินสดเหลือน้อยควรลดพอร์ตตาม ส่วนการรีบาวด์จะมีแนวต้าน 1520-1530 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น KBANK
Fundamental Pick
KBANK แนะนำซื้อราคาปิด 214 บาท เป้าหมาย 262 บาท
* คาดการเติบโตใน 2H57 จะมีแรงหนุนจาก NIM ที่สูงและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดีรวมทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะช่วยให้การเติบโตของสินเชื่อใน 2H ดีขึ้น
* ส่วนในปี 58 มีแนวโน้มว่ากำไรจะขยายตัวดีขึ้นมาก เนื่องจากการลงทุนของกลุ่ม SME ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของ Corporate ฟื้นตัวดีขึ้น
* แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 262 บาท อิง P/BV ปี 58 ที่ 2.1 เท่าปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
- รัสเซีย : เริ่มปฏิบัติการซ้อมรบ
* รัสเซียได้เริ่มปฏิบัติการซ้อมรบระยะเวลา 1 สัปดาห์แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) โดยการซ้อมรบดังกล่าวครอบคลุมถึงการใช้เครื่องบินต่อสู้และเครื่องบินทิ้งระเบิด ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเรื่องการประสานงานกันระหว่างระบบการบิน และระบบการป้องกันทางอากาศ
+ สหรัฐ : ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค.
* รายงานของ ISM ระบุว่าดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 68.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 56 จากระดับ 60.5 ในเดือนมิ.ย. โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรม
+ โปรตุเกส : ธนาคารกลางเข้าซื้อกิจการธนาคารบังโคฯ ที่มีปัญหาวิกฤตการเงินแล้ว
* ธนาคารกลางโปรตุเกสได้เข้าเทคโอเวอร์กิจการของธนาคารบังโค เอสปิริโต ซานโต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของโปรตุเกสแล้ว ด้วยวงเงินในการช่วยเหลือ 4.9 พันล้านยูโร หรือ6.6 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ธนาคารบังโค เอสปิริโต ซานโต ได้เผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงินหลังจากที่บริษัทแม่ของธนาคารคือ เอสปิริโต ซานโต อินเตอร์เนชั่นแนล ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ส่งผลให้หุ้นของธนาคารร่วงลงไปถึง 36% ในช่วงกลางเดือนก.ค.57 มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ปรับลดความน่าเชื่อถือของธนาคารลง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์หลังร่วงมาหลายวัน
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,569.28 จุด เพิ่มขึ้น 75.91 จุด หรือ +0.46% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,383.89 จุด เพิ่มขึ้น 31.25 จุด หรือ +0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,938.99จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ +0.72% นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้
+ สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพราะกังวลสถานการณ์ในอิรัก & ลิเบีย
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ ปิดที่ 98.29 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ ปิดที่ 105.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบ คือ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในอิรักและลิเบีย
- สัญญาทองคำ COMEX อ่อนลง
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 5.9ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,288.9 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ
• คาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2%ในการประชุมวันที่ 6 ส.ค.นี้
* กนง.ประชุมวันที่ 6 ส.ค.นี้ คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย R/P 1 วันไว้ที่ 2.00% ทั้งนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H57 และเติบโตในอัตราเร่งตัวในปี 58 ซึ่งทาง DBS Bankประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยปี 57 จะขยายตัว 1.6% และเติบโต 3.8% ในปี 58
* ปัจจัยเสี่ยง คือ ธุรกิจบางกลุ่มมีการฟื้นตัวช้า เช่น กุ้ง, ยางพารา, น้ำตาล เป็นต้น ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) ที่ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
• เงินไหลออกช่วง 1H57 เท่ากับ 2.19 แสนล้านบาท แต่ไม่น่ากังวล เพราะส่วนใหญ่เป็นทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ
* ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่าครึ่งแรกของปี 2557 มีเงินทุนไหลออกสุทธิ 6,850ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.19 แสนล้านบาท แบ่งเป็นไตรมาส 1/57 ไหลออกสุทธิ 6,124ล้านเหรียญสหรัฐ และไตรมาส 2/57 ไหลออกสุทธิ 726 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยดุลเงินทุนไหลออกสุทธิต่อเนื่องมา 4 ไตรมาสแล้ว แต่ไม่น่ากังวลเนื่องจากส่วนใหญ่ไหลเป็นเงินลงทุนไทยไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศ
+ MACO : คาดธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H57 &แตกพาร์ & แจกวอร์แรนต์
* บอร์ด MACO มีมติให้บริษัทแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.10 บาทต่อหุ้น และออกวอร์แรนต์อายุ 3 ปี จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ (วอร์แรนต์อายุ 3 ปี แปลงสภาพ 1 : 1 @ 2 บาท – พาร์ 0.10 บาท) โดยจะเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 ก.ย.นี้รวมทั้งอนุมัติจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น กำหนด XD 14 ส.ค. ชำระเงิน26 ส.ค.57
* ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q57 ซึ่งกำไรสุทธิลดลง 32%QoQ เพราะรายได้ที่หดตัว มาร์จิ้นลดลง แต่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ใน 2H57 ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ BTS และ VGI ช่วยต่อยอดให้มีโอกาสในการได้งานมากขึ้นนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 58 จะเติบโต 20-25%
• กสทช.กล่าวว่าคสช.พิจารณาขั้นตอนสุดท้ายราคาคูปอง 690 บาทไปแล้ว...DBSเห็นว่าโอกาสเปลี่ยนเป็น 1,000 บาทค่อนข้างน้อย
* พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.และประธานกสท.เปิดเผยถึงกรณีที่สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีมติเสนอเพิ่มราคาคูปองจากเดิม 690 บาท เป็น1,000 บาท ว่าการเปลี่ยนแปลงราคาคูปองนั้นได้เลยขอบเขตไปแล้ว เนื่องจากกสทช.ได้นำเสนอมติต่อบอร์ดกสทช.ที่กำหนดราคาคูปองเป็น 690 บาท/ครัวเรือน ให้คสช.รับทราบและพิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้โดยส่วนตัวเองจะเห็นด้วยกับการกำหนดราคาคูปองที่1,000 บาทก็ตาม
+ DTAC คาดกำไรสุทธิฟื้นตัวใน 2H57 จากEBITDA Margin ที่สูงขึ้น...เชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นให้น้ำหนักไปยัง ADVANC & INTUCHเพราะยังไม่ขึ้น XD ปันผลระหว่างกาล
* DTAC คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปี 57 จะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 10,569 ล้านบาท ผลจากการเปิดตัวไอโฟน 6 การขายโทรศัพท์ และการใช้บริการ ที่จะช่วยผลักดันรายได้และกำไร 2H57เพิ่มขึ้น หลังจาก 1H57 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง บริษัทคาดว่า EBITDAMargin ปี 57 อยู่ในช่วง 35-37% เพิ่มจากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 33% (กำไรสุทธิ 1H57 เติบโต5%YoY ที่ 6.2 พันล้านบาท) สำหรับปี 58 คาดว่า DTAC จะเติบโตใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่7-8% ซึ่งดีขึ้นจากปีนี้ที่ 4-5%
* จุดเด่นของ DTAC คือ การมีคลื่นความถี่ที่ให้บริการมากที่สุด 49.8 MHz และจะหมดอายุสัมปทานอีกหลายปี คือ 15 ก.ย.61 ขณะที่ ADVANC มีคลื่นความถี่เหลือ 17.5 MHz และจะหมดอายุสัมปทานก.ย.58 คาดการณ์ Dividend Yield ปี 57-58 เท่ากับ 5% และ 6%ตามลำดับ ในเชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยซื้อจังหวะอ่อนตัว
* แต่...ในระยะสั้นนักลงทุนจะให้น้ำหนักลงทุนไปยัง ADVANC & INTUCH มากกว่าเพราะยังไม่ขึ้น XD ปันผลระหว่างกาล ขณะที่ DTAC ขึ้น XD ไปแล้ว ทั้งนี้ ADVANC ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 6.04 บาท กำหนด XD 13 ส.ค.57 ส่วน INTUCH ยังไม่ได้ประกาศ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]