WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน                                                  

                                                                                                                                                               

แม้ SET จะผันผวนและอ่อนต้วบ้าง แต่ยังลุ้นขึ้นต่อได้อีก จึงน่าถือต่อ!            

        ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ว่า SET จะยังรีบาวด์ขึ้นต่อได้อีก หลังผลประชุมโอเปกได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวแรง แต่ความกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังกดดันตลาดให้แกว่งผันผวนและอ่อนตัวให้เห็น โดยนักลงทุนบางส่วนยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในค่ำวันนี้ประกอบด้วย                                                                                                                                                      

  แนวโน้มตลาดวันนี้ : ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะขยับบวกต่อขึ้นมาปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีก จากแรงหนุนของการพุ่งขึ้นในหุ้นกลุ่มพลังงาน เพื่อตอบรับมติที่ประชุมโอเปกเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิต แต่ยังมีแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้ยังมีกรอบบวกจำกัด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย เพื่อติดตามผลประชามติเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ก่อน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งเริ่มอ่อนตัวลงด้วย ซึ่ง SET ก็มีแรงขายกดดันมากขึ้นในช่วงบ่ายวานนี้ ทำให้ดัชนีมีสิทธิอ่อนตัวต่อได้ อย่างไรก็ตามเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้ FSS คาดว่ากรอบลบจะค่อนข้างจำกัด และยังลุ้นจังหวะขยับบวกต่อเนื่องได้ตามคาดเดิมอยู่                                                                                                                                                 

  กลยุทธ์ : FSS ยังคาดหมายโอกาสที่ SET จะแกว่งบวกต่อได้ ส่วนลงทุนจึงยังน่าถือต่อ แต่ซื้อใหม่อาจรอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงอ่อนตัวดีกว่าไล่ราคา                                                                                                                                                      

  แนวรับ  1510-1506 , 1502-1498 จุด                                                                                                                                                       

  แนวต้าน  1515-1517 , 1520-1527 จุด                                                                                                                                                    

  หุ้นเด่นทางเทคนิค : JMART , PLANB , GPSC(buy back)                                                                                                                                                  

  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$21ล้าน เม็ดเงินกลับมาไหลเข้า TIP เป็นวันแรกในรอบ 17 วันทำการโดยเฉพาะไทยที่มีเม็ดเงินไหลเข้า US$23.4 ล้านมากที่สุดในรอบ 29 วัน ตามด้วยไต้หวัน US$10ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$13ล้าน และเวียดนาม US$8ล้าน แนวโน้มเงินทุนผันผวน อาจมีการเก็งกำไรกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ยังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังระมัดระวังต่อตัวเลขการจ้างงานสหรัฐในคืนวันนี้                                                                                                                                                             

                                                                                                                                                               

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น       

(+) ราคาน้ำมันมีทิศทางขึ้นต่อลุ้นผลประชุมกลุ่ม Non-OPEC ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรง 6.9% ต่อเนื่องหลัง OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต (มีผลบังคับใช้ ม.ค. 2017) ขณะที่กลุ่ม Non-OPEC ก็มีแนวโน้มที่จะร่วมลดกำลังการผลิตด้วย 6 แสนบาร์เรล/วัน (จับตารัสเซียซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ ตลาดคาดว่าจะลด 3 แสนบาร์เรล/วัน) ในการประชุม 9 ธ.ค. ในระหว่างนี้ราคาน้ำมันจึงยังผันผวนในทิศทางขาขึ้น แนะนำ PTT (ราคาพื้นฐาน 380 บาท) PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท) และ BCP (ราคาพื้นฐาน 38 บาท) ที่ราคา laggard สุดในกลุ่ม และเป็นลบกับกลุ่มสายการบินในระยะสั้น                                                                                                                                                            

(0) จับตาตัวเลขการจ้างงานสหรัฐคืนนี้ ตลาดคาดค่อนข้างสูง +1.8 แสนตำแหน่ง สอดคล้องกับการจ้างงานภาคเอกชนที่ออกมาดีเกินคาดมาก ซึ่งจะต้องจับตา Statement ของ Fed ต่อมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2017 ส่วนวันอาทิตย์นี้จะมีการลงประชามติแก้ไขรธน.ในอิตาลี และสัปดาห์หน้ามีการประชุม ECB ที่คาดว่าน่าจะประกาศขยายโครงการ QE ที่จะหมดอายุ มี.ค. ปีหน้าออกไป แม้ดอลลาร์จะอ่อนค่าในช่วง 2 วันนี้แต่เป็นเพียงระยะสั้น ทิศทางดอลลาร์ยังแข็งค่า และ Flow จะยังไม่ไหลกลับเข้าเอเชีย                                                                                                                                                         

(+) SCC ราคาหุ้น laggard ที่สุดในบรรดาหุ้น big cap. ทั้งที่กำไรสุทธิ 9M16 +28% Y-Y แม้กำไรจะชะลอใน 4Q16 เพราะมีหยุดซ่อมโรงงาน ROC 40 วัน แต่กำไรสุทธิทั้งปีก็น่าจะทำสถิติสูงสูงที่ 5.29 หมื่นล้านบาท +17% Y-Y ส่วนปี 2017 คาดกำไรสุทธิ -5% Y-Y เพราะฐานสูงในปีนี้แต่อยู่ในระดับสูงกว่าในอดีตมาก ธุรกิจเคมีภัณฑ์ยังแกร่ง  แต่ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะดีขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมาตามงานก่อสร้าง ปัจจุบันมี 2017PE เพียง 11.4 เท่า และคาด Dividend yield 4% ต่อปี แนะนำซื้อ ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 600 บาท                                                                                                                                                           

(+) WORK แนวโน้มผลประกอบการ 4Q16 น่าจะขาดทุนมากกว่าที่เราเคยคาดก่อนหน้านี้จากผลกระทบในช่วงไว้อาลัย 1 เดือน ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้ต่ำกว่าที่เราเคยคาด โดยน่าจะ -10% Y-Y แต่ในปี 2017 คาดกำไรฟื้นก้าวกระโดด +126% Y-Y เราชอบ WORK มากที่สุดในกลุ่มทีวีดิจิตอลจาก Content ที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้ท่ามกลางธุรกิจทีวีที่แข่งขันรุนแรงและการแข่งขันจากสื่อออนไลน์มากขึ้น ยังคงราคาเป้าหมายปีหน้า 44 บาท และแนะนำซื้อ                                                                                                                                                           

(+) PLANB ได้รับผลกระทบจากช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัย 1 เดือนเช่นเดียวกับสื่อโฆษณาประเภทอื่น ซึ่งจะทำให้กำไรใน 4Q16 สะดุดชั่วคราวก่อนจะฟื้นกลับเป็นปกติในปีหน้า เราคาดกำไรสุทธิปี 2017 +46% Y-Y จากจุดแข็งของบริษัทที่มีสื่อป้ายโฆษณาแทบทุกพื้นที่ทั่วประเทศที่มีศักยภาพ ทั้งป้ายโฆษณาดิจิตอลบนถนนและในสนามบิน และเสริมด้วยรายได้จากการบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลและบริษัทพรีเมียร์ลีก เรายังคงราคาเป้าหมาย 6.30 บาท แนะนำซื้อ                                                                                                                                                             

                                                                                                                                                               

ปัจจัยที่ต้องติดตาม                                                                                                        

ธ.ค.      - เกาหลีใต้: 3Q16 GDP                                                                                      

                - สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (พ.ย.)                                                                                                                                       

ธ.ค.      - อิตาลี: ลงประชามติแก้ไขร่างรธน.                                                                   

                - ออสเตรีย:เลือกตั้งประธานาธิบดี                                                                                                                                    

ธ.ค.      -จีน:Caixin PMI composite (พ.ย.)                                                                                

                - ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (พ.ย.)                                                                                                                                 

ธ.ค.      - ยูโรโซน: 3Q16 GDP                                                                                                                                         

ธ.ค.      - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)                                                                                             

                - จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)                                                                                                                        

                - ญี่ปุ่น: 3Q16 GDP                                                                                                                            

                - ยูโรโซน: ECBประชุม                                                                                                                                         

10 ธ.ค.   -จีน:สินเชื่อเดือน พ.ย.                                                                                                                                          

12 ธ.ค.   - ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย ปิดทำการ          

13-14ธ.ค.              - FOMC ประชุม                                                                                                                                   

13 ธ.ค.   -จีน:Industrial Production (พ.ย.)                                                                                                  

                - ยูโรโซน: ZEW Survey (ธ.ค.)                                                                                                                                          

                                                                                                                                                               

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมโดย DJIA ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ ขณะที่ S&P 500 และ NASDAQ ปิดลบ โดยถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มเทตโนโลยีที่ร่วงลง อย่างไรก็ตามยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง                                                                                                                                                       

(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบโดยนักลงทุนยังกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในภูมิภาคและจับตาดูผลประชามติของอิตาลี                                                                                                                                                               

(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯคืนนี้                                                                                                                                                    

(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์                                                                                                                                                   

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. พุ่งขึ้น 1.62 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยังได้อานิสงส์บวกหลังการประชุม OPEC บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิต                                                                                                                                                            

ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลง 4.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,169.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเม็ดเงินเริ่มไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามตลาดจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญภาคแรงงานของสหรัฐฯ     

                                                                                                                                                               

Contact person : Somchai Anektaweepon            Register : 002265                                                                                                                                                             

Tel: 02-646-9967, 02-646-9852                     www.fnsyrus.com                                                                                                                                                          

FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch                                 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!