- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 December 2016 16:46
- Hits: 1526
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Healthcare Sector, SC
Our Portfolio Dec 2016 : BEAUTY, BEM, CK, HMPRO, MINT
คาด SET พักตัวช่วงสั้นก่อนลุ้นขึ้นต่อตามคาด ดังนั้นถือรอเป้าเดิม!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มปรับตัวลงจริงจังมากขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า และค่อยๆซึมลงต่อเนื่องจนปิดตลาดเป็นลบกว่า 10 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังปรับตัวลงอีก เพราะความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในซีเรีย หลังคืนวันก่อนเอกอัครราชทูตรัสเซียถูกยิงเสียชีวิตที่ตุรกีนอกจากนี้ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องมา 5 วันติดต่อกันด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศดูดีขึ้นบ้างหลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดเป็นบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยมีรายงานว่ารัฐบาลอิตาลีกำลังเตรียมให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน รวมทั้งนักลงทุนยังคาดหวังว่าคณะทำงานของ ปธน.สหรัฐคนใหม่จะช่วยฟื้นฟูให้ภาคธนาคารของสหรัฐแข็งแกร่งมากขึ้นได้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าจะผันผวนและลดช่วงบวกไปบ้างก็ตาม โดยนักลงทุนคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่จะประกาศค่ำนี้มีสิทธิลดลง ทำให้ FSS คาดว่าSET มีแนวโน้มที่จะเริ่มแกว่งทรงตัวและเตรียมลุ้นโอกาสบวกกลับ อย่างไรก็ตามยังต้องระวังผันผวนด้วย เพราะค่าเงินบาทยังมีจังหวะอ่อนตัวต่อเนื่องอยู่
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET ปรับพักตัวเพียงช่วงสั้น ก่อนลุ้นขยับขึ้นต่อตามคาด ดังนั้นยังรอแบ่งส่วนทำกำไรช่วงดัชนีขยับเข้าใกล้เป้าหมายต่อไปได้
แนวรับ 1510-1507 , 1505-1502 จุด
แนวต้าน 1514-1518 , 1520-1522 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MONO , VGI , COM7(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$83ล้าน นำโดยไต้หวันUS$66ล้าน ฟิลิปปินส์ US$27ล้าน และไทย US$22ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้US$32ล้าน และอินโดนีเซีย US$7ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีทิศทางผันผวนเพราะยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่และมีความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงที่เยอรมนีและตุรกี ขณะที่นักลงทุนบางส่วนเริ่มหยุดเนื่องในเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) BOJ มองเศรษฐกิจมีสัญญาณดีขึ้น โดยการส่งออกและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเริ่มส่งสัญญาณขยายตัว เศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัวระดับปานกลางและมีมติคงดอกเบี้ยที่ -0.1% และคงวงเงิน QE 80 ล้านล้านเยนต่อปีตามตลาดคาด
• (0) คาดกนง.คงดอกเบี้ย ที่ 1.5% ไม่มีผลกระทบต่อตลาด
• (-) ดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อ หนุนเงินทุนไหลออก การคงดอกเบี้ยในระดับต่ำของ BOJและน่าจะคงดอกเบี้ยของกนง. ทำให้ส่วนต่างของ Bond yield สหรัฐ-ญี่ปุ่นและ สหรัฐ-ไทย กว้างขึ้น หนุนดอลลาร์แข็งค่า (เยนอ่อนต่อ บาททะลุ 36 บาท/ดอลลาร์ อ่อนเร็วกว่าที่เราคาด) ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้น หนุนดอลลาร์แข็งค่าที่สุดในรอบ 14 ปี และหนุนเงินทุนไหลออก
