- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 December 2016 17:43
- Hits: 956
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวโน้มลงทดสอบ 1500 แนวต้าน 1520
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1508.57 จุด ลดลง 3.08 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,610 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับสำคัญที่ 1520 จุดลงไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1500 และ 1470 จุด
Daily : ปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 1520 จุดลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง ซึ่งเราคาดว่า โครงสร้างการเคลื่อนไหวของ SET Index ยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1500 และ 1470 จุดตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวต้านที่ 1520 และ 1530 จุดเป็นแนวต้านสำคัญ
กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 1530 จุดลงไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1500 และ 1470 จุด และมีแนวรับสำคัญบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1460 จุด
Most Active Value : แนวรับ แนวต้าน
GL ขายที่แนวต้าน 60.00 แนวโน้มลงทดสอบ 55.00 และ 50.00 58.00 / 55.00 60.00 / 61.00
AOT แนวโน้มลงทดสอบ 386 และ 380 แนวต้าน 390 386 / 380 390 / 392
CPALL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 63.00 และ 64.00 แนวรับ 61.00 61.50 / 61.00 62.50 / 63.00
PTTEP แนวรับ 90.00 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 86.00 แนวต้าน 92.00 90.50 / 90.00** 91.50 / 92.00
PTT แนวรับ 360 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 350 แนวต้าน 365-367 360 / 356 365 / 367
ESSO แนวโน้มลงทดสอบ 12.50 และ 12.00 แนวต้าน 13.50 13.00 / 12.50 13.50 / 13.70
STA แนวรับ 20.00 แนวต้าน 21.50 และ 22.00 20.50 / 20.00 21.50 / 22.00
SCC สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 464 และ 460 แนวต้าน 480 474 / 470 478 / 480
THAI สัญญาณขาย แนวรับสำคัญ 21.20 ถ้าหลุด แนวรับถัดไป 18.00 แนวต้าน 22.50 21.50 / 21.20** 22.00 / 22.50
TISCO สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 57.00 และ 58.00 56.50 / 56.00 57.00 / 58.00
Gunkul Engineering (GUNKUL TB; THB 5.40) - ซื้อ
แนวต้าน : 5.80 และ 6.00 / แนวต้านสำคัญ 6.15
แนวรับ : 5.40 และ 5.30
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
MACD ปรับตัวลดลงทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 60
แนะนำซื้อ GUNKUL โดยมีแนวรับที่ 5.40 และ 5.30 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.80 และ 6.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.20 ลงไป
Everland (EVER TB; THB 0.73) - ซื้อ
แนวต้าน : 0.78 และ 0.80 / แนวต้านสำคัญ 0.82
แนวรับ : 0.73 และ 0.72
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 70
แนะนำซื้อ EVER โดยมีแนวรับที่ 0.73 และ 0.72 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 0.78 และ 0.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.70 ลงไป
Analysts : Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...บาทอ่อน ส่วนหนึ่งกดดันตลาด แต่ส่วนหนึ่งดีกับบางกลุ่มอุตสาหกรรม
ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อดอลลาร์ คืออ่อนตัวลงตามภูมิภาคหลังค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวสร้างสถิติในรอบหลายปี ปกติการอ่อนตัวของค่าเงินบาทจะดีกับภาคส่งออก โดยเฉพาะบางกลุ่มอุตสาหกรรม อย่าง ผู้ผลิตอาหาร ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ โยงท่องเที่ยวและอื่นๆ แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ค่าเงินบาท (รูปตัวเงิน) ที่อ่อนตัวลงไป ยังอ่อนน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ทั้งในอาเซียนและลาตินอเมริกา ดังนั้นผลของการอ่อนตัวของค่าเงินบาท จะยังไม่ส่งผลด้านบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่กล่าวมากนัก จนกว่าจะอ่อนไปมากกว่านี้ โดยต้องเปรียบเทียบค่าเงินที่แท้จริงหรือ Trade weight index ที่ต้องถ่วงด้วยสัดส่วนประเทศคู่ค้าและเงินเฟ้อ
หากมาพิจารณาดูแบบคร่าวๆ ของค่างินบาทรูปตัวเงิน (Nominal term) เทียบกับดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ส่งออกอาหารอย่าง (CPF/TU) จากรูปด้านซ้าย จะพบว่าแนวโน้มที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง จะส่งผลต่อดัชนีกลุ่มอาหาร แต่ไม่มาก เนื่องจากระดับราคาหุ้นยังต้องอิงกับหลายปัจจัย แต่คร่าวๆ การอ่อนตัวของค่าเงินบาทไปถึงระดับหนึ่ง น่าจะส่งผลดีกับกลุ่มดังกล่าว ที่เห็นได้ชัดมาก คือ กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ ดังนั้นช่วงนี้ที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง กลุ่มชิ้นส่วนน่าจะกลับมาคึกคักได้ แต่คงเป็นช่วงสั้นๆ
แนวโน้มที่เม็ดเงินจะไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย หลายๆ ฝ่ายคาดว่าจะยังดำเนินต่อไป แต่ไม่น่าจะมากแล้ว เนื่องจากยังต้องติดตามการแถลงนโยบายทางการค้าของสหรัฐ โดยแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในปีหน้าคาดกันว่ายังเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า โดยหลายๆ ฝ่ายมองว่าหากอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นเร็ว น่าจะเป็นในครึ่งปีหลังปี 2017 เพราะมองนโยบายของนาย Donald trump น่าจะเริ่งเห็นภาพที่ชัดขึ้น ส่วนในครึ่งปีแรกคาดตลาดหุ้นทั่วโลก น่าจะยังย่อยข่าวนโยบายของนาย Donald trump ดังนั้นเรามองว่าในครึ่งปีแรก ตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทย น่าจะยังพอหายใจหายคอได้ คือ น่าจะขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลกไปก่อน
ภาพของตลาดหุ้นไทย น่าจะเห็นภาพการลงทุนที่ชัดเจนในช่วงกลางถึงปลายเดือน ม.ค. ในปีหน้า คือ หลังการรับตำแหน่งของนาย Donald trump ในวันที่ 20 ม.ค. และหลังการประกาศงบ Q4/16 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะ 2 เหตุการณ์นี้มีผลต่อภาพการลงทุนของตลาดหุ้นไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการแถลงนโยบายทางการค้าของสหรัฐต่อเอเชีย ขณะที่งบกลุ่มธนาคารจะส่งผลโดยตรงกับทิศทางตลาดหุ้น โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองว่าทิศทางตลาดจะเป็นอย่างไร คือ แนวโน้มการทำกำไรของตลาด ผ่านค่า Earning momentum ratio ซึ่งตอนนี้ยังติดลบลงเรื่อยๆ ขณะที่อัตราการทำกำไรของตลาดในปีหน้าคาดยังทรงตัวอยู่ที่ 9-10%
เมื่อดัชนี SET ลงมาใกล้ 1500+/- จุด จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากที่มองว่าเปิดขึ้นมาในช่วงต้นปี ต่างชาติน่าจะยังขายหุ้นไทยต่อ โดยเรามองว่าการอ่อนตัวลงของดัชนี SET ยังไม่มีอะไรที่น่ากังวล เพียงแต่รอให้ Sentiment การลงทุนดีขึ้น หากไม่หลุดคงจะแกว่งในกรอบ 1500-1525 จุดต่อไป แต่หากดัชนี SET หลุด 1500 จุด เรามองว่าจะลงไปในกรอบประมาณ 1490-1480 จุด ซึ่งน่าจะเกิดในช่วงต้นปี วันนี้มองแนวโน้มดัชนี SET จะยังอ่อนตัวลงตามภูมิภาคและแรงกดของค่าเงินบาท โดยมองแนวต้านที่ 1515-1520 จุดและแนวรับที่ 1495-1500 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร WHA NWR LH และ SVI
Analysts : Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์ : ภาพของตลาดหุ้นไทย น่าจะเห็นภาพการลงทุนที่ชัดเจนในช่วงกลางถึงปลายเดือน ม.ค. ในปีหน้า คือ หลังการรับตำแหน่งของนาย Donald trump ในวันที่ 20 ม.ค. และหลังการประกาศงบ Q4/16 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะ 2 เหตุการณ์นี้มีผลต่อภาพการลงทุนของตลาดหุ้นไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการแถลงนโยบายทางการค้าของสหรัฐต่อเอเชีย ขณะที่งบกลุ่มธนาคารจะส่งผลโดยตรงกับทิศทางตลาดหุ้น โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองว่าทิศทางตลาดจะเป็นอย่างไร คือ แนวโน้มการทำกำไรของตลาด ผ่านค่า Earning momentum ratio ซึ่งตอนนี้ยังติดลบลงเรื่อยๆ ขณะที่อัตราการทำกำไรของตลาดในปีหน้าคาดยังทรงตัวอยู่ที่ 9-10% เมื่อดัชนี SET ลงมาใกล้ 1500+/- จุด จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากที่มองว่าเปิดขึ้นมาในช่วงต้นปี ต่างชาติน่าจะยังขายหุ้นไทยต่อ โดยเรามองว่าการอ่อนตัวลงของดัชนี SET ยังไม่มีอะไรที่น่ากังวล เพียงแต่รอให้ Sentiment การลงทุนดีขึ้น หากไม่หลุดคงจะแกว่งในกรอบ 1500-1525 จุดต่อไป แต่หากดัชนี SET หลุด 1500 จุด เรามองว่าจะลงไปในกรอบประมาณ 1490-1480 จุด ซึ่งน่าจะเกิดในช่วงต้นปี วันนี้มองแนวโน้มดัชนี SET จะยังอ่อนตัวลงตามภูมิภาคและแรงกดของค่าเงินบาท โดยมองแนวต้านที่ 1515-1520 จุดและแนวรับที่ 1495-1500 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร WHA NWR LH และ SVI
Themes play :
MAJOR : เราแนะนำ ซื้อ MAJOR โดยมีราคาเป้าหมาย 36.33 บาท โดยเราปรับเพิ่มประมาณการกำไร 0.4-5.3% ในปี FY17-20 เนื่องจากเชื่อว่าจำนวนจอภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้นและ content ที่แข็งแกร่งจาก Hollywood จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ชมในโรงภาพยนตร์ นอกจากนี้ เราคาดว่ารายได้จากการโฆษณาในโรงภาพยนตร์จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ชมและการเจาะตลาดต่างจังหวัด เราจึงปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงภาพยนตร์จาก 39-40% เป็น 39-41% ในปี FY16-20 เราเล็งเห็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นจาก 1) ความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยใน 4Q16, 2) รายได้จากภาพยนตร์ blockbuster จาก Hollywood ในปี FY17 ทั้งนี้จากข้อมูล box office ของ Box Office Mojo เราประมาณการรายได้จาก box office ของภาพยนตร์ blockbuster จาก Hollywood อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทในปี 2017 เทียบกับปี 2016 ที่ 1.7 พันล้านบาท และเมื่อรวมผลดีจากจำนวนจอภาพยนตร์และ ATP ที่เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าประมาณการรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ที่คาดจะเพิ่มขึ้น 16% ในปี FY17 น่าจะยังมี upside เพิ่มเติม และ 3) การที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
ประเด็นในสัปดาห์
22 ธ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข GDP Annualized QoQ ไตรมาส 3/59 โดยตลาดคาด 3.3% จากเดือนก่อนหน้าที่ 3.2%
22 ธ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Durable Goods Orders เดือนพ.ย. โดยตลาดคาด -3.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ 4.6%
22 ธ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Personal Consumption ไตรมาส 3/59 จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.8% และตัวเลข Personal Income เดือนพ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.6%
Technical Pick :
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวแนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1500 และ 1470 จุด และมีแนวรับสำคัญ 1460 จุด
Gunkul Engineering (GUNKUL TB; THB 5.40) - ซื้อ
Everland (EVER TB; THB 0.73) - ซื้อ
SET Index : แนวโน้มลงทดสอบ 1500 แนวต้าน 1520
Retail Research Team