- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 November 2016 17:48
- Hits: 2379
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET อาจอ่อนแรง แต่คาดกรอบลบจำกัด และยังลุ้นขึ้นต่อได้อีก
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ SET จะยังขยับขึ้นไปแกว่งบวกต่อเนื่อง แต่กรอบบวกก็เริ่มแคบลง โดยมีแรงขายกดดันให้ดัชนีผันผวนตลอดทั้งวัน และมีจังหวะย้อนลบเล็กน้อยในช่วงท้ายตลาดด้วย เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาเพิ่ม ขณะที่นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลกับผลประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ว่าอาจจะยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการลดกำลังผลิต ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแกว่งตัวด้านลบอยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง กดดัน SET พอควรในช่วงระหว่างวันวานนี้ และในช่วงค่ำก็ยังกดดันตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ให้เคลื่อนไหวเป็นลบด้วย แต่ไม่รุนแรงนัก และหลังจากนั้นราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มมีจังหวะแกว่งฟื้นตัวขึ้นได้ใหม่ ก่อนขยับบวกขึ้นกว่า 2% หลังมีรายงานว่าอิรักพร้อมให้ความร่วมมือกับสมาชิกกลุ่มโอเปก เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงที่ยอมรับได้ทุกฝ่าย ทำให้แม้ว่าวันนี้ SET อาจจะยังถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่อ่อนแอ แต่ FSS คาดว่ากรอบลบน่าจะไม่รุนแรง เพราะยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว รวมทั้งในช่วงนี้ค่าเงินดอลลาร์ก็เริ่มชะลอการแข็งค่า ส่งผลให้ค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้นอีกครั้งด้วย ทำให้คาดว่า SET ยังมีสิทธิแกว่งขึ้นต่อ
กลยุทธ์ : ยังน่าสนใจเลือกหุ้นซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือเพื่อรอขายสูงต่อไป
แนวรับ 1498-1495 , 1493-1490 จุด
แนวต้าน 1505-1510 , 1514-1520 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BEM , ALT , AMATA(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนกลับมาไหลเข้าภูมิภาค US$184 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$140ล้าน เกาหลีใต้ US$127ล้าน และไทยมีเม็ดเงินไหลเข้าเป็นวันแรกในรอบ 7 สัปดาห์ที่ US$1.2ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$61 ล้าน และเวียดนาม US$17ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางผันผวน ขาดปัจจัยชี้นำใหม่ ตลาดติดตามการประชุมโอเปกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันในระยะถัดไป
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) วานนี้ต่างชาติกลับมาซื้อทั้ง 3 ตลาด รวม 3.28 พันล้านบาท แม้ปริมาณไม่มากแต่เป็นสัญญาณที่ดี แม้ส่งออกของไทยเดือน ต.ค. จะผิดคาด -4.2% Y-Y ติดลบครั้งแรกในรอบ 3 เดือน แต่ดุลการค้า 10M16 เกินดุลถึง US$1.8 หมื่นล้าน หนุนให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจัยหนุนวันนี้อยู่ที่ครม.จะอนุมัติมาตรการช้อปช่วยชาติ คาดเพิ่มวงเงินช้อปจากปีก่อน 1.5 หมื่นบาทเป็น 3 หมื่นบาท และยืดเวลาเป็น 30 วัน (ตลอดเดือน ธ.ค.) เป็นประโยชน์กับ ROBINS, GLOBAL, HMPRO, MC, BIGC, BIG, BEAUTY, KAMART, MTLS ส่วนมาตรการลดค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็นบวกกับ AOT, MINT
(0) ตลาดคาดหวังสูงว่าโอเปกจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในการประชุม 30 พ.ย. ราคาน้ำมันที่จะขึ้นหรือลงหลังการประชุมเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้น เพราะไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดน้ำมันที่ปัจจุบันยัง Oversupply วันละ 1.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งค่อยๆดีขึ้นต่อเนื่องและจะเข้าสู่สมดุลใน 2H17 ราคาน้ำมันในระยะยาวจึงเป็นทิศทางขาขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และยังอยู่ในคาดการณ์ของเราที่มองราคาเฉลี่ยปีนี้ US$43/บาร์เรล ปีหน้า US$50-55/บาร์เรล แนะนำ IRPC (ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท) PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท) BCP (ราคาพื้นฐาน 38 บาท)
