- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 December 2016 18:36
- Hits: 8147
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Selective buy
วันนี้คาดดัชนีฯแกว่งในกรอบ 1,510-1,525 จุด
ระยะสัปดาห์ คาดกรอบ 1,487-1,530 จุด แนะนำ หุ้นรองในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (KSL PTTGC) และ หุ้นที่มีประเด็นบวกรออยู่เช่น THAI GL PTG (มีโอกาสติด SET50 รอบใหม่) ปัจจัยที่ต้องตาม การประชุม OPEC-Non OPEC วันที่ 9 ธค. คาดลดกำลังผลิตลงอีก 6 แสนบาร์เรล/วัน และ การประชุม ECB คาดขยายเวลาโครงการซื้อสินทรัพย์ฯ ออกไปเป็น กย.17
ระยะเดือน ธค. คาด แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอลงในเดือน ธค. และมีโอกาสที่เดือน มค. ปีหน้า จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 15 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. อิงสมมุติฐานต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และ หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่สามารถซื้อหุ้นไทย กลับไปสัดส่วนเฉลี่ย ที่ 32% คาดเม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งตามสถิติ เงินต่างชาติจะเข้าเยอะช่วง มีค.เพื่อรับปันผลจากผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์แนะ หุ้นเชื่อมโยงราคาน้ำมันดิบ และ หุ้นที่มีประเด็นหนุนรายตัว จะปรับขึ้นตามไฮไลท์ News flow โดยประเด็นลงทุนเด่นๆ ในช่วงนี้ คือ (1) การประชุมกลุ่มโอเปก และนอกโอเปก 9 ธค. (2) การสับเปลี่ยนหุ้นเข้าออก SET50 (3) มาตรการหนุนการบริโภคจากภาครัฐฯ
หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไรกลุ่ม BTS ที่ได้งาน รถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง BTS แนวรับ 8.60 บ. ต้าน 8.90 บ. VGI แนวรับ 5.10 บ. ต้าน 5.35 บ. BLAND แนวรับ 1.70 บ. ต้าน 1.75/1.80 บ.
TNR แนวรับ 26 บ. ต้าน 27.5/28 บ. บริษัทฯจะจัดให้ข้อมูลผู้จัดการกองทุน+นักวิเคราะห์พรุ่งนี้ คาดมีมุมมองเชิงบวกจากการประชุม ตามแนวโน้มผลการดำเนินงาน (Consensus) ที่คาดกำไรปี 2560 300 ล้านบาท (+27% y-y) จากการประหยัดดอกเบี้ยจ่าย และยอดขายที่โตตามทิศทางตลาดโลกราว 10%/ปี PE ปัจจุบันเทรด 26.5 เท่า ยังถูกกว่าหุ้นธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในภูมิภาคเฉลี่ยที่ 35-40x ส่วน KAREX มาเลเซียเทรด 49 เท่า (ที่มา Bloomberg)
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) BTS เมื่อวานนี้ รฟม. ระบุว่า BSR Joint Venture ซึ่งประกอบด้วย BTS STEC RATCH เป็นเอกชนผู้ผ่านการประเมินสูงสุด จากการประเมินเอกสารทั้งด้านคุณสมบัติและเทคนิค และข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน ทั้งสายสีชมพูและเหลือง ซึ่งเร็วกว่าแผนงานราว 1 เดือน และคาดจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในช่วง เมษายน 2017 แม้ขณะนี้จะเร็วเกินไปที่จะประเมินมูลค่าเพิ่มที่จะเกิดขึ้นจากรถไฟฟ้า 2 สายนี้ แต่เรามีมุมมองเชิงบวก เพราะเรามองว่ารถไฟฟ้า 2 สายนี้ ซึ่งวิ่งผ่านโซนที่ประประชากรหนาแน่น มีศักยภาพมากกว่าสายสีม่วง และเรามองว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ คาดข่าวนี้จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท
(+) PYLON เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท (อิง PE 21 เท่า จาก 1SD เหนือค่าเฉลี่ยในอดีต) เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังจากประชุมกับผู้บริหาร คาดปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อจากนี้ ได้แก่ 1) กำไร 4Q16 ไปจนถึง 1Q17 ที่คาดดีขึ้นเรื่องๆ เพราะ backlog ที่มีอยู่มีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าค่าเฉลี่ย 9 เดือนที่ผ่านมาในปีนี้ 2) งานภาครัฐที่ทยอยเข้าสู่ตลาด คาดส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และมาร์จิ้นดีขึ้น 3) กำไรมีโอกาสดีกว่าคาด จากงานรถไฟฟ้าทั้งสายสีชมพู-เหลือง คาด STEC จะแบ่งงานให้ผู้รับเหมารายเล็กเช่น PYLON เข้ามาช่วยทำ เพื่อความรวดเร็วของงาน ซึ่งล่าสุด รฟม. ระบุว่า กลุ่ม BTS-STEC-RATCH เป็นเอกชนผู้ผ่านการประเมินสูงสุดทั้ง 2 สาย
(-) กลุ่มบ้าน คาดระยะสั้นหุ้นจะ underperform ตลาด เพราะความกังวลการพลาดเป้าของแผนธุรกิจในปีนี้ ซึ่งทั้งยอดเปิดตัว ยอดจองซื้อ และยอดรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทส่วนใหญ่ ซึ่งข้อมูลในอกีตชี้ว่าข่าวร้ายนี้จะกดดันราคาหุ้นไปจนถึงสิ้นปี อย่างไรก็ดีเรามองว่าต้นปีหน้าเป็นโอกาสในการเล่นหุ้นกลุ่มนี้อีกครั้งเพราะ 1) คาดยอดจองซื้อใน 4Q16-1Q17 จะโดดเด่น 2) คาดกำไร 4Q16 ฟื้นตัวจาก 3Q16 และต่อด้วยปันผลประจำปี ปัจจุบัน valuation กลุ่มเทรดที่ 7.8 เท่า ให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 10.8 เท่า เราแนะนำรอซื้อ SPALI, ANAN และ AP เป็น top pick
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) TNR จัดเยี่ยมชมโรงงานให้กับ ผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์ วันพฤหัสที่ 8 ธค.นี้ (ที่มา บจ.)
(+) PTTEP จากกระแสข่าว *รัฐบาลอินโดนีเซียตัดสินใจอายัดใบอนุญาติและสินทรัพย์ของ PTTEP ในอินโดนีเซียทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้การอายัดดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันโครงการมอนทาราของ PTTEP ในปี 2009 (ที่มา TEMPO.com เมื่อวันที่ 4 ธค.59)
ความเห็น: จากการสอบถามกับผู้บริหาร PTTEP บริษัทยังไม่ได้รับเอกสารยืนยัน จากรัฐบาลอินโดฯหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีในแง่ของผลกระทบหากเกิดขึ้นจริง คาดกระทบต่อกำไร ราว 200 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นเพียง 0.05 บาท/หุ้น ที่จะถูกกระทบ และกรณีเลวร้ายที่สุดหากแหล่งผลิตถูกระงับถาวร คาดจะกระทบการ impairment อีกราว US$200 ล้าน ในแหล่ง Natuna ที่อินโดฯ หรือคิดเป็นผลกระทบต่อ Book value ประมาณ 1.75 บาท/หุ้น
(+) PTT ระยะยาว และผู้ประกอบการบรรจุถัง SGP, กบง.อนุมัติหลักการเปิดเสรีนำเข้า LPG เตรียมเสนอกพช.ไฟเขียว 8 ธ.ค.นี้ คาดเริ่มนำเข้าม.ค.60 (ที่มา ครม.)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) พุธ เยอรมนี Industrial production ตค. คาด +0.8% จาก -1.8% m-m. อังกฤษ Industrial production ตค.คาด +0.2% จาก -0.4% m-m. ไต้หวันส่งออก พย.คาด +10.4% จาก 9.4%, มาเลเซียส่งออก ตค.คาด -5.5% จาก -3% y-y. คาดธนาคารกลางอินเดียลดดอกเบี้ย เหลือ 6% จาก 6.25% (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส ประชุมธนาคารกลางยุโรป ECB คาดคงดอกเบี้ย Refi rate 0% ส่วน Deposit rate คง -0.4% ญี่ปุ่น GDP 3Q16 2nd คาด +2.6% จาก +0.7% จีน ส่งออก พย. คาด -5% จาก -7.3% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ US Wholesale inventories ตค. คาด -0.4% m-m. ฟิลิปปินส์ ส่งออก ตค. คาด +8.6% จาก +5.1% จีน เงินเฟ้อ พย. คาด +2.2% จาก +2.1% มาเลเซีย Industrial production ตค. คาด +3.7% จาก +3.2% y-y. (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค