- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 December 2016 17:54
- Hits: 11595
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Chair Yellen emphasized more hawkish
วันนี้คาดดัชนีฯ Sideways down 1,515-1,535 จุด เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดคาด อีก 0.25% เป็น 0.5-0.75% และเมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ ตลาดคาดแนวโน้มดอกเบี้ยปีหน้ามีโอกาสขยับขึ้น 3 ครั้ง จากเดิม คาด 2 ครั้ง แต่เราเชื่อว่าข่าวนี้สะท้อนไปในตลาดแล้ว ขณะที่อิงจากผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์หลังการประชุม (ที่มา Bloomberg consensus) คาดเดือน มิย.ปีหน้า มีโอกาส 46% ขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง ส่วนโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า มีโอกาส 34% ดังนั้นเราเชื่อว่าตลาดจะมีแรงขายจำกัดจนกว่าผลสำรวจจะเปลี่ยนมุมมอง Hawkish มากขึ้น (ดอกเบี้ยขึ้นเร็ว) ซึ่งตอนนี้ยังเร็วไป ที่จะกังวลเรื่องดอกเบี้ยขึ้นเร็วเพราะ คกก. SEP (Summary of Economic Projection) ปรับมุมมอง US-GDP ปี 2016-18 ขึ้นเพียง 0.1% เป็น 1.9%, 2.1% และลดลงเป็น 1.9% (ตามลำดับ)
สัปดาห์นี้ กลุ่มแบงก์ลงผิดคาด (วันนี้ ยังมีลุ้น ศาลฯพิจารณาคดี SSI) ส่วนหุ้นน้ำมันเริ่มมีแรงขายท้ายสัปดาห์ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แต่หุ้นกลาง-เล็ก ในธีม CAPEX Cycle Outperform ตลาดตามคาด
ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้า คาดเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการทำ Window dressing แนะเลือกเล่นรอบรายตัว เพิ่มการเล่นรอบหุ้นที่มีนัยยะทางสถิติปรับขึ้นช่วงสิ้นไตรมาส คาดวันนี้-พรุ่งนี้ หากลงรับข่าวเฟดแล้วถ้ายังไม่หลุด 1,515 จุด คาด มีโอกาสรีบาวด์อีกครั้ง แนวต้านเดิม 1,545 จุด (ส่วนกรณีหลุด 1,515 จุด คาดลงสร้างฐานใหม่ 1,503 จุด)
ระยะเดือน ธค. คาด แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอลงในเดือน ธค. และมีโอกาสที่เดือน มค. ปีหน้า จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 15 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. อิงสมมุติฐานต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และ หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่สามารถซื้อหุ้นไทย กลับไปสัดส่วนเฉลี่ย ที่ 32% คาดเม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งตามสถิติ เงินต่างชาติจะไหลเข้าช่วง มีค.เพื่อรับปันผลจากผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา (แนะซื้อดัก)
หุ้นแนะนำวันนี้ BRR (ดูรายงานพื้นฐานวันนี้) แนวรับ 14.3 บ. ต้าน 15.5/16 บ. Stop loss 14 บ. DEMCO แนะนำทางเทคนิค แนวรับ 8.1 บ. ต้านสั้น 8.6/9 บ. Stop loss 7.8 บ. CAPEX Cycle theme ปีหน้างาน สายส่งไฟฟ้า และ สถานีจ่ายไฟ ที่เพิ่มเข้ามาแทนงาน Civil จะหนุนให้ รายได้หุ้นในกลุ่ม EPC มีแนวโน้มเติบโตสูง และคาดราคาหุ้น Outperform ตลาด จาก News flow งานประมูลฯที่จะทยอยออกมาตลอดช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ตามแผนงานของ กฟผ. และ กฟภ.
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) BRR เราเริ่มให้คำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 20.50 บาท อิงตาม PER ค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 23 เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเนื่องจากหุ้นเคยขึ้นไปเทรดที่จุดสูงสุด PER 30.4 เท่า และ 26.7 เท่าในปี 2016 เราเชื่อว่าจะมีปัจจัยบวกที่หนุนราคาหุ้นได้ดังนี้ 1) การฟื้นตัวกลับมาที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของกำไรในปี 2017 จากธุรกิจน้ำตาลซึ่งเราประเมินกำไรสุทธิจะเติบโตถึง 88% และกำไรหลักกระโดด 102% ในปี 2017 (ราคาน้ำตาล +35% YoY), 2) การปลดล๊อคมูลค่าจากการขายโรงไฟฟ้าเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ 3) โอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นจากโครงการน้ำตาลทรายฟอกขาวปี 2018, โรงเอทานอล 2018/2019 และโรงไฟฟ้าโรงที่ 4 ในปี 2020
(+) ITEL การประกาศงาน O&M โครงข่าย Fiber Optic มูลค่า 125 ล้านบาท คาดจะเป็น Positive Surprise เพราะเป็นโมเด็ลธุรกิจที่เปลี่ยนจากการแบกต้นทุนมาเป็นหากำไร ซึ่งบริษัทมีโอกาสโอกาสขยายธุรกิจ O&M เพิ่มอีกในอนาคต สำหรับให้เช่า Fiber คาดตลาดจะเริ่มให้มูลค่ากับกำไรที่ได้จากลูกค้าใหม่เมื่อเห็นรายได้เติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยใน 4Q16-1Q17 นี้ จะเริ่มให้บริการกับ mobile operator รายใหม่ และลูกค้าร้านสะดวกซื้อที่ได้สัญญามาแล้วกว่า 1,000 สาขา ในขณะที่การเติบโตระยะยาวมีโอกาสมากกว่าคาดจากแผนธุรกิจเชิงรุก และโอกาสที่เข้าไปขายการเชื่อมต่อกับตู้ ATM ที่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อที่บริษัทมีวงจรเชื่อมต่ออยู่แล้ว คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15 บาท
(*) กลุ่มธนาคาร วันนี้ลุ้นคำสั่งศาลพิจารณาแผนฟื้นฟู SSI หากผ่านคาด 3 ธนาคารได้รับประโยชน์โดยเราคาด NPL SCB จะลงจาก 2.9% เหลือ 2.4%, KTB จาก 4.2% เหลือ 3.7% และ TISCO จาก 3% เหลือ 2.7% ส่วน LLR (สำรองหนี้) SCB คาดเพิ่มจาก 129% เป็น 150% TISCO เพิ่มจาก 107% เป็น 120% และ KTB เพิ่มจาก 104% เป็น 119% หนุนให้กำไร 4Q16 และปีหน้ามีโอกาสจะดีกว่าคาด จากการตั้งสำรองที่จะน้อยลงใน
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(*) วันนี้ ศาลฯจะพิจารณาคดี SSI คาดคำสั่งเป็นบวกต่อเจ้าหนี้ SCB KTB TISCO
(-) FOX Network ฟ้อง BBL 2.5 พันล้านบาท กรณียังไม่จ่ายแบงก์การันตี แทน ช่อง CTH-แกรมมี่ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) ดัชนี FTSE ใหม่ มีผล 19 ธค. เป็นต้นไป FTSE SET Large Cap Index: BJC
ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มี 4 หลักทรัพย์ BAFS BCPG SCCC TFG
ดัชนี FTSE SET Shariah Index มี 15 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ ได้แก่ ABC ALT AMATAV ASEFA BAFS BCP BTSGIF CFRESH GOLD PTL SCC SVI TKN UV VNT ที่มา ตลท.
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) พฤหัส US Consumer prices พย. คาด +0.2% จาก +0.4% m-m. US Core CPI คาด +0.2% จาก +0.1% m-m. EU Summit ประชุมสุดยอดผู้นำ EU, EU PMI ภาคผลิต ธค. คาด คาด 53.6 จาก 53.7 EU PMI Composite คาด 53.8 จาก 53.9, ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ BOE คาดคงดอกเบี้ย 0.25% และ คง QE 4.35 แสนล้านปอนด์, ญี่ปุ่น PMI Mfg ธค., ธนาคารกลางอินโดนีเซีย คาดคงดอกเบี้ย 4.75% ธนาคารกลางเกาหลีใต้ คาดคงดอกเบี้ย 1.25%, อินโดนีเซีย ส่งออก พย. คาด +10% จาก 4.6% (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ US Housing starts พย. คาด +1.23 ล้านยูนิต จาก 1.32, EU area เงินเฟ้อ HICP พย.คาด +0.6% คงที่ ส่วน Core CPI คาด +0.8% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค