- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 01 December 2016 19:35
- Hits: 2715
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น? ตามทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่เช้านี้ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP ที่คาดได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังที่ประชุมโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงลดการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สามารถตกลงกันได้ในรอบ 8 ปี รวมทั้งคาดเป็นประเด็นที่ดีกว่าความคาดหมายของตลาดก่อนหน้า และก่อนหน้านี้มีการคาดหมายว่าราคาน้ำมันมีโอกาสปรับขึ้นไปสูงกว่า 50USD เมื่อสามารถตกลงกันได้
อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามประเด็นหลังจากนี้ (-) การประชุมของเฟด ในเดือน ธ.ค. (13 – 14/12/59) ที่คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งส่งผลต่อ Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่อง รวมถึงไทย ซึ่งในเดือน พ.ย. ต่างชาติขายสุทธิรวมแล้วเกือบ 37,000 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ลดลงต่อเนื่องเหลือ ประมาณ 77,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดอาจได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) ในช่วงปลายปี
ทางด้านเงินสหรัฐฯ ล่าสุดอ่อนค่าลงมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ภายใต้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ข้างต้น และความคาดหมายนโยบายของทรัมป์ (หลังเข้ารับตำแหน่ง 20/1/60) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดยังเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ส่วนประเด็นในประเทศ คาดภาพรวมยังเป็น Sentiment บวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ล่าสุด ครม. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในเดือนธ.ค. จำนวน 15,000 บาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี จากก่อนหน้าที่ 15,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท ส่วนทางด้านมาตรการภาษีหนุนการบริโภคปลายปี (คาดวงเงิน 30,000 บาท) คาดนำเข้า ครม. สัปดาห์หน้า
รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า (สีเหลือง และชมพู) และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
SET SET50 SET100
1,510.24 +13.06 943.18 +10.70 2,129.23 +24.30
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +1.98, NASDAQ -56.24, S&P -5.85, FTSE +11.79, CAC +26.88 และ DAX +19.81
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น หลังกลุ่มโอเปก บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตครั้งแรกรอบ 8 ปี ในการประชุมวานนี้ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน และ DJIA ปรับขึ้นอย่างจำกัด ขณะที่ NASDAQ และ S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความระมัดระวังในการซื้อขาย โดยอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ วันพรุ่งนี้ (2/12/59) คาดเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งตัวเลขดังกล่าว คาดจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในเดือนธ.ค.
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. +US$4.21 อยู่ที่ US$49.44 ต่อบาร์เรล หลังที่ประชุมโอเปก สามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นไปตามกรอบข้อตกลงในการประชุมที่ประเทศแอลจีเรีย เมื่อเดือนก.ย. และเป็นการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกเป็นครั้งแรกนับแต่ปี’51 และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.’60
พร้อมระบุว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก จะให้ความร่วมมือกับโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต โดยรัสเซียเตรียมลดการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน จากกำลังการผลิตมากกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วัน และเห็นพ้องให้อิหร่าน ลิเบีย และไนจีเรีย ได้รับการยกเว้นจากการปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากการผลิตน้ำมันของประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร และความไม่สงบภายในประเทศ ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบล่าสุด ลดลง 884,000 บาร์เรล สวนทางกับที่คาดจะเพิ่มขึ้น 636,000 บาร์เรล
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.96 1.9 3.11
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 69,967.04
สถาบัน 584.63
บัญชีหลักทรัพย์ 1,786.78
ต่างประเทศ -2,112.37
ในประเทศ -259.04
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$16.9 อยู่ที่ US$1,173.9 ต่อออนซ์ หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น จากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ยังแข็งแกร่ง รวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล และการจ้างงานภาคเอกชนที่ดีกว่าคาด
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,112 ล้านบาท สะสม YTD +77,475 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
(0) สนง. เศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) - ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.1%yoy (ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.75%) ชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 1.13% เมื่อ ก.ย. แต่ยังปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ 10M/59 เพิ่มขึ้น 0.1% พร้อมคาดทั้งปี’59 เพิ่มขึ้น 0.5% ลดลงจากก่อนหน้าที่คาดเพิ่มขึ้น 1 – 2% และคาดทั้งปี’60 ขยายตัว 1.0%
ประเด็นที่ต้องติดตาม 1 – 2 ธ.ค. 2559
1/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.
ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย.
2/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.
ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนพ.ย.
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.07 อยู่ที่ 2.37% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.43 อยู่ที่ 13.33
หุ้นแนะนำ : PTTEP
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788