- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 December 2016 17:16
- Hits: 3007
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : AAV, LIT, PTTEP
Our Portfolio Dec 2016 : BEAUTY, BEM, CK, HMPRO, MINT
คาด SET แค่พักตัวจากขึ้นรอบก่อน...กรอบลบจำกัดและยังลุ้นขึ้นอีก
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET กลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้ง โดยเคลื่อนไหวในแดนลบเกือบทั้งวันในลักษณะค่อยๆ ซึมลง ซึ่งตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในลักษณะคล้ายกัน เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูความชัดเจนจากท่าทีของเฟดหลังการประชุมช่วงค่ำก่อน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็แกว่งแคบในด้านลบ และค่าเงินบาทเริ่มอ่อนแอลงอีกครั้ง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ส่วนใหญ่ปิดเป็นลบ เพื่อรอลุ้นผลประชุมเฟดที่คาดกันว่าน่าจะมีการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ ซึ่งผลก็ออกมาตามคาด โดยเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25%พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในการประชุมปีหน้า กดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐที่ช่วงแรกแกว่งตัวบวก/ลบ แคบๆ เริ่มผันผวนและไหลลงจนกระทั่งปิดลบกว่า 100 จุด และส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เปิดแกว่งตัวด้านลบด้วยเช่นกัน จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น กดดันให้เงินเอเชียอ่อนลง รวมทั้งเงินบาทก็อ่อนตัวลงต่อ อย่างไรก็ตาม FSS ยังคาดว่ากรอบลบของ SET ไม่น่าจะรุนแรงมากนัก และยังลุ้นโอกาสบวกต่อได้อีกตามคาดเดิมจากเม็ดเงิน LTF/RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอแบ่งส่วนทยอยทำกำไรเพื่อลดพอร์ตในช่วงตลาดเป็นบวกดีกว่า แล้วเตรียมเม็ดเงินไว้รอซื้อใหม่ช่วง SET ปรับลงรอบหน้า
แนวรับ 1520-1518 , 1516-1513 จุด
แนวต้าน 1524-1528 , 1530-1535 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : LPN , TSE , KTC(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$141ล้าน นำโดยเกาหลีใต้US$136ล้าน และไต้หวัน US$34ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$23ล้านและไทย US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลออกจากภูมิภาคหลังจากผลการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดแต่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า 3 ครั้งซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดไว้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) Fed ตามคาด ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.5-0.75% ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า มากกว่าเดิมที่ 2 ครั้ง (ไม่ aggressive เกินไปและสอดคล้องกับมุมมองเศรษฐกิจที่ดีขึ้น) การปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปีนี้เป็น 1.9% (จาก 1.8%) และปีหน้าเป็น 2.1% (จาก 2.0%) เป็นมุมมองบวกและทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เป็นลบกับราคาทองคำ น้ำมัน และสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ และน่าจะเกิดแรงขายในสกุลเงินเอเชียและพันธบัตรระยะสั้นในวันนี้ แต่เรามองผลกระทบจำกัดสำหรับตลาดหุ้นไทยเพราะเกิดความชัดเจนแล้ว แรงซื้อของ LTF/RMF และมาตรการรัฐในการกระตุ้นใช้จ่ายและท่องเที่ยวในประเทศจะทำให้หุ้นไทยแกร่งกว่าเพื่อนบ้าน
• (+) LIT ได้ประโยชน์โดยตรงจากการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่คึกคักขึ้นในปี 2017 เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มาจากธุรกิจก่อสร้าง วางระบบ และตกแต่งอาคาร ในงาน Opp Day วานนี้ผู้บริหารให้เป้าสินเชื่อและรายได้ปี 2017 ในเชิงรุกโดยไม่ต้องกังวลเริ่องเพิ่มทุนเพราะกำหนดเป้า D/E 4 เท่าจากปัจจุบันที่ 2.4 เท่า เราคาดกำไรปีนี้ +43%Y-Y ปีหน้า +24% Y-Y และเชื่อว่าจะรักษาการเติบโตกว่า 20% ได้ถึงปี 2020 ปัจจุบันมี2017PE 19 เท่า ต่ำกว่าการเติบโตของกำไร ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 14 บาท
