- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 December 2016 18:14
- Hits: 9284
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Sideway
คาดดัชนีแกว่งในกรอบ แนวรับ 1,503 จุด แนวต้าน 1,515 จุด แรงขายต่างชาติกดดันดัชนี ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายเริ่มเบาบางลง ประเมินแรงขายจะเริ่มชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้ามีโอกาสฟื้นตัวจาก window dressing
ระยะสัปดาห์ ดัชนีแกว่งตัวหลุดแนวรับ 1,515 จุด จากแรงขายต่างชาติก่อนหยุดยาวคริตส์มาสและปีใหม่ หุ้นที่เราแนะนำเล่นรอบ-หลายตัวก่อนหน้านี้ ลงแรงผิดคาด แนะขายหุ้นที่หลุดแนวรับหลัก หรือหลุดจุด Stop loss แล้ว รอจังหวะกลับเข้าเล่นรอบใหม่เมื่อราคาหุ้นเริ่มนิ่ง หรือ ดัชนีฯสามารถปิดยืนเหนือบริเวณ 1,503 จุด ได้
ปัจจัยที่คาดมีผลต่อตลาด (0/+) เมื่อวานนี้การประชุม กนง. คงดอกเบี้ย 1.5% ตามคาด (-) ผิดหวังการประชุมธนาคารกลาง ญี่ปุ่น ไม่เพิ่มมาตรการกระตุ้นฯ และ มาตรการที่ออกไปเมื่อ กย. ยังไม่สามารถทำให้ เงินเฟ้อขยายตัวได้ตามเป้าหมาย (0/-) วิตกปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศ จากเหตุการณ์สังหารฑูตรัสเซียที่ตุรกี
ระยะเดือน ธค. คาด แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอลงในเดือน ธค. และมีโอกาสที่เดือน มค. ปีหน้า จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 15 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. อิงสมมุติฐานต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และ หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่สามารถซื้อหุ้นไทย กลับไปสัดส่วนเฉลี่ย ที่ 32% คาดเม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งตามสถิติ เงินต่างชาติจะไหลเข้าช่วง มีค.เพื่อรับปันผลจากผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา
หุ้นแนะนำวันนี้ TICON พรุ่งนี้ประชุมผู้ถือหุ้นขออนุมัติการเข้าซื้อกิจการของบริษัทเฟรเซอร์ส (เสี่ยเจริญ) คาดตลาดจะมีมุมมองเชิงบวกต่อ synergies ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งบริษัทเฟรเซอร์สมุ่งเน้นการเติบโตระยะยาว คาดจะช่วยการขยายฐานลูกค้าและเกื้อหนุนการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ (ต้าน 18/18.5 บ. / แนวรับ 16.5 บ. / Stop loss 16 บ. / ราคาเหมาะสม 23 บาท)
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) Small-Cap Playbook เรามองว่าหุ้นที่จะเป็น Winning Stock ในปีหน้าจะเป็นหุ้นในกลุ่มที่อิงไปกับนโยบาย Thailand 4.0 ประกอบกับ เป็นหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเรามองผู้ได้รับประโยชน์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย ได้แก่ ต้นน้ำ ITEL (ผู้ให้บริการโครงข่าย, งานวิศวกรรมติดตั้งสายเคเบิ้ล) และ ปลายน้ำ COM7 (ผู้ค้าปลีก/ขายอุปกรณ์ 4G) และกลุ่มงานวิศวกรรมติดตั้งสายเคเบิ้ล ILINK คาดได้ประโยชน์ จากเม็ดเงินลงทุนภาครัฐฯ ที่มีแผนการลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราเฟ้นหาหุ้นจากเม็ดเงินลงทุนภาพ top-down ที่จะกระจายลงสู่แต่ละอุตสาหกรรมย่อย
(+) ITEL (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15 บาท) คาดกำไรโต 100% เป็น 140 ล้านบาทในปี 2017 คาดรายได้ค่าเช่าโครงข่าย Fiber Optic ที่เติบโตขึ้นทุกไตรมาส โดยใน 4Q16 บริษัทได้ลูกค้าใหม่คือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพิ่มอีก 1 ราย และไปจนถึง 1Q17 ได้ลูกค้าใหม่ที่เป็นร้านสะดวกซื้อ
(+) ILINK (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท) คาดกำไรโตแรงในปี 2017 จากการรับรู้รายได้งานในมือ (backlog) ที่มีอยู่แล้ว ราว 2,000 ล้านบาท คาดปัจจัยหนุนราคาหุ้นมาจากการประมูลงานวิศวกรรมสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลต่างๆ ตามแผนงานของบริษัท เช่นโครงการสายไฟฟ้าใต้น้ำของ กฟภ. และโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน กฟน. และยังมี การลงทุนอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน มูลค่า 15,000 ล้านบาท คาดบริษัทจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนภาครัฐในกลุ่มสายไฟฟ้าและสายสัญญาณนี้
(+) COM7 (ซื้อ) เรายังคงชอบการเติบโตของบริษัทในด้านการเป็นพันธมิตรกับทรูในการช่วยบริหารสาขาและเปิดเบอร์ใหม่ รวมไปถึงโอกาสในการจำหน่ายสินค้า IT เพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองว่านโยบาย Thailand 4.0 จะเป็นปัจจัยเร่งให้คนไทยทุกระดับสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น สำหรับระยะสั้นคาดบริษัทได้ประโยชน์จากการขาย iPhone7 หนุนกำไร กำไร 4Q16 ไปจนถึง 1Q17 จะเติบโตสูง
