- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 December 2016 17:41
- Hits: 7962
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดยังมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ หลัง DJIA ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามอาจได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง หลังโอเปกเปิดเผยตัวเลขปริมาณผลิต – พ.ย. อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งคาดอาจมีการขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมาบ้าง หลังปรับขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมันในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ราคาน้ำมันทั้ง WTI, Brent และ Dubai ยังเคลื่อนไหวบริเวณ 51 – 52USD ขณะที่ในวันที่ 10/12/59 จะมีการประชุมร่วมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ที่คาดกลุ่มนอกโอเปกจะปรับลดปริมาณผลิตลง 0.6 ล้านบาร์เรล/วัน จากก่อนหน้าที่ประชุมโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงลดการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมตลาดฯ หลังจากนี้ไปยังมีความผันผวน ภายใต้ (+/0) การประชุมของ ECB ในวันที่ 8/12/59 คาดอาจมีการต่ออายุ QE (วงเงิน 80,000 ล้านยูโร/เดือน) ออกไป จากเดิมหมดอายุมีค.’60 และ (-) การประชุมของเฟด 13 – 14/12/59 คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งส่งผลต่อ Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่อง รวมถึงไทย คาดอาจได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) ในช่วงปลายปี ขณะที่ล่าสุดต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิกว่า 1,200 ล้านบาท
ทางด้านเงินสหรัฐฯ คาดยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ภายใต้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ข้างต้น และความคาดหมายนโยบายของทรัมป์ (หลังเข้ารับตำแหน่ง 20/1/60) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดยังเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ส่วนประเด็นในประเทศ คาดภาพรวมยังเป็น Sentiment บวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ล่าสุด ครม. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในเดือนธ.ค. จำนวน 15,000 บาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี จากก่อนหน้าที่ 15,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท ส่วนทางด้านมาตรการภาษีหนุนการบริโภคปลายปี (คาดวงเงินไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท) คาดนำเข้า ครม. สัปดาห์นี้ คาดยังส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มโรงแรมและค้าปลีก
รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60 ขณะที่ล่าสุด รฟม. เปิดเผย กิจการร่วมค้า BSR (BTS, STEC และ RATCH) เป็นผู้ผ่านการประเมินสูงสุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง คาดหลังจากนี้เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง
SET SET50 SET100
1,516.48 +14.82 950.09 +9.88 2,142.41 +22.74
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +35.54, NASDAQ +24.11, S&P +7.52, FTSE +33.01, CAC +57.62 และ DAX +90.49
โดย DJIA ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ทั้ง (1) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน – ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับแต่มิ.ย.’58 หรือในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง และดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6% และ (2) ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร – 3Q/59 เพิ่มขึ้น 3.1% มากที่สุดในรอบ 2 ปี เช่นเดียวกับผลผลิตต่อแรงงาน ที่เพิ่มขึ้น 3.6%
และยังได้ปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ภายใต้มุมมองในเชิงบวกต่อนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่คาดจะจะช่วยฟื้นฟูภาคธนาคารให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยอยู่ระหว่างติดตามการประชุม (1) ธนาคารกลางยุโรป – ECB ในวันที่ 8/12/59 ที่คาดจะมีการพิจารณาต่ออายุ QE ออกไป (วงเงิน 80,000 ล้านยูโร/เดือน) จากเดิมหมดอายุในเดือนมี.ค.’60 และ (2) การประชุมเฟด ในวันที่ 13 – 14/12/59 ที่อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนี – ต.ค. เพิ่มขึ้น 4.9%MoM หลังลดลง 0.3% เมื่อก.ย.
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.23 1.92 3.09
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 39,692.24
สถาบัน 200.78
บัญชีหลักทรัพย์ 333.6
ต่างประเทศ 1,247.08
ในประเทศ -1,781.47
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.23 1.92 3.09
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 39,692.24
สถาบัน 200.78
บัญชีหลักทรัพย์ 333.6
ต่างประเทศ 1,247.08
ในประเทศ -1,781.47
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. -US$0.86 อยู่ที่ US$50.93 ต่อบาร์เรล ภายใต้มีการเปิดเผยตัวเลขปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก - พ.ย. อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34.19 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 33.82 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อต.ค. ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซีย อยู่ที่ 11.21 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี
และยังได้รับปัจจัยกดดัน หลังราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อาจกระตุ้นให้ผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน
ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอหว่างการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปก และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ (10/12/59 ที่ประเทศออสเตรีย) ซึ่งคาดประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกอาจจะพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตลง 600,000 บาร์เรล/วัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$6.4 อยู่ที่ US$1,170.1 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น และความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 0.25-0.50% เป็น 0.50-0.75% ในการประชุมวันที่ 13 – 14/12/59
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,247 ล้านบาท สะสม YTD +79,090 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 7 - 9 ธ.ค. 2559
7/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
8/12/59 ประชุมธนาคารกลางยุโรป - ECB
สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
9/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนธ.ค.
ตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนต.ค.
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.40% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.35 อยู่ที่ 11.79
หุ้นแนะนำ : CPN