- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 05 August 2014 15:50
- Hits: 2886
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังมีสิทธิผันผวน ดังนั้นเลือกซื้อช่วงอ่อนตัว แล้วเน้นถือรอรอบขึ้น..
กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นแกว่งขึ้นต่อเนื่องและมีแนวโน้มวิ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นยังแนะนำให้ซื้อแล้วเน้นถือเพื่อรอรอบขึ้นใหญ่ต่อไป แต่ระยะสั้นยังต้องระวังการแกว่งผันผวนด้วย จึงสามารถรอเลือกหุ้นซื้อเพิ่มในช่วงตลาดอ่อนตัวได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : KKP, VGI, ROBINS(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับมาบวกได้เช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อเก็งกำไรหลังตลาดร่วงลงแรงเมื่อสัปดาห์ก่อนในลักษณะคล้ายตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 วันนี้ โดยคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไรผลประกอบการรายไตรมาสที่ บจ.ต่างๆ กำลังจะทยอยประกาศ ขณะที่บ้านเรายังเตรียมตอบรับกับนายกรัฐมนตรีและ ครม.ชุดใหม่ด้วย อย่างไรก็ตามในจังหวะบวกขึ้นครั้งใหม่ ก็ต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนเป็นระยะๆ อยู่ ซึ่งเช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังเปิดมาไร้ทิศทาง โดยมีทั้งบวกและลบแคบๆ ให้เห็น ซึ่งในส่วนของ SET ก็ยังต้องรอติดตามความคืบหน้าทางด้านการเมืองอยู่ เพราะกระแสความขัดแย้งกับการทำงานของ คสช. ก็ยังมีให้เห็นอยู่เป็นระยะเช่นกัน รวมทั้งนักลงทุนบางส่วนยังอาจต้องการรอดูความชัดเจนของนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ก่อน ดังนั้นแม้ว่า FSS จะยังมีมุมมองเชิงบวกกับภาวะตลาดหุ้นบ้านเราอยู่ จึงแนะนำให้หลังจากเลือกหุ้นเข้าซื้อแล้วควรเน้นถือเพื่อรอรอบขึ้นจริงจังของ SET ต่อไป แต่ถ้าจะเข้าเลือกหุ้นซื้อเพิ่มอีก ก็สามารถรอช่วง SET แกว่งพักตัวหรืออ่อนตัวลงก่อนได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อในลักษณะไล่ราคามากนัก
แนวรับ 1515-1512 , 1508-1505 จุด แนวต้าน 1522-1525 , 1529-1532 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดภูมิภาคในปริมาณที่หนาแน่นขึ้นหลังตลาดหุ้นอินโดนีเซียกลับมาเปิดทำการเป็นปกติหลังจากที่หยุดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$226.3 ล้าน ไต้หวัน US$45.3 ล้าน อินโดนีเซีย US$76.2 ล้าน ไทย US$33 ล้าน และเวียดนาม US$1.5 ล้าน แต่ขายตลาดฟิลิปปินส์ US$42.3 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) กลุ่มรับเหมา รฟม.รออนุมัติบอร์ดวันที่ 19 ส.ค. ในการออก TOR สำหรับประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 4 สัญญา วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเดิมกำหนดให้ยื่นเอกสารประกวดราคาเมื่อ 11 เม.ย. แต่มีการปรับปรุงรายละเอียด TOR ทำให้ล่าช้าและประธานรฟม.ลาออก จึงไม่มีผู้อนุมัติ หาก 19 ส.ค. นี้สามารถออก TOR และเปิดรับซองประมูล ก็คาดว่าจะเซ็นสัญญาปลายปีนี้ซึ่งเป็นข่าวบวกกับผู้รับเหมารายใหญ่ทั้ง 3 ราย แต่เราชอบ STEC เพราะราคาหุ้น laggard ปรับขึ้นเพียง 17% ใน 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ CK และ ITD ปรับขึ้นกว่า 40% และ STEC มี PE ต่ำสุด
(-) BANPU เราคาดว่ากำไรปกติ 2Q14 ลดลงถึง 44% Q-Q และ 49% Y-Y เหลือเพียง 562 ล้านบาท จากการลดลงทั้งราคาถ่านหินและปริมาณขาย แม้โรงไฟฟ้า BLCP กลับมาเดินเครื่องเต็มที่แต่ชดเชยไม่ได้ แนวโน้ม 2H14 ยังชะลอต่อจากราคาถ่านหินที่ทรงตัวในระดับต่ำและโรงไฟฟ้า BLCP หยุดซ่อมประจำปี แต่จะมีรายการพิเศษที่เป็นบวกทำให้กำไรสุทธิลดลง 58% Q-Q แต่เพิ่ม 21% Y-Y เรายังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้หดตัว 42% และปีหน้าโต 9% ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 29.50 บาท ยังคงแนะนำขาย
