- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 December 2016 18:48
- Hits: 1152
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : ---
Our Portfolio Dec 2016 : BEAUTY, BEM, CK, HMPRO, MINT
คาด SET ยังขึ้นหาเป้าหมาย แต่ upside เริ่มแคบ น่าแบ่งทำกำไรบ้าง
ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจากช่วงเช้าดัชนีแกว่งตัวบวก/ลบ แคบๆ จากความกังวลเกี่ยวกับผลประชุมเฟดที่จะทราบในวันนี้(14 ธ.ค.) แต่ยังมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับลงในช่วงวันหยุดของบ้านเรา(12ธ.ค.) ไปบ้างแล้ว ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาพยุงให้เริ่มทรงตัวด้านบวกได้ส่งผลให้ SET เริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในภาคบ่าย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนเช้านี้ถือว่ายังดูดี หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกต่อ ด้วยภาวะการซื้อขายที่ค่อนข้างคึกคัก จากคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ก็ปิดบวกด้วย โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังยูนิเครดิตซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี ประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กรนอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปิดบวกอีก จากการปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้และปีหน้าของ IEA รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าอีกเล็กน้อย ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสบวกต่อเนื่องตามคาดเดิมได้แม้ว่าจะยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวน และอาจอ่อนตัวลงบ้าง เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนและมีอ่อนตัวสลับ
กลยุทธ์ : คาด SET ยังมีลุ้นขึ้นได้ตามเป้า แต่ upside เริ่มแคบ น่าแบ่งส่วนทยอยทำกำไรเพื่อลดพอร์ต เตรียมเม็ดเงินไว้รอซื้อใหม่ช่วงอ่อนตัวรอบหน้า
แนวรับ 1528-1525 , 1522-1518 จุด
แนวต้าน 1533-1535 , 1540-1544 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BANPU , AUCT , TRC(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$154ล้าน ส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$129ล้าน และไต้หวัน US$110ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$45ล้านและฟิลิปปินส์ US$22ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางชะลอตัวเพื่อรอผลการประชุมFOMC ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เช้านี้แข็งค่าขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกของปีและครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) คาดผลกระทบจาก Fed จำกัดและระยะสั้น ราคาหุ้นทั่วโลกตอบรับเป็นลบมากกับการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ครั้งล่าสุด 16 ธ.ค. 2015 เพราะคาดว่าจะขึ้นติดต่อกันในเดือนถัดไป ประกอบกับช่วงนั้นราคาน้ำมันทำ new low ทุกวันและกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอ กดดันให้ SET -3% เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เงินบาทอ่อนค่า 1% ต่างชาติขายหุ้นไทยและพันธบัตรติดต่อกันเกือบ 1 เดือน แต่เราเชื่อว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่แย่ขนาดนั้นเพราะนักลงทุนปรับพอร์ตไปก่อนหน้านี้แล้ว น้ำมันเป็นขาขึ้น การขึ้นดอกเบี้ย Fed อาจทำได้ไม่ aggressive นักเพราะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยุโรปและแนวโน้มการอ่อนแอของจีนจะทำให้ดอลลาร์แข็งค่ามากไป และยังเชื่อว่า SET จะแกร่งกว่าเพื่อนบ้านจากปัจจัยเฉพาะตัวและแรงซื้ของ LTF/RMF
• (+) วานนี้ครม.อนุมัติ Action plan ของก.คมนาคมปีหน้า 8.96 แสนล้านบาท มี 5โครงการที่พร้อมก่อสร้างเลยได้แก่ รถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบฯ โครงการท่าอากาศยานในภูมิภาค เป็นต้น และอีก 15 โครงการที่สามารถประกวดราคาได้ เช่นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีเขียวเข้ม สีแดงเข้ม เป็นต้น คาดวงเงินเบิกจ่ายในปีหน้า 1.5 แสนล้านบาท กระตุ้นGDP ได้ 1% แต่วงเงินจะเพิ่มเป็นเท่าตัวในปี 2017 เพราะจะมีงานก่อสร้างมาก กลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง และธนาคารพาณิชย์ได้รับอานิสงส์เต็มที่ ส่วนกลุ่มอสังหาฯจะได้รับประโยชน์ในระยะถัดไป แนะนำ CK, SEAFCO, PYLON, SCC, SCB
• (+) ครม.อนุมัติมาตรการช้อปช่วยชาติไม่เกิน 15,000 บาทช่วง 14-31 ธ.ค. นี้การขยายเวลาช้อปมากกว่าปีก่อนที่ให้เวลาเพียง 7 วัน ยิ่งเป็นบวกกับหุ้นค้าปลีก แม้ตลาดจะรับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว แต่กลุ่ม Commerce และหุ้นที่ได้อานิสงส์ยังน่าสนใจเพราะราคาหุ้นพักฐานแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลเริ่มจ่ายเงินให้ผู้มีรายได้น้อยแล้ว หุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ BEAUTY, KAMART, BIG, HMPRO, GLOBAL, ROBINS, FN, M,MC , KTC
• (+) BIG งาน Photo Fair 2016 เมื่อ 30 พ.ย. – 4 ธ.ค. คาดมียอดขาย 130-140 ล้านบาทเพราะตลาดกล้องที่กลับมาคึกคักจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Fuji (X-A3) และOlympus (E-PL8) และสินค้าเดิมของ Sony กลับมาขายได้ตามปกติ และยังได้แรงกระตุ้นจากช้อปช่วยชาติ ซึ่งปีที่แล้วสร้างยอดขายในช่วง 7 วันได้ราว 50 ล้านบาท เราจึงคาดกำไรสุทธิ 4Q16 จะฟื้นแรง 40-50% Q-Q เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายในปัจจุบันที่ให้ 5.55 บาทอิง 2017PE 20 เท่า ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับกำไรปี 2017 ที่คาดโต 35% Y-Y
• (+) คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50 หุ้นเข้า: GL, GLOBAL, JAS, PTG, RATCH,SCCC, SPRC, THAI // หุ้นออก: BCP, BEC, MTLS, SAWAD, TASCO, TPIPL, TTW,WHA (น่าจะประกาศปลายสัปดาห์นี้)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13-14 ธ.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
14 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan (4Q16)
- ยูโรโซน: Industrial Production (ต.ค.)
15 ธ.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
16 ธ.ค. - สหรัฐ: Housing starts, Building permits (พ.ย.)
20 ธ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
21 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
22 ธ.ค. - ไทย: AMA เข้าเทรด (ราคา IPO 9.99 บาท)
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย ตลาดคาดดีขึ้นเล็กน้อยจาก
3.2% เป็น 3.3%)
23 ธ.ค. - ไทย: AU เข้าเทรด (ราคา IPO 4.50 บาท)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ค่อนข้างดีและทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุม FED ในคืนนี้
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้เช่นกันโดยตอบรับเชิงบวกต่อตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามประเด็นที่นักลงทุนจับตายังเป็นเรื่องของการประชุม FED ในคืนนี้
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น รวมถึง Sentiment ที่ดีขึ้นของภาคการผลิตในญี่ปุ่น
(0) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย โดยล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ35.50-35.60 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.15ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 52.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA มีการปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้และปีหน้า โดยอุปสงค์จากฝั่งเอเชียยังแข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยหนุนคือความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 6.80 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,159.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยไปหาสินทรัพย์เสี่ยงแทน รวมถึงความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมคืนนี้
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research