- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 December 2016 17:52
- Hits: 8191
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน อิงไปทางลง ภายใต้ประเด็นกดดันจากค่าเงินสหรัฐฯ ที่คาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น คาดส่งผลต่อ (1) ราคาสินค้า Commodity ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง แต่ในทางตรงข้ามคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย และ (2) ภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาด EM รวมถึงไทย ล่าสุดต่างชาติ ขายสุทธิกว่า 2,600 ล้านบาท
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่เพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีรายได้ทุกกลุ่มในช่วงปลายปีทั้งเงินช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย และมาตรการหนุนการบริโภค รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ คาดผลดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มโรงแรม เช่น HMPRO, CPN และ ERW เป็นต้น และหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันทั้ง WTI, Brent และ DUBAI ที่เคลื่อนไหวในระดับ 52 – 53USD
นอกจากนี้ ครม. เตรียมดำเนินแผนมาตรการเร่งด่วนด้านคมนาคมปี 2560 (Action Plan 60) วงเงินประมาณ 8.96 แสนล้านบาท โดยมีโครงการที่จะเริ่มประกวดราคาได้ 15 โครงการ คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60 คาดยังคงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาใน ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
ขณะที่แนะติดตาม (1) แรงซื้อของสถาบันในประเทศ ที่คาดชดเชยแรงขายสุทธิต่อเนื่องของต่างประเทศได้บ้าง และ (2) Window Dressing ในช่วงสิ้นปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
SET SET50 SET100
1,508.57 -3.08 940.30 -3.88 2,124.60 -7.76
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -32.66, NASDAQ -12.51, S&P -5.58, FTSE -2.54, CAC -16.07 และ DAX +3.90
จากการขายทำกำไร หลังดัชนีปรับขึ้นก่อนหน้านี้ และยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ลดลง อย่างไรก็ตามการปรับลงอยู่ในกรอบจำกัด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยยอดขายบ้านมือสอง - พ.ย. ปรับขึ้น 0.7%MoM อยู่ที่ 5.61 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ก.พ.’50 และสวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 1.0% อยู่ที่ 5.50 ล้านยูนิต โดยมีการเร่งซื้อบ้าน ภายใต้คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะเพิ่มขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณ และจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มจาก ความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของอิตาลี หลังธนาคาร Monte dei Paschi di Siena (BMPS) ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี เปิดเผย ธนาคารอาจอยู่ต่อไปได้อีกเพียง 4 เดือน ขณะที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า สถานะสภาพคล่อง จำนวน 1.06 หมื่นล้านยูโร (1.15 หมื่นล้านดอลลาร์) จะช่วยให้ดำเนินกิจการต่อไปได้อีก 11 เดือน
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$0.81 อยู่ที่ US$52.49 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่ ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล คาดการณ์ว่า ข้อตกลงลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ที่จะมีผลในม.ค.’60 จะส่งผลให้ราคาน้ำมัน เพิ่มขึ้นสู่ช่วง 50-60 USD ในปี’60
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.16 1.91 3.11
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 34,609.97
สถาบัน 98.32
บัญชีหลักทรัพย์ 427.02
ต่างประเทศ -2,606.07
ในประเทศ 2,080.72
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$0.4อยู่ที่ US$1,133.2 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการลดถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยยอดขายบ้านมือสอง ล่าสุด เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,606 ล้านบาท สะสม YTD +72,291 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
(+) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม -พ.ย. อยู่ที่ 87.6 เพิ่มขึ้นจาก 86.5 เมื่อ
ต.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 20 เดือน จากความเชื่อมั่นในมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐช่วงปลายปี ทำให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น
(0) กนง มีมติเป็นเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%ต่อปี
ประเด็นที่ต้องติดตาม 22 - 23 ธ.ค. 2559
22/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ประมาณการครั้งสุดท้าย GDP – 3Q/59
ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย.
รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.
23/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนธ.ค.
ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.55% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.18 อยู่ที่ 11.27
หุ้นแนะนำ : ANAN
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788