- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 December 2016 16:58
- Hits: 9420
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'รอวันหยุด'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพราะเข้าใกล้ช่วงปลายปีแล้วโดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศที่มียอดซื้อขายในระดับ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น (ก่อนหน้านี้เฉลี่ย 14,000-15,000 ล้านบาท) โดยกลุ่มที่กดดันตลาดได้แก่กลุ่มธุรกิจการเกษตร (-1.9%) หลังหุ้นในกลุ่มยางพาราถูกขายทำกำไรออกมา ตามด้วยกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (-1.1%) ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่กลุ่มค้าปลีก (+0.6%) จากผลดีของมาตรการช๊อปช่วยชาติที่อนุมัติออกมาปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 0.11 จุด (-0.0%) มาที่ 1,522.40 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายเบาบางเพียง 36,233 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(-) วานนี้เอกอัครราชฑูตรัสเซียประจำตุรกี ถูกยิงเสียชีวิตขณะกล่าวเปิดงานแสดงศิลปะในกรุงอังการา ทำให้กังวลถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย Vsตุรกี
(-) ราคายาง TOCOM วานนี้ ปรับตัวลดลงแรงกว่า 5%Day มาอยู่ที่ 262 Kg./Yen คาดเป็นการขายทำกำไรหลังจากที่ก่อนหน้านนี้ราคายางพุ่งขึ้นแรง
(-) ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ ในเดือน ธ.ค. ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยลดลงมาอยู่ที่ 53.4 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 55.2 จุด
(-) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดลง 0.4%Day มาปิดที่ 86.2 จุด แต่ยัง +71%YTD (ลบต่อกลุ่มถ่านหิน BANPU, LANNA)
(-) สนช. เตรียมพิจารณาร่างภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ 22 ธ.ค. นี้ คาดมีผลให้การจัดเก็บภาษีรถยนต์, เหล้า, เบียร์, บุหรี่, เครื่องดืม เพิ่มขึ้น คาดเริ่มใช้อัตราภาษีใหม่ราวกลางปี 60 (มองเป็นลบต่อกลุ่มยานยนต์มากสุด)
(+) ราคาน้ำมันดิบ (WTI) วานนี้ บวกอีก 0.4%Day มาอยู่ที่ 52.12 US/Barrel โดยได้ผลบวกจากการคาดหมาย Supply OPEC จะลด, ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น และข่าวที่ฑูตรัสเซียประจำตุรกีถูกยิง
(+) ประธาน FED กล่าวสุนทรพจน์ ณ. มหาวิทยาลัยบัลติมอร์ โดยมีใจความสำคัญคือ ตลาดแรงงานสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากสุดในรอบ 10 ปี
(+) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Roll Coil) ยังแข็งแกร่งที่ระดับ 585 US/Tons (เทียบสิ้น 3Q59 อยู่ที่ 496 US/Tons) หรือบวกเพิ่มขึ้น 18% จากสิ้นไตรมาส 3/59 คาดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล็ก PERM, PAP, TMT, AMC, MCS
(+) ปี 60 คาดว่ารัฐฯจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อีกกว่า 50 โครงการ มูลค่า 4-5 แสนลบ. (บวกต่อกลุ่มรับเหมา CK, STEC, UNIQ, ITD)
(+/-) คาด กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ส่วน World Bank คาด GDP ไทยปี 60 จะขยายตัว 3.2%YoY และปี 59 คาดขยายตัว 3.1%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ติดตามประชุมครม.ในวันนี้ เตรียมพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น ให้ธนาคารรัฐฯให้ส่วนลดและลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าชั้นดี
ประชุมธนาคารกลาง BOJ (20 ธ.ค.) และกนง. (21 ธ.ค.)
FSTE SET Large-Cap Index มีผล 19 ธ.ค. (หุ้นเข้า BJC / ออก SCCC)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาหนี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (21 ธ.ค.), ยอดขายบ้านเดือน พ.ย. ของสหรัฐ (21 ธ.ค.), GDP 3Q59 สหรัฐ (22 ธ.ค.), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ (22 ธ.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นใหญ่”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ เราคาดว่าตลาดจะเริ่มเงียบเหงาในช่วงปลายปีจากที่ปัจจัยหนุนค่อนข้างจำกัด แนะนำเก็งกำไรดัก Fund Flow กองทุน LTF และ RMF โดยเน้นหุ้นกลุ่ม Big Cap และคาดหวังผลตอบแทนระดับต่ำในช่วงที่เหลือของปี สำหรับกลุ่มที่มองว่าจะมีผลประกอบการ 4Q59 เด่นคือกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้ราคาน้ำมันหนุน และ ธนาคาร ที่มีประเด็น SSI หนุน
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
PTT เก็งกำไร
ได้โมเมนตัมบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการคว่ำบาตรอิหร่านสร้างแรงตึงตัวในตลาดน้ำมันเพิ่มเติม
เตรียมนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ในปี 60
SCB เก็งกำไร
ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI Coverage Ratio จะเพิ่มขึ้นจาก 129% เป็น 145%
4Q59 มีโอกาสที่จะตั้งสำรองลดลง 2 พันลบ. จากกรณี SSI
มูลค่าพื้นฐานระยะยาวอยู่ที่ 165 บาท (เทียบเท่า PBV ปี 60 1.55 เท่า)
ทีมวิเคราะห์