- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 December 2016 17:09
- Hits: 2243
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Selective buy
วันนี้คาดดัชนีฯแกว่งในกรอบ 1,517-1,534 จุด
สัปดาห์นี้ คาด Sideways up ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,520 จุด คาดหุ้นพลังงาน และ ธนาคาร จะผลักดันให้ดัชนีฯมีโอกาส ปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,545 จุด จาก (1) คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ปรับเพิ่มดอกเบี้ย 0.25% สะท้อนแนวโน้มดอกเบี้ยที่ผ่านจุดต่ำสุด เป็นบวกต่อ หุ้นที่เชื่อมโยงโดยตรง ได้แก่ ธนาคาร (2) ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง หนุนราคาหุ้นพลังงานที่เชื่อมโยง หลังจากการประชุม OPEC และ Non OPEC บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 5.58 แสนบาร์เรล ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย ประกาศพร้อมจะปรับลดกำลังการผลิตลงต่ำกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน…และคาดหุ้นกลาง-เล็ก ที่ได้ประโยชน์จากงานภาครัฐฯ CAPEX cycle theme มีแนวโน้มจะขึ้นได้ดีกว่าดัชนี
ระยะเดือน ธค. คาด แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอลงในเดือน ธค. และมีโอกาสที่เดือน มค. ปีหน้า จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 15 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. อิงสมมุติฐานต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และ หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่สามารถซื้อหุ้นไทย กลับไปสัดส่วนเฉลี่ย ที่ 32% คาดเม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งตามสถิติ เงินต่างชาติจะไหลเข้าช่วง มีค.เพื่อรับปันผลจากผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา (แนะซื้อดัก)
หุ้นแนะนำวันนี้ BTS แนวรับ 8.5 บ. ต้าน 8.95 บ. ASEFA แนวรับ 7.45 บ ต้าน 8 บ. (ดูรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์)
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) รายงานกลยุทธ์ภาพตลาดฯ เรายังคงเป้าหมายดัชนีปี 2017 ที่ 1,670 จุด เรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพตลาดในปีหน้าโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก เพราะคาดมีปัจจัยหนุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ แนะนำหุ้นในกลุ่ม รับเหมา ค้าปลีก ธนาคาร และ น้ำมัน-ปิโตรเคมี แม้ที่ผ่านมา bond yield จะปรับตัวขึ้นมาแล้ว แต่จากการศึกษา equity yield gap พบว่า หุ้นไทยยังไม่แพง ซึ่ง gap ปัจจุบันอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเทียบเท่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และถึงแม้ FED จะมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อส่งผลให้ bond yield ปรับตัวขึ้นอีก เรามองว่าหุ้นไทยจะเริ่มแพงที่ระดับ 1,700 ขึ้นไป
(+/-) กลุ่มรับเหมาฯ เมื่อวันศุกร์มีการประกาศราคาประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่ง CKST (กิจการร่วมค้าระกว่า CK และ STEC ในสัดส่วน 60:40) เสนอราคาต่ำสุดสัญญา 1 และ 2 ที่ราคาราว 20.7 และ 21.6 พันล้านบาท ส่วน ITD เสนอสัญญา 3 ต่ำสุดที่ 18.6 พันล้านบาท และ UNIQ เสนอสัญญา 4 และ 6 ต่ำสุดที่ 9.99 และ 3.75 พันล้านบาท สำหรับสัญญา 5 คาดจะประกาศได้ภายในปีนี้ แม้เราจะมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ แต่ในระยะสั้นยังไม่เห็นการประมูลงานขนาดใหญ่เพิ่มเติม สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง คาดเปิดประมูลในช่วง 1H17 ดังนั้นเรามองว่าระยะสั้นราคาหุ้นน่าจะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด แนะ Sell into strength
(*) Model Port (โดยคุณปรเมศร์) แนะ switching ซื้อ ROBINS แทน CK ตามกลยุทธ์ที่มองว่ากลุ่มค้าปลีกจะให้ผลตอบแทดีกว่าดัชนี และ Sell into strength ในกลุ่มรับเหมาฯ
(0) TISCO สินเชื่อสุทธิในเดือน พ.ย. ลดลง 0.2% MoM และ 6.3% YTD โดยทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และ SME ลดลง 0.5% MoM และ 3.2% MoM ตามลำดับ ซึ่งตัวเลขที่ออกมาเป็นไปตามที่เราคาด เราเชื่อว่าตัวเลขสินเชื่อจะลดลงในเดือน ธ.ค. ก่อนที่จะฟื้นตัวใน 1Q17 หนุนโดยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในประเด็น SSI หากศาลมีคำสั่งฟื้นฟูในวันที่ 15 ธ.ค. NPL ของ TISCO จะปรับตัวลดลงไปที่ 2.7% จาก 3% และ loan-loss-coverage ratio จะเพิ่มขึ้นมาที่ 121% จาก 107% นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่บริษัทจะปรับนโยบายการตั้ง LLP ลงในปีหน้า เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 63.50 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) ประชุม ครม. วันนี้ ลุ้นมาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นบาท
(+) KSL รับทรัพย์ 28 ล้านบาท หลังศาลสั่ง คกก.อ้อย คืนเงิน จากการจัดเก็บเงินส่งกองทุนขัดกฎหมาย (ที่มา ทันหุ้น)
(+) แบ่งเค้ก รถไฟฟ้าสายสีส้ม 7.4 หมื่นล้านบาท CK STEC แบ่ง 2 สัญญา ITD คว้า 1 สัญญา UNIQ คว้า 2 สัญญา คาดลงนาม ภายใน มีค.2060 (ที่มา Bangkok biznew)
(+) BTS ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ทั้ง 2 ด้าน อยู่ระหว่างรอ กทม. เจรจากับ BTS รฟม.คาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้ข้อยุติ (ที่มา อินโฟเควส)
(+) ดัชนี FTSE ใหม่ มีผล 19 ธค. เป็นต้นไป FTSE SET Large Cap Index: BJC
ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มี 4 หลักทรัพย์ BAFS BCPG SCCC TFG
ดัชนี FTSE SET Shariah Index มี 15 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ ได้แก่ ABC ALT AMATAV ASEFA BAFS BCP BTSGIF CFRESH GOLD PTL SCC SVI TKN UV VNT ที่มา ตลท.
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) เมื่อสัปดาห์ก่อน ECB ขยายระยะเวลาซื้อสินทรัพย์ APP ออกไปอีก 9 เดือน เป็นสิ้นสุด ธค.17 และลดวงเงิน APP ลงเหลือ 6 หมื่นล้านยูโร คิดเป็นปริมาณเงินที่จะเข้าในระบบเพิ่มขึ้นเป็น 5.4 แสนล้านยูโร ถือว่าเพิ่มขึ้น จากเดิม ที่ 8 หมื่นล้านยูโร ระยะเวลา 6 เดือน หรือคิดเป็น 4.8 แสนล้านยูโร พร้อมทั้งส่งสัญญาณพร้อม ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม พิจารณาจากเป้าเงินเฟ้อ 2017 ที่ 1.7% ซึ่งตัวเลขปัจจุบันยังห่างไกลเป้าหมายอยู่มาก (ที่มา ECB / BLS Research)
(0) อังคาร US Import prices พย.คาด -0.3% จาก +0.5% m-m. เยอรมนี HICP inflation คาด +0.7% คงที่ เยอรมนี ZEW expectation ธค. คาด 13.5 จาก 13.8, อิตาลี Industrial production ตค. อังกฤษ เงินเฟ้อ CPI พย. คาด +1.1% จาก +0.9% จีน Industrial production พย.คาด +6.1% คงที่ อินเดีย CPI พย. คาด +3.9% จาก +4.2% (ที่มา Bloomberg)
(+) พุธ US FOMC ประชุมเฟดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% US Retail sale พย.คาด +0.3% จาก +0.8%, ฝรั่งเศส CPI พย.คาด +0.5% คงที่ EU area Industrial production คาด +0.2% จาก -0.8% ญี่ปุ่น Business condition in Tankan ธค. คาด 12 จาก 6 (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US Consumer prices พย. คาด +0.2% จาก +0.4% m-m. US Core CPI คาด +0.2% จาก +0.1% m-m. EU Summit ประชุมสุดยอดผู้นำ EU, EU PMI ภาคผลิต ธค. คาด คาด 53.6 จาก 53.7 EU PMI Composite คาด 53.8 จาก 53.9, ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ BOE คาดคงดอกเบี้ย 0.25% และ คง QE 4.35 แสนล้านปอนด์, ญี่ปุ่น PMI Mfg ธค., ธนาคารกลางอินโดนีเซีย คาดคงดอกเบี้ย 4.75% ธนาคารกลางเกาหลีใต้ คาดคงดอกเบี้ย 1.25%, อินโดนีเซีย ส่งออก พย. คาด +10% จาก 4.6% (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ US Housing starts พย. คาด +1.23 ล้านยูนิต จาก 1.32, EU area เงินเฟ้อ HICP พย.คาด +0.6% คงที่ ส่วน Core CPI คาด +0.8% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