(+) MC ปันผลสูง PE ไม่แพง เราคาด Same Store Sales Growth 4Q16 เป็นบวกเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันหลังปรับกลยุทธ์เน้นเพิ่มสินค้าเสื้อผ้าขาว-ดาวหรือโทนสีเข้มมากขึ้น ที่ผ่านมา MC ประสบความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าท่อนบน (ลูกค้าซื้อบ่อยกว่า) ให้มากขึ้น โดยสัดส่วนการขายสินค้าท่อนบนต่อท่อนล่าง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1 ต่อ 1 (จำนวนชิ้น) จากในอดีต 1 ต่อ 3 และตั้งเป้าให้เป็น 2-3 ต่อ 1 ใน 3 ปีข้างหน้า เราคาดกำไรปีนี้ +8% ปีหน้า +10% คาด Dividend yield 5.7% ต่อปี ประเมินราคาพื้นฐาน 17.50 บาท ปรับคำแนะนำจากถือ เป็นซื้อ
(+) ALT ราคาหุ้นนิ่งมานานสะท้อนความน่าผิดหวังของกำไร 3Q16 ไปแล้ว แนวโน้ม 4Q16 ฟื้นตัวจากงานติดตั้งสถานีฐานที่จะเริ่มเข้ามาหลังถูกเลื่อนมาจากไตรมาสก่อน แม้กำไรงวด 9M16 จะคิดเป็นเพียง 60% ของกำไรที่เราคาดทั้งปีแต่ยังมีลุ้น กำไรปี 2017 จะแข็งแกร่งขึ้นจากธุรกิจ Recurring ที่เริ่มให้บริการได้เต็มที่จากโครงข่าย Fiber Optic ตามแนวทางรถไฟทั่วประเทศที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ส่วนข้อพิพาทที่ศาลปกครองกลางให้ ALT ชนะและให้คู่สัญญาชดใช้ 600 ล้านบาท คู่สัญญาได้ยื่นอุทธรณ์ เราคาดได้ข้อสรุปปีหน้า ปัจจุบันมี 2017PE 20 เท่า ต่ำกว่า SYMC, ITEL เราแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 9 บาท
(+) BEM นายกฯให้ต่อเวลาเจรจาส่วนต่อขยาย
(-) ระวังหุ้น MSCI ที่จะมีผล 30 พ.ย. นี้ หุ้นขนาดใหญ่ที่ถูกเพิ่มในดัชนีมี BJC และ KCE ส่วนหุ้น Small cap. มี COM7, MALEE, TKN, TFG
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29 พ.ย. - ไทย: TNRเข้าเทรด (ราคา IPO 16 บาท)
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (พ.ย.)
30 พ.ย. - การประชุม OPEC
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ต.ค.
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (พ.ย.)
1 ธ.ค. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (พ.ย.),อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
-จีน:Manufacturing & Non-manufacturing PMI (พ.ย.)
- สหรัฐ:Fed Beige Book, ISM Manufacturing (พ.ย.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (พ.ย.)
2 ธ.ค. - เกาหลีใต้: 3Q16 GDP
- สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตร (พ.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านย้อนกลับมาปิดลบ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องภายหลังจากการเลือกตั้ง ขณะที่นักลงทุนยังจับตาดูราคาน้ำมันดิบที่แกว่งผันผวนก่อนที่จะทราบผลการประชุม OPEC ในช่วงกลางสัปดาห์นี้
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนในอิตาลีที่จะมีการลงประชามติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ในกรอบแคบค่อนมาในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.60 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. พุ่งขึ้น 1.02 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข่าวว่าอิรักพร้อมร่วมมือกับกลุ่ม OPEC ในการตรึงเพดานการผลิต ขณะที่อีกแหล่งข่าวบอกว่าไม่มีข้อสรุปใดๆในการประชุมเมื่อวานนี้เกี่ยวกับแต่ละประเทศในการลดกำลังการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 12.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,190.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นมีการปรับฐานลงวานนี้ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่มีทิศทางอ่อนค่าลง
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch