- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 02 December 2016 17:58
- Hits: 13066
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวต้านสำคัญ 1515-1520
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1512.38 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,216 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1520-1525 จุดก่อนที่จะถูกขายทำกำไรมาปิดที่บริเวณ 1510 จุด ทำให้แนวต้านสำคัญยังมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่บริเวณ 1520-1525 จุดก่อนที่จะปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิค ทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังคงมีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ 1525 จุด และยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบ 1440-1450 จุดที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น จึงยังคงแนะนำให้เน้นการถือเงินสดต่อเนื่อง
กลยุทธ์ :SET Index ถูกขายที่บริเวณแนวต้าน 1520-1525 จุด ทำให้โครงสร้างการเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาขึ้นยังมีความแข็งแกร่ง แต่เรายังคงแนะนำให้เน้นการถือเงินสด เนื่องจากความเสี่ยงในปรับตัวลดลงไปทดสอบ 1440-1450 จุดยังมีโอกาสเกิดขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1500 จุด
Asia Fund Flow : 1 ธันวาคม 2559
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 37 ล้านเหรียญ (2 ธ.ค.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 10 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 13 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิ 3 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 23 ล้านเหรียญ
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
PTT สัญญาณซื้อ แนวต้าน 370 แนวรับ 360 และ 354 360 / 354 370 / 374
PTTEP สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 92.00-93.00 แนวรับสำคัญ 85.00 88.00 / 87.00 90.00 / 91.00
AOT ขายที่แนวต้าน 404 และ 414 แนวรับสำคัญ 392 398 / 394 404 / 408
ESSO ขายที่แนวต้าน 13.60 และ 14.00 แนวรับสำคัญ 12.20 12.80 / 12.50 13.60 / 14.00
PTTGC ขายที่แนวต้าน 65.00 แนวรับ 62.50 และ 61.00 63.00 / 62.50 64.50 / 65.00
BANPU แนวโน้มลงทดสอบ 18.00 และ 17.70 แนวต้าน 18.80-19.00 18.40 / 18.00 18.80 / 19.00
BJC สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 50.50-51.00 แนวต้าน 54.00 52.00 / 51.00 53.50 / 54.00
KBANK เคลื่อนไหวในกรอบ 168-172 170 / 168 172 / 174
CPALL เคลื่อนไหวในกรอบ 60.00-62.00 60.50 / 60.00 61.50 / 62.00
CBG สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 70.00 แนวต้าน 74.00 72.00 / 71.00 74.00 / 75.00
Vinythai (VNT TB; THB 14.50) - ซื้อ
แนวต้าน : 15.50 และ 16.00
แนวรับ : 14.50 และ 14.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ขึ้นมาได้แล้ว ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 70
แนะนำซื้อ VNT โดยมีแนวรับที่ 14.50 และ 14.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 15.50 และ 16.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.80 ลงไป
Mcot (MCOT TB; THB 13.70) - ซื้อ
แนวต้าน : 15.00 และ 16.00 / เป้าหมาย 18.00
แนวรับ : 13.70 และ 13.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ MCOT โดยมีแนวรับที่ 13.70 และ 13.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 15.00 และ 16.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 12.80 ลงไป
Trading Pick Follow up: แนวรับ แนวต้าน
SEAFCO แนวโน้มขึ้นทดสอบ 11.50 และ 12.00 แนวรับสำคัญ 10.50 10.80 / 10.60 11.50 / 12.00
MCS แนวโน้มขึ้นทดสอบ 18.00 และ 18.20 แนวรับสำคัญ 16.20 16.50 / 16.20** 17.50 / 18.00
BIZ แนวรับสำคัญ 4.60 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย แนวต้าน 5.00-5.05 4.70 / 4.60 4.90 / 5.00
SR แนวรับสำคัญ 2.62 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย แนวต้านสำคัญ 2.84 2.66 / 2.62** 2.74 / 2.84**
GFPT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 15.50 และ 15.90 แนวรับสำคัญ 13.80 14.50 / 14.20 15.00 / 15.50
STPI แนวโน้มขึ้นทดสอบ 11.30-11.60 แนวต้านสำคัญ 12.70 แนวรับสำคัญ 10.00 10.40 / 10.20 11.00 / 11.30
TPOLY สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 3.88 และ 4.00 แนวรับสำคัญ 3.64 3.64** / 3.50 3.80 / 3.88
PLANB สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 5.50 และ 5.70 แนวรับสำคัญ 5.00 5.15 / 5.05 5.40 / 5.50
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...รอดูราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 16 เดือนและเริ่มที่จะยืนเหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ทั้ง 2 ตลาด คือ WTI และ เบรนท์ จากแรงหนุนของการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC ปัจจัยหนุนดังกล่าวคาดกันว่าจะยังหนุนราคาน้ำมันไปถึงปี 2017 เพียงแต่จะขึ้นไปที่เท่าไร โดยตลาดมองว่าราคาน้ำมันที่ขึ้นมายืนในขณะนี้ จะยังเป็นช่วงสั้นๆ โดยมองที่ 53-55 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ เนื่องจากมองราคาน้ำมันที่ยืนในระดับเหนือ 55 ดอลลาร์ จะไปหนุนให้ผู้ลิตน้ำมันในสหรัฐเพิ่มกำลังการผลิต บางส่วนมองว่าการลดกำลังการผลิตในครั้งนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะลดกำลังการผลิตส่วนเกินได้มากนัก
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ตัวเลขภาคอุตสาหกรรม การใช้จ่ายในการก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นและการคาดการณ์นโยบายของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐ ได้ทำให้เกิดแรงคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในสหรัฐพุ่งขึ้นและค่าเงินดอลลาร์แข็งตัว สุดท้ายจะไปผลักดันให้ทาง FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย ผลที่ตามมาคือทำให้เกิดแรงขายหุ้นในเอเชีย แต่จะมากหรือน้อยในตอนนี้ ยังต้องพิจารณาดู การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรของสหรัฐ ว่าจะเร็วขนาดไหน
ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างน้อยได้ช่วยหนุนราคาหุ้นน้ำมันในไทย แต่คงไม่มาก เพราะราคาหุ้นน้ำมันได้ขึ้นมายืนรับข่าวก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นราคาน้ำมันเบรนท์ยังไม่สามารถขึ้นไปเหนือสถิติเก่า ที่ 53 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ดังนั้นหุ้นพลังงานที่เทรดกันอยู่ตอนนี้ หากจะไปต่อ ยังต้องรอให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่านี้ รูปด้านขวา พบว่าพบหุ้นพลังงาน 4 ตัวของไทยจะเทรดกันที่บริเวณ 8000+/- ณ. ราคาน้ำมัน 50-53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประเด็นที่ต้องติดตามอาทิตย์หน้าคือ การประชุม ECB ในวัน 8 ธ.ค. ว่าทาง ECB จะส่งสัญญาณการต่ออายุการทำ QE ออกไปหรือไม่ โดยตอนนี้ตลาดมองว่าทาง ECB น่าจะขยายเวลาการทำ QE ออกไปอย่างน้อย 6 เดือน แต่จะยังซื้อพันธบัตรเท่าเดิมที่ 80 พันล้านยูโร/เดือน หรือบางส่วนคาดว่าอาจจะขยายเวลาการทำ QE ออกไปมากกว่า 6 เดือน แต่อาจลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลงต่ำกว่า 80 พันล้านยูโร/เดือน
วันนี้ตัวเลขที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน ซึ่งคาดกันว่าจะยังออกมาดี และสุดท้ายจะนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งหากขึ้นดอกเบี้ยเรามองว่าไม่น่าส่งผลอะไรกับตลาดหุ้นในเอเชีย เนื่องจากอยู่ในความคาดหมายมานานแล้ว เพียงแต่อาจต้องรอดูคำพูดของประธาน FED ถึงทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า ดังนั้นทิศทางตลาดในสัปดาห์หน้า น่าจะเริ่มนิ่งๆ เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงจะหยุดยาว
ทิศทางดัชนี SET หลังขึ้นไปแตะ 1523 จุดแรงมีแรงขายทำกำไรออกมา การที่จะให้ขึ้นต่อ ยังต้องรอดูทิศทางราคาน้ำมันว่าจะขึ้นไปเหนือ 53 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือไม่ โดยวันนี้ทิศทางดัชนี SET น่าจะยังแกว่งในกรอบแคบและมีแรงขายหุ้นลดความเสี่ยงในช่วงหนยุดยาว วันนี้มองแนวต้านที่ 1518-1523 จุดและแนวนับที่ 1505-1500 จุด หุ้นที่แนะนำเก็งกำไรคือ AOT KSL PTTGC MAJOR
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: ประเด็นที่ต้องติดตามอาทิตย์หน้าคือ การประชุม ECB ในวัน 8 ธ.ค. ว่าทาง ECB จะส่งสัญญาณการต่ออายุการทำ QE ออกไปหรือไม่ โดยตอนนี้ตลาดมองว่าทาง ECB น่าจะขยายเวลาการทำ QE ออกไปอย่างน้อย 6 เดือน แต่จะยังซื้อพันธบัตรเท่าเดิมที่ 80 พันล้านยูโร/เดือน หรือบางส่วนคาดว่าอาจจะขยายเวลาการทำ QE ออกไปมากกว่า 6 เดือน แต่อาจลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลงต่ำกว่า 80 พันล้านยูโร/เดือน วันนี้ตัวเลขที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน ซึ่งคาดกันว่าจะยังออกมาดี
และสุดท้ายจะนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งหากขึ้นดอกเบี้ยเรามองว่าไม่น่าส่งผลอะไรกับตลาดหุ้นในเอเชีย เนื่องจากอยู่ในความคาดหมายมานานแล้ว เพียงแต่อาจต้องรอดูคำพูดของประธาน FED ถึงทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า ดังนั้นทิศทางตลาดในสัปดาห์หน้า น่าจะเริ่มนิ่งๆ เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงจะหยุดยาว ทิศทางดัชนี SET หลังขึ้นไปแตะ 1523 จุดแรงมีแรงขายทำกำไรออกมา การที่จะให้ขึ้นต่อ ยังต้องรอดูทิศทางราคาน้ำมันว่าจะขึ้นไปเหนือ 53 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือไม่ โดยวันนี้ทิศทางดัชนี SET น่าจะยังแกว่งในกรอบแคบและมีแรงขายหุ้นลดความเสี่ยงในช่วงหนยุดยาว วันนี้มองแนวต้านที่ 1518-1523 จุดและแนวรับที่ 1505-1500 จุด หุ้นที่แนะนำเก็งกำไรคือ AOT KSL PTTGC MAJOR
Themes play :
PLANB : เราปรับเพิ่มคำแนะนำ จาก ถือ เป็น ซื้อ สำหรับ PLANB โดยมีราคาเป้าหมาย 5.84 บาท เพราะเชื่อว่าบริษัทจะทำกำไรต่ำสุดใน 4Q16 ก่อนจะฟื้นตัวในปี FY17 เราเชื่อว่าราคาหุ้น PlanB ที่ปรับตัวลงระยะนี้รับรู้ผลประกอบการที่คาดจะอ่อนตัวใน 4Q16 เราคาดว่าปีหน้า PlanB จะมีกำไรปกติเติบโตก้าวกระโดดถึง 83% yoy ด้วยกระแสรายได้ใหม่จากป้ายโฆษณาดิจิตอล สื่อโฆษณาในสนามบินและสื่อโฆษณาทางกีฬา จากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในเร็ว ๆ นี้
เราจึงเชื่อว่า จะมีอุปสงค์สะสมในช่วงเทศกาลปีใหม่และ 1Q17 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้การใช้จ่ายด้านโฆษณาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นเราเล็งเห็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นจาก 1) อัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาที่อาจมี upside เหนือความคาดหมายจากการใช้กลยุทธ์ media bundle และ 2) การเติบโตด้วยการซื้อกิจการหนุนด้วยงบดุลที่ไม่มีหนี้สิน ปัจจุบัน PlanB ซื้อขายที่ P/E ปกติ 31x ในปี FY17 เทียบกับ P/E เฉลี่ยล่วงหน้า 45x ซึ่งเหมาะสมเมื่อประเมินจากกำไรปกติที่คาดจะเติบโตเฉลี่ย 39% CAGR ในปี FY16-20
