- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 December 2016 18:57
- Hits: 7933
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : COM7 (ปรับจากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวันศุกร์ปิดอ่อนลง 10.72 จุดที่ 1501.66 โดยตลาดจะปิดทำการ 3 วันนักลงทุนจึงชะลอการลงทุน รวมทั้งติดตามผลประชามติอิตาลีด้วย นักลงทุนสถาบันและต่างชาติขายสุทธิแต่ไม่มาก ปัจจัยสำคัญช่วงนี้ได้แก่
• เชื่อเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยกลางธ.ค.นี้...ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนพ.ย.แกร่ง การว่างงานลดเหลือ 4.6% ต่ำสุดในรอบ 9 ปี ตัวเลขดัชนีภาคบริการ (ISM) เพิ่มเป็น 57.2 ในเดือนพ.ย. ช่วยหนุน
• ประชาชาอิตาลีโหวต NO ร่างรัฐธรรมนญใหม่ ทำให้กังวลเสถียรภาพการเงินของประเทศ & ยูโรโซน
• ติดตามผลประชุม ECB 8 ธ.ค.นี้ว่าจะขยายโครงการ QE ออกไปหรือไม่...ตลาดมีความหวังว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติม
•/+ รอดูผลประชุมประเทศกลุ่มโอเปก & นอกกลุ่มโอเปก 10 ธ.ค.นี้ คาดประเทศนอกกลุ่มฯจะลดการผลิตลง 0.6 ล้านบาร์เรล/วันหลังกลุ่มโอเปกตกลงลดไปแล้ว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
+ แรงซื้อ LTF โค้งสุดท้ายปลายเดือนธ.ค.ช่วยพยุงตลาด
+ หุ้นเติบโตที่เป็น Top picks เดือนธ.ค.59 คือ ANAN, MTLS, TKN, CHG ส่วนหุ้นปันผลสูงที่โดดเด่นเป็น TMT, PSH
กลยุทธ์ : การซื้อเล่นรอบยังเน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงราคาปรับฐาน/อ่อนตัว หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น TMT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นลบเล็กๆ (อ่อนตัว แต่ยังปิดเหนือ SMA10) ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ค่อยดี ลดพอร์ตตาม/ตัดขายขาดทุน แนวต้านระยะสั้น 1510, 1520 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ
- อิตาลี : ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ...ทำให้กังวลเสถียรภาพการเงินประเทศ
ผลการลงประชามติของอิตาลีบ่งชี้ว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี ประกาศลาออกจากตำแหน่งตามที่เคยประกาศไว้ว่าเขาจะลาออกหากประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ หรือโหวต NO โดยรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดทอนอำนาจของวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้การผ่านกฎหมายเป็นไปได้ง่ายขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศสามารถแข่งขันได้มากขึ้น ซึ่งการลาออกของนายกรัฐมนตรีอิตาลีทำให้ตลาดกังวลถึงความสำเร็จในการปรับโครงสร้างภาคการเงินและธนาคารของอิตาลี และอาจเกิดความวุ่นวายในประเทศได้
• ยูโรโซน : ECB ประชุมนโยบายพฤหัสฯนี้หลังชาวอิตาลีลงประชามติไม่ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ ECB จะหารือกันในการประชุมวันที่ 8 ธ.ค.59 ว่าจะมีการขยายเวลาสำหรับการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.77 ล้านล้านยูโร (1.87 ล้านล้านดอลลาร์) หรือไม่ ขณะที่มีการอัดฉีดเงิน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ECB ได้เตรียมพร้อมที่จะเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี หากผลการลงประชามติทำให้อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้นอย่างมาก โดย
+ ยูโรโซน : ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.กลับมาเติบโต
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้น 1.1%MoM (+2.4%YoY) ในเดือนต.ค. หลังจากที่ลดลง 0.4%MoM (+1.0%YoY) ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9%
• สหรัฐ : เชื่อเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้
หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 4.9% ทำให้ตลาดเชื่อว่าคณะกรรมการ FOMC จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ 0.25% (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.50%)
+ สหรัฐ : ดัชนีภาคบริการ (ISM) สดใสและสูงสุดในรอบ 13 เดือน
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ขยายตัวที่ระดับ 57.2 ในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้นจากระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 13 เดือนและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 55.4
ด้านมาร์กิตรายงานดัชนีภาคบริการสหรัฐที่ 54.6 ในเดือนพ.ย. ซึ่งแม้ว่าต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 54.7 แต่ดัชนียังคงอยู่สูงกว่า ระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวกรับตัวเลขภาคบริการที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,216.24 จุด เพิ่มขึ้น 45.82 จุด หรือ +0.24% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,308.89 จุด เพิ่มขึ้น 53.24 จุด หรือ +1.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,204.71 จุด เพิ่มขึ้น 12.76 จุด หรือ +0.58% แม้ว่าจะกังวลกับเสถียรภาพของยูโรโซน หลังประชาชนอิตาลีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเทศ แต่ตัวเลขภาคบริการของ ISM ที่ออกมาแข็งแกร่งช่วยพยุงตลาดไว้
•/+ ราคาน้ำมันดิบ : บวกเล็กน้อย...รอดูผลประชุม 10 ธ.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 51.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 54.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวได้เป็นผลจากการบรรลุข้อตกลงของกลุ่มโอเปกในการลดการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน แต่นักลงทุนบางกลุ่มชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมระหว่างประเทศกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มในวันเสาร์ที่ 10 ธ.ค.นี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าประเทศนอกกลุ่มโอเปกอาจจะปรับลดกำลังการผลิตลง 0.6 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมครั้งนี้
• ราคาทองคำ : อ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ระดับ 1,176.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงมาระดับ 100.1 จาก 101.5
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• GL (ราคาปิด 57 บาท) : จับตาผลประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้
วันนี้จะมีการลงมติกันในวันประชุมผู้ถือหุ้น 6 ธ.ค.59 นี้ ตามเกณฑ์หากจะผ่านต้องได้รับเสียงมากกว่า 3 ใน 4 สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประชุมและมีสิทธิลงคะแนน ทั้งนี้ทาง DBS ได้มีการจัดการประชุมทางโทรศัพท์ระหว่าง GL กับผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเปิดเผยถึงเรื่องที่ปรึกษาทางการเงินได้ให้ความเห็นว่าไม่ควรลงมติให้ GL เข้าซื้อ ใน Commercial Credit and Finance PLC (CCF) และ BG Microfinance Myanmar (BGMM) เนื่องจากราคาที่ซื้อนั้นสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ (fair price) ซึ่งทางบริษัทได้ชี้แจงว่า การเข้าไปซื้อ CCF ในสัดส่วน 29.99% ที่ 70 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น ถือว่าคุ้มค่าเพราะบริษัทนี้มีขนาดใหญ่กว่า GL ในแง่สินทรัพย์และเป็นบริษัทที่เติบโตสูง โดยให้มูลค่าของบริษัททั้งหมดไว้ที่ 230 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่ากำไรปี 59 และ 60 เป็น 22 และ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น P/E ที่ 10 เท่า ขณะที่ปรึกษาทางการเงินให้การเติบโตที่แตกต่างกันและใช้วิธี DCF ในการประเมิน ซึ่งทาง GL เห็นว่าไม่เหมาะกับการประเมินบริษัทการเงิน ส่วน BGMM ทำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ และได้รับใบอนุญาตชั่วคราวตั้งแต่ปี 55 และต่อมาได้แบบถาวรมาตั้งแต่ปี 58 โดยเป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดฯ (non-listed) ขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์พม่าจะไม่มีการออกใบอนุญาตอีก
ดังนั้น การที่ GL เข้าซื้อก็จะเข้าสู่ธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ที่พม่าได้ทันที โดยไม่ต้องรอ 3 ปีด้วยที่จะได้แบบถาวร และตอนนี้ก็ไม่เปิดใบอนุญาตให้ใคร ทางที่ปรึกษาทางการเงินได้นำไปเปรียบเทียบกับบริษัทที่จะทะเบียนในตลาดฯ (listed company) และใช้วิธี DCF ขณะที่ทาง GL ไม่เห็นด้วย สำหรับประเด็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้แปลงสภาพ(CD) ที่ 5% นั้น ทาง GL ยืนยันว่าเหมาะสม เพราะมีเงื่อนไขคือ 1) ราคาแปลงสภาพสูงที่ 70 บาท 2) มีเงื่อนไขการไถ่ถอนก่อนกำหนด (callable) และ 3) ทำการขายในสหรัฐไมใช่ไทย (หากขายในไทย จะมีต้นทุนการแปลง (swap) ในเวลาต่อมา เพราะต้องการระดมทุนเป็นดอลลาร์สหรัฐ จึงไปออกที่สหรัฐฯ) ด้านที่ปรึกษาฯได้นำไปเปรียบเทียบกับหุ้นกู้ไทย ซึ่งทาง GL คิดว่าเป็นคนละประเภทกัน จึงไม่เหมาะสมในการนำมาเปรียบเทียบ ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV ยังคงคำแนะนำซื้อ GL โดยให้ราคาเป้าหมายระยะยาวไว้ที่ 88 บาท (สะท้อนถึงคาดการณ์กำไรในอีก 2 ปีข้างหน้า)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]