(-) IVL เราคาดกำไรสุทธิ 2Q14 เพิ่ม 206% Q-Q และ 427% Y-Y เป็น 1,130 ล้านบาท เป็นการเพิ่มจากฐานกำไรที่ต่ำมากใน 1Q14 และ 2Q13 แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติที่ควรมีกำไรประมาณ 3 พันล้านบาทต่อไตรมาส กำไรที่ดีขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y มาจากปริมาณการขายและอัตรากำไรของ PTA และ PET ที่เพิ่มขึ้น เราปรับกำไรสุทธิปี 2014-15 เพิ่มขึ้น 103% และ 35% ตามลำดับ สะท้อนธุรกิจโพลิเอสเตอร์ที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ยังไม่สดใสนัก และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 25 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าแล้ว แนวโน้มธุรกิจโพลิเอสเตอร์และ PTA ยังไม่สดใส จึงยังคงแนะนำขาย
(0) ADVANC กำไรสุทธิต่ำกว่าเราและตลาดคาดเพราะรายการพิเศษ หากตัดรายการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ล้าสมัยออก กำไรปกติ 2Q14 ลดลง 9% Q-Q และ 6% Y-Y ต่ำกว่าเราคาดเพียง 4% แต่แย่กว่า DTAC ที่กำไรปกติลดลง 8% Q-Q แต่เพิ่ม 17% Y-Y กำไรที่ต่ำกว่าคาดมาจากค่าใช้จ่ายการตลาดและโบนัสพนักงานที่เพิ่มสูงมาก ชดเชยไม่ได้จากต้นทุนค่า Regulatory cost ที่ลดลง ขณะที่รายได้รวมทรง Q-Q และลดลง 2% Y-Y เพราะรายได้จาก Voice ที่ฉุดต่อเนื่อง ชดเชยไม่ได้จากรายได้ Non-voice ที่โตขึ้น เราปรับกำไรปกติปี 2014-15 ลงอีก 4-5% ทำให้กำไรใน 2 ปีนี้โตเฉลี่ย 8% ต่ำกว่า DTAC ที่โตเฉลี่ย 11% เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 254 บาท แนะนำซื้อ แต่ระยะสั้นชอบ DTAC มากกว่าเพราะความผิดหวังในกำไรที่ต่ำกว่าคาดได้ผ่านไปแล้ว และมีจำนวนคลื่นมากที่สุด (เสี่ยงต่ำสุดหากการประมูลคลื่นใหม่ชะลอออกไป)
(-) SNC กำไรใน 2Q14 น่าผิดหวัง ลดลงถึง 49% Q-Q และ 45% Y-Y จากรายได้ของสินค้าในกลุ่มยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หดตัวแรง เราปรับกำไรสุทธิปี 2014-15 ลงปีละ 11% ทำให้กำไรปีนี้หดตัว 7% แต่กลับมาโต 13% ในปีหน้า ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 18.60 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงมาทำให้ upside กว้างขึ้น จึงยังแนะนำถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 75.91 จุด โดยปิดบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการหลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้าปรับตัวร่วงค่อนข้างแรง
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ปิดในแดนลบโดยนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของยุโรปหลังมรายงานว่าธนาคารกลางโปรตุเกสได้เข้าช่วยเหลือธนาคารบังโค เอสปิริโต ซานโตซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบๆโดยตลาดจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางของอินเดียและออสเตรเลีย
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยล่าสุดมาแกว่งตัวในกรอบ 32.08-32.18 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.41 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 98.29 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดกลับมาให้น้ำหนักความกังวลในด้านอุปทานจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิรักและลิเบีย
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 5.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,288.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นรวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5-ส.ค. - จีน: HSBC China Composite PMI (ก.ค.)
- อินโดนีเซีย: 2Q14 GDP
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ค.)
6-ส.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (เราคาดคงดอกเบี้ยที่ 2%)
7 ส.ค. - ไทย: RICHY เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 3.30 บาท)
- ECB, BOE ประชุม
8-ส.ค. - ไทย: เปิดประชุมสนช.นัดแรก
- จีน: ดุลการค้า (ก.ค.)
9-ส.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
10-ส.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อ (ก.ค.)
12-ส.ค. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ส.ค.)
13-ส.ค. - จีน: ยอดค้าปลีก, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (ก.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q14 GDP
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (มิ.ย.)