ประเด็นในสัปดาห์
2 ธ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Change in Nonfarm Payrolls เดือนพ.ย. โดยตลาดคาด 180,000 ราย จากเดือนก่อนหน้าที่ 161,000 ราย
2 ธ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Unemployment rate เดือนพ.ย. โดยตลาดคาด 4.9% จากเดือนก่อนหน้าที่ 4.9%
6 ธ.ค. : ยุโรปประกาศตัวเลข GDP SA YoY ไตรมาส 3/59 จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.6%
6 ธ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Factory orders เดือนต.ค. โดยตลาดคาด 1.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.3%
Opportunity DayFundamental Stock :
2 ธ.ค. : PJW THRE JUBILE EA TM
6 ธ.ค. : MEGA SEAFCO ORI DEMCO PYLON
7 ธ.ค. : TVD ALLA GTB TPCH TKS
8 ธ.ค. : EPG DRT SCN SAT TRC TKT
9 ธ.ค. : BM UREKA VTE WICE EFORL
13 ธ.ค. : BRR LDC APCO ANAN RJH
14 ธ.ค. : SIS LIT TRT
15 ธ.ค. : NCH NWR IEC MBKET
Fundamental Stock :
PLANB : Company Note (คำแนะนำ : ซื้อราคาเป้าหมาย 5.84 บาท)
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวรับ 1500-1490 จุด แนวต้าน 1510 จุด
Vinythai (VNT TB; THB 14.50) - ซื้อ
MCOT (MCOT TB; THB 13.70) - ซื้อ
SET Index : ผันผวนในกรอบ
Retail Research Team
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,509.85 จุด ลดลง 2.53 จุด (-0.17%) มูลค่าการซื้อขาย 18,280.73 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตามตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เป็นลบ ขณะที่ตลามมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (คืนนี้)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย คาดว่าตลาดจะยังเผชิญกับแรงขายทำกำไรก่อนหยุดยาวในช่วงปลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้อานิสงค์จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันหลังโอเปกสามารถตกลงลดกำลังการผลิตได้จะยังฟื้นตัวต่อเนื่องนำโดย PTTEP และ PTT ในขณะที่กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPN HMPRO GLOBAL MC ROBINS) โรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ก็น่าจะยังมีแรงซื้อหนุนต่อเนื่องจากการเก็งกำไรว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกี่ยวกับการนาค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีได้ในสัปดาห์หน้า โดยหุ้นเด่นใน 2 กลุ่มนี้เราแนะนำ PTT CPALL
และ CPN ส่วนปัจจัยต่างประเทศต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 8 ธ.ค. ว่าจะมีมาตรการขยายระยะเวลา QE ออกไป 3-6 เดือนตามที่ตลาดคาดหมายหรือไม่ หากมีก็จะช่วยหนุนตลาดหุ้นในระยะสั้นได้ แต่หากไม่มีก็คงไม่สร้างความผิดหวังให้กับตลาดเท่าไรนัก แต่ตลาดจะพุ่งความสนใจไปที่การประชุมเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค. แทน โดยตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.75% แต่ถ้าเฟดไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดหุ้นจะกลับมาพุ่งขึ้นได้ทันทีพร้อมกับ fund flow ที่จะไหลกลับเข้ามายังตลาดไทยหนุนให้ดัชนีขึ้นไปทดสอบระดับ 1550 จุด แต่หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยตลาดก็อาจปรับลดลงเล็กน้อยเพราะอยู่ในความคาดหมายของนักลงทุนส่วนใหญ่อยู่แล้ว แม้เรามองว่าช่วงปลายตลาดจะมีแรงขายทากำไรออกมา แต่ดัชนียังน่าจะประคับประคองตัวปิดในแดนบวกหรือลบเล็กน้อยได้ โดยบ่ายนี้เราให้กรอบการซื้อขายที่ 1507-1518 จุด
Technical Pick (PM)...
Electronic Industry (EIC TB; THB 0.87) - ซื้อ
Eastern Printing (EPCO TB; THB 6.30) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]