- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 December 2016 16:59
- Hits: 1341
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? ภายใต้ที่ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาด (+) ราคาน้ำมัน ที่ทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทั้ง WTI, Brent และ DUBAI ล่าสุดเคลื่อนไหวในระดับ 52 – 54USD ซึ่งคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น รวมถึงแรงซื้อของสถาบัน
ในประเทศ ที่คาดชดเชยแรงขายสุทธิต่อเนื่องของต่างประเทศได้บ้าง และ Window Dressing สำหรับปี’59 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตามแนะติดตาม ค่าเงินสหรัฐฯ ที่คาดภาพรวมยังมีแนวโน้มแข็งค่า คาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และคาดส่งผลต่อ (1) ราคาสินค้า Commodity ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง แต่ในทางตรงข้ามคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย และ (2) ภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาด EM รวมถึงไทย ล่าสุดต่างชาติ ขายสุทธิต่อเนื่องอีกเกือบ 646 ล้านบาท
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่เพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีรายได้ทุกกลุ่มในช่วงปลายปีทั้งเงินช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย และมาตรการหนุนการบริโภค รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ คาดผลดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มโรงแรม เช่น HMPRO, CPN และ ERW เป็นต้น
อย่างไรก็ตามคาดในระยะกลาง – ยาว คาดได้รับปัจจัยหนุนจากมุมมองการเติบโตเศรษฐกิจของไทยที่คาดมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับในปี’60 ภายใต้แผนการลงทุนของภาครัฐ ที่คาดมีต่อเนื่อง ซึ่งคาดเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับการลงทุนจากภาคเอกชน โดยกระทรวงการคลัง คาด GDP ในปี’60 เติบโตในกรอบ 4.4 – 4.5% ดีขึ้นจากปี’59 ที่คาดอยู่ที่ ประมาณ 3.3 – 3.5%
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
SET SET50 SET100
1,509.98 +5.86 940.98 +2.38 2,126.62 +6.73
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +14.93, NASDAQ +15.27, S&P +2.83, FTSE +4.49, CAC +5.05 และ DAX -6.17
ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา หลังเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันนี้ (26/12/59)
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ สดใส โดย (1) ยอดขายบ้านใหม่ – พ.ย. เพิ่มขึ้น 5.2%MoM อยู่ที่ 592,000 ยูนิต ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 575,000 ยูนิต ส่วนหนึ่งจากความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่ และ (2) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค – ธ.ค. อยู่ที่ 98.2 สูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 98.0 และเป็นระดับสูงสุดนับแต่ม.ค.’57
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป มีมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร หลังธนาคารในยุโรปได้บรรลุข้อตกลงยอมความกับทางการสหรัฐฯ โดย (1) ธนาคารดอยซ์แบงก์ ตกลงจ่ายเงินค่าปรับ 3.1 พันล้านUSD (น้อยกว่าข้อเรียกร้องก่อนหน้าที่ 14,000ล้านUSD) ให้กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เพื่อยุติคดี ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี’ 51 และจ่ายเงินชดเชยมูลค่า 4.1 พันล้านUSD ให้กับลูกค้า ตามกฎหมายการยุติคดีความของสหรัฐฯ และ (2) เครดิตสวิส ธนาคารรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ตกลงจ่ายเงินค่าปรับ 2.48 พันล้านUSD ให้กับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ MBS เช่นกัน พร้อมจ่ายเงินชดเชยให้ลูกค้าที่ได้รับความเสียอีก 2.8 พันล้านUSD
ขณะที่สถานการณ์ภาคธนาคารของอิตาลีนั้น คณะรัฐมนตรีอิตาลีได้อนุมัติเงินช่วยเหลือภาคธนาคารของประเทศที่กำลังประสบปัญหา เป็นวงเงิน 2.0 หมื่นล้านยูโร ซึ่งรวมถึงบังคา มอนเต เด ปาสคี ดิ ซิเอน่า (BMPS) ธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ที่ประสบปัญหาไม่สามารถเพิ่มทุนได้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.18 1.92 3.1
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 31,478.02
สถาบัน 251.81
บัญชีหลักทรัพย์ -272.63
ต่างประเทศ -646.04
ในประเทศ 666.87
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$0.07 อยู่ที่ US$53.02ต่อบาร์เรล ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างเบาบาง อย่างไรก็ตามระดับราคาน้ำมันสูงสุดนับแต่ ก.ค.’58
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$2.9อยู่ที่ US$1,133.6 ต่อออนซ์ หลังราคาปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา และยังได้รับปัจจยหนุนจากค่าเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงเล็กน้อย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -646 ล้านบาท สะสม YTD +70,859 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 26 - 30 ธ.ค. 2559
26/12/59 ไทย - ก.พาณิชย์ เปิดเผย ยอดส่งออก – พ.ย. (คาดเพิ่มขึ้น 1.55%yoy)
- ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ หน่วยราชการและตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดทำการ
เนื่องในวันคริสต์มาส
27/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ราคาบ้านเดือนต.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.
28/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.
29/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกน้ำมัน
30/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.54% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.01 อยู่ที่ 11.44
หุ้นแนะนำ : PTTEP
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788