- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 December 2016 17:17
- Hits: 3120
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (23/12/59)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ใกล้เทศกาลวันหยุด ตลาดเคลื่อนไหวกรอบแคบๆ'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงไร้ปัจจัยหนุนใหม่ๆ ประกอบกับใกล้ช่วงวันหยุดยาว ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง ขณะที่เม็ดเงิน LTF-RMF ยังไม่ได้เข้ามาช่วยหนุนตลาดมากนัก ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวลดลงกดดันตลาดได้แก่กลุ่มค้าปลีก (-0.8%) และกลุ่มก่อสร้าง (-0.7%) ปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 4.45 จุด (-0.29%) มาที่ 1,504.12 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายบางเบาที่ 27,066.80 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) การรายงาน GDP ในช่วงไตรมาส 3 ของสหรัฐ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานที่ดีกว่าคาดหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ (WTI) วานนี้ เพิ่มขึ้น 0.9% Day
(+) GDP ของสหรัฐใน 3Q16 อยู่ที่ระดับ 3.5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.3% จากแรงหนุนของการส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
(+) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดเพิ่มขึ้น 3.6%Day มาปิดที่ 90 จุด และ +78%YTD มองเป็นบวกต่อ BANPU, LANNA,AGE,EARTH
(+) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Roll Coil) ยังแข็งแกร่งที่ระดับ 585 US/Tons (เทียบสิ้น 3Q59 อยู่ที่ 496 US/Tons) หรือบวกเพิ่มขึ้น 18% จากสิ้นไตรมาส 3/59 คาดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล็ก PERM, PAP, TMT, AMC, MCS
(-) ดัชนี DJIA ปรับตัวลดลง 0.12% Day ปิดที่ระดับ 19,918.88 จุด รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปอย่าง DAX ก็ปรับตัวลงเช่นกัน ลดลง 0.11% Day จากการวิตกเกี่ยวกับภาคธนาคารอิตาลี หลังจากผบ.ของธนาคาร BMPS ระบุว่า ยังไม่สามารถหานักลงทุนเข้าซื้อหุ้น ตามแผนการระดมทุนมูลค่า 5 พันล้านยูโรได้
(-) สหรัฐแผยยอดขอรับสหัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 21,000 ราย
(-) วานนี้นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายสุทธิอีก 786 ลบ. อีกทั้งยังไม่เห็นแรงซื้อจากกองทุนในช่วงปลายปีเข้ามาเพิ่มเติม
(-) สนช. ผ่านร่างประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่วานนี้ ซึ่งจะกระทบต่อการเก็นภาษีเพิ่มขึ้นในสินค้ารถยนต์, เหล้า, บุหรี่, เครื่องดื่ม
(-) กระทรวงการคลังไม่ขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์จากการหักค่าใช้จ่ายจากการลงทุนได้ 2 เท่า ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. 59
(-) Toyota เผยยอดขายรถเดือน พ.ย. ลดลง 15% YoY เป็นลบต่อกลุ่มยานยนต์
(+/-) มีหุ้น IPO เข้าเทรดวันนี้ในตลาด MAI คือ AU (ราคา IPO 4.50 บาท) ทำธุรกิจขนมหวานและเบเกอรี่ และมี REIT ชื่อ SRIPANWA (ราคา IPO 10.80 บาท) ซึ่งลงทุนในโรงแรงศรีพันวา
(+/-) โพลนักเศรษฐศาสตร์ใน Wall Street ประเมิน GDP สหรัฐปีหน้าโต 2.3% และปี 61 ที่ 2.5% ต่ำกว่าที่ Trump คาดว่าจะโตราว 5-6%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาหนี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมัน (23 ธ.ค.), GDP 3Q59 ของอังกฤษ (23 ธ.ค.), ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ (23 ธ.ค.)
ความคืบหน้ากรณีฟ้องร้องของสหรัฐต่อ Barclay Bank ในกรณี ขาย Residential Mortgage-Backed Securities
กระแส Fund Flow ของเม็ดเงินต่างชาติ หลังจากที่ดัชนี DJIA ปรับตัวขึ้นรับความคาดหวังต่อการเติบโตของเศรฐกิจสหรัฐหลังจากที่ Trump ชนะการเลือกตั้งแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน “แกว่งหลุด 1,500 ให้ Cut”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มซึมตัวลดลง กดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายในช่วงปลายปีมักมี Vol. ซื้อขายที่เบาบาง เราจึงคาดดัชนีจะไม่ผันผวนแรงในวันนี้ เรายังแนะนำให้เก็งกำไรสั้นหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยเฉพาะตัว อย่างไรก็ดี หากดัชนีปรับตัวลดลงหลุด 1,500 เรายังคงแนะนำให้ลดน้ำหนักกลุ่มยานยนต์และกลุ่มเครื่องดื่มที่จะได้ผลจากการเปลี่ยนแปลงภาษีสรรพสามิตร กลุ่มที่เราแนะนำให้ทยอยสะสมหากดัชนีสามารถยืนได้เหนือ 1,500 จุดคือกลุ่มพลังงานและธนาคาร
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
BANPU เก็งกำไร
เก็งกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาถ่านหินวานนี้
คาดได้ประโยชน์จากถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในผลประกอบการปี 60
ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ PBV 1.27 เท่า
SCB เก็งกำไร
SSI ออกจากแผนฟื้นฟูทำให้ NPL ที่จะลดลง และ Coverage Ratio จะเพิ่มขึ้นมาที่ 145% จากเดิม 128.9%
เป็นธนาคารที่มีการปรับตัวได้ค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ
Cost to Income Ratio อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่
ทีมวิเคราะห์