- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 December 2016 17:39
- Hits: 3705
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
บวกต่อ ปัจจัยภายนอกยังหนุน
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ยังคงปรับขึ้น แรงเก็งกำไรผลประชุม ECB หนุนหุ้นโลก (วานนี้ดัชนีฯ บวกแคบๆ ตามคาด) ทั้งนี้ค่าเงินดอลล่าร์ฯ ที่ทรงตัว และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ที่พลิกมาลงเมื่อคืน ผนวกกับความคาดหวังของตลาดต่อผลประชุม ธ.กลางยุโรป (ECB) จะหนุนจิตวิทยาหุ้นเอเชียและฟันด์โฟลว์ต่อไป ส่งผลให้ดัชนีฯ ยังเทรดเหนือเป้าสิ้นปีได้อยู่ โดย consensus คาดว่า ECB จะประกาศขยายเวลามาตรการ QE ไปอีก 6 เดือน ไปสิ้นสุด ก.ย. 2560 (อย่างไรก็ดีทาง KGI มองว่าจะยังไม่มีการประกาศในวันนี้ และหากเรามองถูก ตลาดหุ้นโลกจะชะลอตัวในวันพรุ่งนี้) เราคงมองการปรับขึ้นของดัชนีฯ มีจำกัด ด้วยประเด็นของ valuations ที่ค่อนข้างสูงในระยะสั้น ผนวกกับราคาน้ำมันลง 2.1% หลังสำรองน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ สูงกว่าคาด น่าจะถ่วงหุ้นพลังงาน เราจึงคงเน้นหุ้นขนาดกลางซึ่งมีธีมลงทุนเด่น เช่นหุ้นเชื่อมโยงโครงการรัฐฯ และหุ้นเติบโตสูงในปี 2560 (ดูรายละเอียดหุ้นเด่นในส่วนถัดไป)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร SEAFCO + PYLON
หุ้นกลุ่มงานเสาเข็มและฐานราก: วันนี้ฝ่ายวิจัยฯ ออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Initiate coverage) หุ้นกลุ่มงานเสาเข็ม โดยประเมินผลการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสีชมพู – เหลือง และโครงการอื่นที่จะตามมา อาทิ (รถไฟฟ้าสายสีส้ม คาดรู้ผล ม.ค.2560 และรถไฟรางคู่ 7 เส้นทางที่ขายซองในเดือน ธ.ค.นี้) จะทำให้ความต้องการงานฐานรากและเสาเข็ม (เป็นงานแรกก่อนเริ่มการก่อสร้าง) เพิ่มขึ้นมากในปี 2560 – 2561 ขณะที่ โครงการคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้ามีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นใน 1 – 2 ปีข้างหน้า ทำให้ความต้องการงานฐานรากและเสาเข็ม สำหรับภาคเอกชนมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
1) SEAFCO (เป้าพื้นฐาน 14.4 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรจะเติบโตเฉลี่ย 28% CAGR (2559 - 2561) 2) ประเมิน EPS ปี 2560 = 0.6 บาท คิดเป็น PE 19 เท่า (ฝ่ายวิจัยฯประมาณการฯอนุรักษ์นิยมกว่าประมาณการฯใน Bloomberg ที่คาด PE เฉลี่ยราว 14 – 15 เท่า) 3) คาด Dividend yield เฉลี่ย 2 – 3% ต่อปี 4) ประเมินแนวรับ 11.1 บาท แนวต้านแรก 11.5 บาท หาก Breakout ผ่านได้ประเมินมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 12.5 บาท
2) PYLON (เป้าพื้นฐาน 13.5 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรจะเติบโตเฉลี่ย 31% CAGR (2559 - 2561) 2) ประเมิน EPS ปี 2560 = 0.56 บาท คิดเป็น PE 21 เท่า (ฝ่ายวิจัยฯประมาณการฯอนุรักษ์นิยมกว่าประมาณการฯใน Bloomberg ที่คาด PE เฉลี่ยราว 18 – 19 เท่า) 3) คาด Dividend yield เฉลี่ย 3 – 4% ต่อปี 4) ประเมินแนวรับ 11.5 บาท แนวต้านแรก 12.5 บาท หาก Breakout ผ่านได้ประเมินมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 13.6 บาท
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มสายการบิน (THAI*, BA*) ราคาน้ำมัน WTI วานนี้ลดลง 2.3% (เป็นการพักฐานตามคาด เนื่องจากเราประเมิน Upside ราคาน้ำมันจำกัดที่บริเวณ 50 – 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ) + ความคาดหวังต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินที่สหรัฐฯวานนี้ปรับขึ้นเฉลี่ย 4.15% เราประเมินหุ้นกลุ่มสายการบินในไทยจะปรับตัวขึ้นด้วย Sentiment เดียวกัน (กลุ่มสายการบินโดยปกติเล่นเป็น Global theme) ขณะที่สายการบินในไทยมีประเด็นเรื่องมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ + การลดค่าธรรมเนียมวีซ่าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหนุน แนะนำ “เก็งกำไร” i) THAI* แนวรับ 23.4 บาท และ 23 บาท / แนวต้าน 23.7 บาท และถัดไปที่ 25 บาท (คาดหวังการซื้อคืนปิดสถานะชอร์ตหนุนอีกแรง) ii) BA* แนวรับ 22.8 บาท และ 22.6 บาท / แนวต้าน 23.7 บาท และถัดไปที่ 24 บาท
หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (STEC*, CK / SEAFCO, PYLON) มีโอกาสรู้ผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มภายในเดือน ธ.ค.นี้ (เร็วกว่าที่คาดไว้เดิมว่าจะเป็นเอน ม.ค.60) และโครงการต่างๆอาทิ รถไฟรางคู่ 7 เส้นทาง คาดจะขายซองในเดือน ธ.ค.นี้ รวมถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย – จีน แนะนำ “ซื้อสะสม”
หุ้นกลุ่มค้าปลีก (COM7*, ROBINS*, TVD) และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (THAI*, MINT*, SPA) โครงการเที่ยวไทยลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมอีก 1.5 หมื่นบาท (รวมปีนี้ลดหย่อนฯได้ 3 หมื่นบาท) ต่อเนื่องจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมวีซ่าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ “จีน” และคาดจะนำมาตรการ “ช้อบช่วยชาติ” เข้าที่ประชุม ครม สัปดาห์หน้า (คาดมีผล 15 – 31 ธ.ค.) จะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกอย่าง COM7*, ROBINS*, TVD และกลุ่มท่องเที่ยวอย่าง THAI*, MINT*, SPA รวมถึง KTC* (คาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตพุ่งปลายปีนี้)
หุ้นมีข่าว
(+ THAI*, BA*, MINT*, CENTEL*, SPA) นักท่องเที่ยวไฮซีซั่นคึกคัก ยอดจองห้องพักทั่วปท.พุ่ง 90% (มติชน) นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เดือนธันวาคมนี้ คาดว่ายอดจองห้องพักเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 80-90% เพราะได้ปัจจัยสนับสนุนจากวันหยุดยาวติดต่อกันหลายช่วง ได้แก่ วันที่ 3-5 ธันวาคมที่ผ่านมา และวันที่ 10-12 ธันวาคมนี้ ขณะที่รัฐบาลประกาศวันหยุดเพิ่มเติมช่วงปีใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวไทยทยอยวางแผนและจองห้องพักล่วงหน้าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็น ช่วยเอื้อให้เกิดความต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ททท.คาดว่ารายได้ท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาส 4 (ตุลาคม-ธันวาคม) อยู่ที่ 2.19 แสนล้านบาท และทำให้รายได้ตลอดปีอยู่ที่ 8.59 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.95% จากปี 2558
(+) คมนาคมชงแอ็กชั่นแพลนลงทุน 9 แสนล.ครม.ไฟเขียวลงนามสัญญาร่วมทุนสร้างรถไฟไทย-จีน (คมชัดลึก) "คมนาคม" เตรียมเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า แอ็กชั่นแพลนปี 60 วาดแผน 36 โครงการ วงเงินลงทุนเกือบ 9 แสนล้านบาท ด้าน ครม.เห็นชอบไทยลงนามบันทึกความร่วมมือกับรัฐบาลจีน ก่อสร้างรถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย "สมคิด" เดินทางร่วมประชุมเจซี พร้อมเตรียมลงนาม 9 ธ.ค.นี้
(+) ผู้ถือหุ้น GL* ไฟเขียวซื้อหุ้นบ.ไฟแนนซ์เตรียมบันทึกกำไรจากการลงทุนทันที (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ผู้ถือหุ้น "กรุ๊ปลีส" ไฟเขียวอนุมัติแผนลงทุนซื้อหุ้น 22.27% ใน Commercial Credit and Finance PLC (CCF) ในศรีลังกา คาดหนุนผลการดำเนินงานพุ่ง เตรียมบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน CCF ทันทีไตรมาส 4 ปีนี้ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ แถมยังอนุมัติซื้อหุ้นทั้งหมดของ BG Microfinance Myanmar Co.,Ltd. ในเมียนมา รุกธุรกิจรองรับตลาดที่มีความต้องการสินเชื่อจำนวนมาก
(+ KSL) หวั่นเอทานอลตึงตัวกระทบแผนสั่งแจงปริมาณทุกวันถึงสิ้น ก.พ.60 (คมชัดลึก) กรมธุรกิจพลังงานห่วงสถานการณ์เอทานอลตึงตัว กระทบแผนบริหารยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 สั่งแจงปริมาณการผลิต การจำหน่ายทุกวัน
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้าสูงสุดใน Consensus 17.5 บาท … ปรับขึ้นตามคาด) แนะนำ “ซื้อสะสม” แนวรับ ±14 บาท แนวต้านแรก 14.8 บาท ถัดไป 15.4 บาท ... ประเมินกำไร 4Q59 ทำนิวไฮ (คาดจะมากกว่าประมาณการฯ Consensus) จาก i) High season ii) iPhone7 iii) การเป็นพันธมิตร TRUE* (ขายซิม True รับค่าคอมฯ และเข้าบริหาร True shop แล้ว 30 สาขา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) iv) ได้แรงหนุนจากมาตรการช้อบช่วยชาติ
KSL (เป้า Consensus 4.5 บาท) ประเมินราคาหุ้น Overbought ระยะสั้น (เปิดแก๊บ Bollinger band) มีโอกาสพักที่แนวรับ ±4.2 บาท แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ... ประเด็นบวกเรื่องเอทานอลขาดตลาดฯ (นสพ คมชัดลึก วันนี้) + คาดกำไรปี 2559/60 โตเด่น YoY จากการล๊อกราคาขายน้ำตาลได้ในราคาที่สูง
VGI* (เป้าสูงสุด Consensus 5.5 บาท) Breakout แนวต้าน 5.25 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไรตาม” ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 5.5 บาท และ 5.9 บาท ตามลำดับ ... ประเด็นบวกเรื่องการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ + มีโอกาสได้สัมปทานพื้นที่โฆษณาบนรถไฟฟ้าสายสีชมพู – เหลือง ที่ BTS* ชนะการประมูล
TVD (เป้าพื้นฐาน 3.60 บาท) แกว่งตัว Sideway รอสัญญาณการ Breakout กรอบแนวต้านที่ 2.40 บาท หากทะลุผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±2.7 บาท (Stop loss 2.2 บาท) ... ประเมินภาพรวมการจับจ่ายใช้สอย และการโฆษณาขายสินค้าทางช่องทีวีฟื้นตัวตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. หลังชะลอตัวในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และจะกลับมาเด่นอีกครั้งใน 1Q60
TRC* (เป้าสูงสุด Consensus 1.8 บาท) แนะนำ “ซื้อสะสม” (Stop loss 1.43 บาท สำหรับนักลงทุนระยะสั้น) แนวต้านแรก 1.54 บาท … คาดอยู่ระหว่างรอการเปิดประมูลท่อส่งก๊าซของ PTT* (คาดเปิดขายซองฯภายใน ธ.ค.นี้ หรืออย่างช้า 1H60) + การปลดล๊อกการลงทุนเหมืองแร่โปแตซ (APOT) เริ่มชัดเจน โดยเราประเมินว่าจะเป็นการเพิ่มทุนโดยรัฐวิสาหกิจแทนกระทรวงการคลังฯ (ตามมติ ครม เดิม) ภายใน 1Q60 ปลดล๊อกการปล่อยสินเชื่อเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้ Backlog ของ TRC เพิ่มทันทีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท (มูลค่าลงทุนงานโครงสร้างเหมืองฯราว ±3.5 หมื่นล้านบาท) ... มี Opportunity day วันที่ 8 ธ.ค.
ITEL (เป้าสูงสุด Consensus 15 บาท) แนะนำ “สะสม” แนวรับ ±10 บาท (Stop loss 9.9 บาท) ... คาดกระทรวงดีอีเตรียมเสนอแผนโครงการอินเตอร์เนตหมู่บ้านเข้า ครม ภายในเดือนนี้ เราประเมินจะเป็นตัวกระตุ้นอัตราการเช่าโครงข่าย Fiber optic ของ ITEL ซึ่งปัจจุบันยังต่ำเพียง ±20% แต่สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท + อัตรากำไรสูงถึง 28 – 30% และรวมถึงการประมูลงานรับเหมาฯระบบ
TCMC (เป้าพื้นฐาน 6.6 บาท) แนะนำ “ถือ” ประเมินแนวรับ ±4.3 บาท (Stop loss 4.2 บาท) ... ประเมิน Earnings Momentum เป็นขาขึ้นตั้งแต่ 4Q59 หลังการรวมงบ DMM ในเดือน ธ.ค.
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
THCOM* แนะนำ “ขาย” (Re-initiate coverage) เป้าพื้นฐาน 20.7 บาท ฝ่ายวิจัยฯแนะนำ “ขาย” เนื่องจากประเมิน i) แนวโน้มผลการดำเนินงานจะอ่อนตัวลงในช่วงปี 2559 – 2561 ii) Upside จากราคาพื้นฐานเพียง 3.5% iii) Dividend yield ไม่น่าสนใจ ต่ำเพียง 2.3% สำหรับปี 2560 iv) Valuation แพงเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มเดียวกันในภูมิภาค
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1524 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1524 จุดนั้น อาจรักษาแรงผลักขึ้นในกรอบ 1524-1538 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1524 จุดนั้น อาจทรงราคาในกรอบ 1524-1510 จุด
แนวรับวันนี้: 1515/1510 แนวต้านวันนี้: 1524/1534