(+) TACC เรายังคงมั่นใจในประเด็นการเติบโตในอนาคตของบริษัททั้งในส่วนของธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ ทั้งจากการเติบโตไปพร้อมกับ 7-11, การเน้นกลยุทธ์เพิ่มตู้กดร้อนในร้านสะดวกซื้อซึ่งมีจำนวนการขายต่อวันที่มากกว่าปั๊มน้ำมัน, ปีหน้ารับผลประโยชน์โดนัทและ Sanrio เต็มปี และตลาดกัมพูชาที่ยอดขาย Zenya ขยายตัวต่อเนื่อง กำไรใน 4Q16 คาดจะทำจุดสูงสุดได้ตามคาด และเชื่อว่าแนวโน้มกำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ปัจจุบันราคาหุ้นเทรดบน PEG 0.96 เท่า ซึ่งต่ำกว่าบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันอีกมากอย่าง CBG 4 เท่า เราแนะนำหาจังหวะเข้าทยอยสะสมจากปัจจัยพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท
(+) BEM รฟม.สรุปเจรจาเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายกับ BEM แล้ว เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าว นอกเหนือจากความคืบหน้าของการเจรจาเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแคแล้ว (รวมไว้ในประมาณการกำไรแล้ว) ยังมีความชัดเจนเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาสัมปทานเดินรถสายสีน้ำเงินเส้นทางปัจจุบัน
(ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการกำไร) การขยายระยะเวลาสัมปทานเดินรถสายสีน้ำเงินเส้นทางปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก 21 ปี จะทำให้มีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของ BEM ในระยะยาว รวมถึงมีโอกาสในการปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย หากได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จากการประเมินเบื้องต้น เราคาดว่าการขยายระยะเวลาสัมปทานเดินรถสายสีน้ำเงินเส้นทางปัจจุบันเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายประมาณ 0.60 บาทต่อหุ้น เราคิดว่าราคาหุ้น BEM จะตอบรับเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ตามสำหรับหุ้นในกลุ่มขนส่งทางบก เราชอบ BTS มากกว่า เนื่องจากมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวและราคาเป้าหมายสูงกว่า จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู, สายสีเหลือง, สายสีเขียวส่วนต่อขยาย และโครงการร่วมทุนอสังหาริมทรัพย์
(-) M เราปรับคำแนะนำเป็น “ขาย” สำหรับ M ที่ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 60 บาท จากเหตุผลหลัก 3 ข้อ 1) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงกว่า 19% จากที่เราแนะนำซื้อไปเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ทำให้ในเชิง Valuation เริ่มแพง คิดเป็น PEG ปี 2560 ที่ 3.3 เท่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ไม่น่าสนใจที่ 3.9% 2) ในระยะสั้นการเติบโตจากยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 4/59 ที่สูญเสียแนวโน้มเชิงบวกไป ทำให้กำไรไตรมาส 4/59 ไม่โดดเด่น (ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ) และ 3) กำไรปีหน้า เรามองโตที่ 8% สอดคล้องกับตลาด (SET) แต่ต่ำกว่ากลุ่มที่ 15%
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) กลุ่มเช่าซื้อ THANI, LIT, SAWAD, MTLS กนง.คงดอกเบี้ยพยุงเศรษฐกิจ กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรืออัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรอายุ 1 วันไว้ที่ 1.50% แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยในการปรับประมาณการเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของปีนี้ กนง.คงประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 3.2% และคงประมาณการการขยายตัวในระดับเท่ากันที่ขยายตัว 3.2% ในปีหน้าแต่ยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อกว่าประมาณการมากขึ้นกว่าการประชุมครั้งที่ผ่านมา (ที่มา นสพ. ไทยรัฐ)
(+) BEM ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า การเจรจางานเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 26.9 กม.กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ได้ข้อยุติแล้วในขั้นตอนเจรจากับคณะกรรมการร่วมมาตรา 35 และมาตรา 45 ของพ.ร.บ.ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 (อินโฟเควสท์ 21 ธ.ค. 59)
(+) "รมว.คมนาคม" เผยโครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทางจัดอยู่ในแอคชั่นแพลนปี 60 แล้ว คาดจะเสนอให้ครม.พิจารณาช่วงเดือนมิ.ย. 60 ซึ่งบรรจุอยู่ในแอคชั่นแพลนปี 60 ว่า รถไฟทางคู่ 2 เส้นทางใหม่คือ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ รวมระยะทาง 326 กิโลเมตร วงเงิน 77,000 ล้านบาท และทางคู่สาย บ้านไผ่ -มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 60,512 ล้านบาทนั้น ขณะนี้บอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้พิจารณาอนุมัติแล้ว เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. โดยรฟท. อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอเรื่องมาให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อนำเสนอให้ครม.ขออนุมัติโครงการต่อไป (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
(+) ตลท.เปิดชื่อหุ้นดัชนี SET LOXLEY-DEMCO-TRCติด ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยชื่อ 102 หุ้น มีสภาพคล่องซื้อขายต่อเนื่อง เข้าเป็นองค์ประกอบดัชนีใหม่ "sSET Index" เพิ่มจากดัชนี SET50 และ SET100 เผยใช้เป็น Benchmark index เริ่มมีผล 4 ม.ค.60 ส่วนหุ้นที่เข้ามา เช่น LOXLEY-DEMCO-TRC-BJCHI-LPH และ ILINK (ที่มา ข่าวหุ้น)
(0) กกพ.ลงมติลดค่าเอฟทีงวดเดือนม.ค.-เม.ย.60 ลง 4 สตางค์ หวังลดภาระแก่ผู้บริโภคในช่วงปีใหม่ ชี้สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้ายังต้องใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลักถึง 65% (ที่มา ข่าวหุ้น) / คาดกระทบรายได้โรงไฟฟ้าจำกัด หุ้นที่อาจมีผลกระทบได้แก่ EGCO GPSC RATCH TSE etc. (ความเห็น BLS Research)
(*) AMA IPO เทรดวันแรก อาม่า มารีน ชูนโยบายรักษาอัตรากำไรสุทธิ 15% อัตรากำไร ขั้นต้นไม่ต่ำ 30% ระบุไม่ห่วงราคาน้ำมันขยับขึ้นสามารถปรับราคาได้ AMA ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ ราคาจองซื้อที่ราคาหุ้นละ 9.99 บาท (ที่มา โพสต์ ทูเดย์)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) การประชุม กนง. คงดอกเบี้ย 1.5% ตามคาด (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US Personal spending พย. คาด +0.4% จาก +0.3% m-m. US Core PCE index พย.คาด +0.1% คงที่ US Durable goods คาด +0.2% จาก 0.8% m-m. ประชุมธนาคารกลางไต้หวันคาดคงดอกเบี้ย 1.38% และ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ คาด คงดอกเบี้ย 3% (ที่มา Bloomberg)
(+) ศุกร์ US U of M consumer sentiment ธค. คาด 98.1 จาก 98, US New home sale พย. คาด 575k จาก 563k, GDP-3Q16 Netherlands France UK, ญี่ปุ่นหยุด, สิงคโปร์ CPI, Industrial production คาด +1.4% จาก 1.2% y-y. และ ไต้หวัน Industrial production พย. คาด +4.7% จาก 3.7% (ที่มา Bloomberg)
มุมมองตลาด
ตลาดหุ้นไทยผันผวนในสัปดาห์นี้ ด้วยมูลค่าซื้อขายลดลงเหลือ 3.4 หมื่นล้านบาท ดัชนีปิดที่ 1508.57 จุด ลดลง 0.2% เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงส่วนใหญ่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ดีอีกครั้ง เรายังมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในปีหน้า โดยปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจของนักลงทุนต่อความสามารถในการดำเนินงานตามแผนของรัฐบาล ดังนั้น ตลาดหุ้นในช่วงขาขึ้นคาดจะขยายออกไปอีก ส่วนปัจจัยภายนอกเราคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกหลายเดือนหลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยล่าสุดในเดือน น่าจะช่วยหนุนให้กระแสเงินทุนไหลกลับหลังจากเงินทุนต่างประเทศไหลออกไปในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้คาดว่าจะพักตัวบนแนวโน้มขาขึ้น ในกรณีที่ตลาดยืนเหนือกรอบแนวรับ 1500 จุดได้ จับตาปัจจัยสำคัญกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง ค่าเงินสกุลเอเชียเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นในภูมิภาคและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หากยังส่งสัญญาณเชิงบวก ตลาดก็จะอยู่ในภาพของการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ ทั้งนี้หากไม่มีปัจจัยลบที่มีนัยสำคัญ ดัชนีตลาดโดยรวมยังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นไปได้
สรุป: ตลาดหุ้นไทยโดยเรายังคงมุมมองว่าดัชนีฯไทยณ.สินปี 2016 จะขึ้นไปได้ถึงระดับ 1550 จุด / แนวรับ 1500 จุด
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนรัตน์ อิศรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Tel. (662) 618-1334