• (-) PTTEP แม้เราจะมองบวกมากขึ้นต่อราคาน้ำมันดิบหลัง OPEC และ Non-OPECบรรลุข้อตกลง แต่ upside ของราคาน้ำมันในระยะถัดไปยังจำกัดเพราะที่ระดับ US$60/บาร์เรล ทำให้ supply จาก Shale เพิ่มขึ้น และ PTTEP ก็ไม่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น เพราะราคาขายเฉลี่ยยังถูกถ่วงด้วยราคาก๊าซที่ปรับลงจนถึงกลางปี 2017 ทำให้กำไร 4Q16 จะอ่อนแอจนถึง 1H17 ปัจจุบันมี 2017PE 16 เท่า สูงกว่ากลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีมาก เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 86 บาท ยังแนะนำขาย
• (+) AAV ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นไม่เป็นความเสี่ยงเพราะ hedge ไว้จนถึง 4Q17 แล้วถึง72% ที่ราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยปีนี้เพียง 6% แต่ความเสี่ยงคือการแข่งขันที่รุนแรงมาโดยตลอดทำให้ต้องทำโปรโมชั่นเป็นระยะ แต่เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +99% Y-Y ปีหน้า+16% Y-Y ตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และจากความเป็นผู้นำ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในตลาด Low cost airline และการเปิดเส้นทางบินใหม่ ราคาพื้นฐาน 8.20 บาท แนะนำซื้อ
• (0) BBL ค่าเสียหาย US$71 ล้านที่ Fox network ฟ้องร้อง BBL ที่ไม่จ่ายแบงก์การันตีแทน Grammy และ CTH คิดเป็น 7% ของกำไร กระทบ EPS 1.30 บาทต่อหุ้น กระทบราคาพื้นฐาน 2 บาท ในกลุ่มแบงก์ใหญ่เราชอบ BBL กับ KTB น้อยที่สุดอยู่แล้ว แนะswitch เข้า SCB (วันนี้ศาลล้มละลายนัดฟังคำสั่งกรณี SSI) แทน
• (0) STA-TRUBB ราคายางพารามักเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบเสมอ ราคาหุ้นก็เช่นกัน บวกกับช่วงนี้จนถึง 2Q17 เป็นช่วงปิดหน้ายาง Supply น้อยกว่าปกติ หนุนราคาหุ้น STA-TRUBB ให้ขยับขึ้นได้ เราแนะนำเก็งกำไรด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เพราะถ้าราคาน้ำมันพักฐาน หุ้นกลุ่มยางพักด้วย และวันนี้ราคาน้ำมันลดเพราะ Fed ขึ้นดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 ธ.ค. - ไทย: WHART เข้าเทรด (ราคา IPO 10 บาท)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
16 ธ.ค. - สหรัฐ: Housing starts, Building permits (พ.ย.)
20 ธ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
21 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
22 ธ.ค. - ไทย: AMA เข้าเทรด (ราคา IPO 9.99 บาท)
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย ตลาดคาดดีขึ้นเล็กน้อยจาก3.2% เป็น 3.3%)
23 ธ.ค. - ไทย: AU เข้าเทรด (ราคา IPO 4.50 บาท)
26 ธ.ค. - ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
27 ธ.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราใช้กำลังการผลิต (พ.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงโดยนักลงทุนตอบรับเชิงลบหลัง FED ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าถึง3 ครั้ง
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบก่อนที่จะทราบผลการประชุม FED ที่มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หลังจากที่ตลาดปิดทำการไปแล้ว
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบเช่นกันจากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วขึ้นในปีหน้าของ FED
(-) ค่าเงินบาทพลิกมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ35.62-35.78 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 1.94 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.04 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยของFED ทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเม็ดเงินออกจาก Commodity ไปยังตลาดพันธบัตรสหรัฐฯและเงินดอลลาร์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,163.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนที่จะปรับตัวลงเช้านี้และต่ำสุดในรอบ 10 เดือนหลัง FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% รวมถึงส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้าซึ่งเร็วกว่าที่ผ่านมา
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research