WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

RHB OSK บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment

 

ขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ
   ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังข้อมูลสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นผิดจากที่ตลาดคาด ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด -0.16%, -0.23%, -0.25%
   ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ กังวลภาคธนาคารของอิตาลีต้องการการเพิ่มทุน ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 0.03%, -0.04%, -0.33%, -0.16%

   สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 0.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 0.89 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้น สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง

   ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบสวนทางกับภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นตามทิศทางของหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปที่ฟื้นตัว หลังรัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มการประเมินภาวะเศรษฐกิจ โดยปรับเพิ่มการประเมินการส่งออกเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน หลังการส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปยังตลาดเอเซียเติบโตขึ้น นอกจากนี้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากยอดขายเสื้อผ้าและรถยนต์ในประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยวด้วย แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าสุดในรอบ 11 เดือน โดยมีแรงขายทำกำไรทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ เราคาดว่าแนวโน้มค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะระดับ 36.20-36.30 บาท/ดอลลาร์ภายใน 1 เดือน และอาจชะลอการอ่อนค่าเพื่อดูทิศทางค่าเงินดอลลาร์ในระยะต่อไป ทางด้านสอท. เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. อยู่ที่ระดับ 87.6 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.5 ในเดือนต.ค. โ

       ดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 20 เดือน มีปัจจัยมาจากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงปลายปี ทำให้มีการผลิตเพื่อรองรับการใช้จ่ายภายในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น กอปรกับผู้ประกอบการมีการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นยอดขายในหลายอุตสาหกรรม ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 102.0 ปรับตัวลดลงจากระดับ 102.9 ในเดือนต.ค. จากปัจจัยผู้ประกอบการมีความกังวลในต้นทุนการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หลังราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น การปรับขึ้นค่าแรง ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนการประชุมกนง. วานนี้มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% คาดว่า GDP ปีนี้จะโต 3.2% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะโตใกล้เคียงกันหรือ 3.2% เนื่องจากแรงส่งทางเศรษฐกิจโดยรวมไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งกระทบในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 มาจากภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งผลกระทบมีมากกว่าคาด โดยปีนี้คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไปราว 1.2 ล้านคน ส่วนปี 2560 คาดว่าจะหายไป 2.2 ล้านคน

     แต่ในส่วนของรายได้อาจได้รับการชดเชยจากนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปีนี้คาดว่าจะขยายตัวติดลบ 0.6% ส่วนปี 2560 คาดว่าจะขยายตัว 1.6% เพราะฉะนั้นตัวแปรที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะอยู่ที่การลงทุนภาคเอกชนเป็นสำคัญ ถ้ามีการลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดก็จะผลักดัน GDP ให้ขยายตัวเร็วขึ้น เราคาดว่าประเด็นนี้จะขึ้นอยู่ที่ความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่า น่าจะซึมลง จากราคาน้ำมันที่ยังแกว่งในกรอบแคบ ๆ และขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ เข้ามาในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน
  Trading : ไม่ต่ำกว่าแนวรับแถว ๆ 1,500 จุด แนะนำ เก็งกำไรได้

Saravut Tachochavalit, Analyst
TEL : +66 (2) 862-9754 Ext. 9754
EMAIL : [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!