• (+) กลุ่มโรงพยาบาล แนวโน้มผลประกอบการปี 2017 จะกลับมาเติบโตแข็งแกร่งและทำ New High ต่อเนื่อง จาก Demand ทางการแพทย์ที่เติบโตสูงและเร็วกว่าอัตราการเติบโตของ Supply เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น สังคมไทยที่กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ เราเชื่อว่าการเติบโตหลักๆจะยังมาจากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย และยังอาจมี Upside เพิ่มหากสำนักงานประกันสังคมปรับเพิ่มการจ่ายเงินในปีหน้า เราคาดกำไรปกติปี 2017 ของกลุ่มเติบโต 12% Y-Y ดีกว่าปีนี้ที่คาดโต 10% Y-Y เราคงน้ำหนักOverweight โดย EKH (ราคาพื้นฐาน 8 บาท) และ LPH (ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท)เป็น Top Pick จากกำไรที่โตสูงกว่ากลุ่มและ PE ต่ำกว่ากลุ่ม (PEG ต่ำสุดในกลุ่ม)
• (+) SC เราเริ่มต้น Coverage ด้วยคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 3.80 บาท แต่เราไม่คิดว่าราคาหุ้นจะโดดเด่นกว่ากลุ่มเพราะคาดกำไรปี 2017 ยังหดตัว 9 % Y-Y ต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาด -8% Y-Y เพราะคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมโอนปี 2017 มีเพียง 2 โครงการและเป็นโครงการขนาดเล็ก มูลค่า 800 ล้านบาทและ 930 ล้านบาท รายได้หลักในปีหน้าจึงมาจากบ้านแนวราบเป็นหลัก SC มีคอนโดหรูมูลค่ากว่า 2.8 พันล้านบาทซึ่งจะเริ่มโอนในปี 2018 ทำให้กำไรปี 2018 จะเติบโตดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันมี 2017PEเพียง 8 เท่าต่ำกว่าอดีตที่ 10 เท่า คาด Dividend yield 5% ต่อปี จึงแนะนำซื้อดังกล่าว
• (+) ม.44 ช่วยทีวีดิจิตอล โดยการขยายงวดชำระค่าใบอนุญาตทำให้กระแสเงินสดของผู้ประกอบการดีขึ้น แนะนำซื้ออ่อนตัวสำหรับ WORK (ราคาพื้นฐาน 44 บาท) แต่ยังแนะนำขายสำหรับ BEC, RS, MCOT
• (+) หุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 รอบ 1H17 มี GLOBAL, KKP, PTG, SPRC, THAI /ส่วนที่เอาออกมี BEC, MTLS, SAWAD, TASCO, TTW / สำหรับ SET100 หุ้นที่เข้าคำนวณมี BIG, KAMART, SCN, SPRC, SUPER, THANI, TKN, VIBHA / หุ้นที่เอาออกมี ANAN, BJCHI, ERW, GL, JWD, SVI, TRC, WORK
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
22 ธ.ค. - ไทย: AMA เข้าเทรด (ราคา IPO 9.99 บาท)
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย ตลาดคาดดีขึ้นเล็กน้อยจาก3.2% เป็น 3.3%)
23 ธ.ค. - ไทย: AU เข้าเทรด (ราคา IPO 4.50 บาท)
26 ธ.ค. - ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
27 ธ.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราใช้กำลังการผลิต (พ.ย.)
30 ธ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
1 ม.ค. - จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ธ.ค.)
2 ม.ค. - ไทย: Business Sentiment Index (ธ.ค.)
3 ม.ค. - สหรัฐ: ISM Manufacturing (ธ.ค.)
4 ม.ค. - ไทย: เงินเฟ้อ (ธ.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกโดย DJIA ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ได้เป็นครั้งที่ 17 หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด และห่างจากระดับ 20,000 จุดเพียงแค่ 25จุดเท่านั้น
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้เช่นกันโดยตลาดไม่ได้ตอบรับทางลบมากนักกับเหตุการณ์ก่อการร้ายในเยอรมนีและตุรกี
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างสดใสแม้จะมีเหตุการณ์ก่อการร้ายในยุโรป
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงและทะลุระดับ 36 บาท/ดอลลาร์ ไปแล้ว
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.11ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 52.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลงมากกว่า 2 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 9.10 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,133.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในอนาคต รวมถึงมุมมองของนักลงทุนที่เป็นบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีหน้า
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research