- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 November 2016 18:02
- Hits: 3496
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : กลับสู่การแกว่งตัวและบรรยากาศเชิงบวก
เราคาดหุ้นไทยวันนี้กลับสู่การแกว่งตัวและบรรยากาศซื้อขายเชิงบวก หลังวานนี้การแกว่งแดนลบเพื่อทำกำไรช่วยลดความร้อนแรงไปบางส่วน และทำให้การยกฐานการเล่นสู่ 1485-1505 จุด มีความแน่นขึ้น เงินทุนไหลออกเริ่มชะลอตัวลง บ่งชี้ว่าการปรับพอร์ตของนักลงทุนทั่วโลกเพื่อเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ หลังชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดี (ทรัมป์ ) เริ่มถึงจุดที่เหมาะสม ขณะที่การอ่อนค่าของเงินเยน บ่งชี้ว่าตลาดเงินตลาดทุนมีความผ่อนคลายมากขึ้นต่อมุมมองการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
กลุ่มบริโภคและท่องเที่ยว เชื่อว่าจะได้ทั้งผลดีและแรงหนุนจาก 1) การเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ประชาชนกลับมามีกำลังซื้อ ทั้งนี้แม้ สศก.เผยดัชนีราคาสินค้าเกษตรเดือน ต.ค.ปรับลดลง หลังจากมีสินค้าออกสู่ตลาดจำนวนมาก (ข้าวเปลือกเจ้า มันสำปะหลัง และข้าวโพด) แต่ราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงในช่วงที่ผลผลิตออก ไม่ใช่เรื่องผิดปกติซึ่งจะส่งผลดีต่อการซื้อเงินผ่อนและเช่าซื้อ ค้าปลีกมือถือและไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT 2) กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (แพ็คเกจของขวัญปีใหม่) ได้แก่ คืนภาษีช้อปช่วยชาติกลับมาใช้ใหม่ ขยายเวลานานขึ้น 15-30 วัน รวมถึงลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟื อย (ก.พ.-มี.ค.60) ส่งผลดีต่อกลุ่มห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN 3) การเสนอต่ออายุมาตรการ ภาษีเที่ยวไทยอีก 1 ปี เป็นปัจจัยบวกต่อเนื่องให้กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT
ปัจจัยติดตามอื่นๆ: ข้อมูลบริษัทจาก Opportunity day : 28 พ.ย. – BANPU, LHK, NDR, TMILL, TTA, K / 30 พ.ย. – โอเปค หารืออีกครั้งเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ / 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.) / ระมัดระวังการซื้อขายในหุ้นที่น่าจะติด cash balance: FN และ TSF
แนวรับ/แนวต้าน : 1485 /1500-1505 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
คำแนะนำทางกลยุทธ์ : ก่อนการประชุมโอเปค 30 พ.ย. ราคาน้ำมันที่น่าจะมีความเสี่ยงทางลงจำกัด ชาวยจำกัดความเสี่ยงของตลาด คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดยกกรอบขึ้น 1485-1505 กลยุทธ์วันนี้ขอเลือกหุ้นท่องเที่ยว ปิโตรเคมี และพลังงาน รวมถึงเก็งกำไรในหุ้นที่มีประเด็นบวก (soft commodity) ยังขอเลี่ยงหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, ERW, PTTGC / เก็งกำไร STA*, FSMART*, TK*
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
- กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL
- หุ้นที่มีธุรกิจ หรือฐานการผลิตในสหรัฐฯ: IVL, EPG, TU
- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้ อ): BLA*, TIP*, EASTW*
- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี : TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH, DCC, DRT
หุ้นแนะนำ
AOT (464) : คาดเป็นเป้ าหมาย shot covering ทั้งนี้ราคาที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ 0 เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ERW (5) : หุ้น top pick กลุ่มโรงแรม เป็นผู้เล่น pure hotel play ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2-3 ซึ่งเป็น low season เริ่มพลิกเป็นมีกำไร บ่งชี้ว่าผลการดำเนินงานอยู่ในการฟื้นตัว (turnaround) คาดผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญจำกัด ขณะที่การลงทุนโรงแรมประหยัดและ budget hotel คาดจะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตในช่วง 1-2 ปีนี้
PTTGC (70) : ผลประกอบการรายไตรมาสยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องจากจุดตํ่าสุดไตรมาส 2/59 ขณะที่ earnings momentum ระยะกลางโดดเด่น โดยคาดกำไรปี 2560 เติบโตถึง 29.5%
STA* (17) : ราคายางเริ่มกลับเป็นขาขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังตํ่ากว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 16.54 บาท ล่าสุดราคายาง TOCOM ทำจุเดสูงสุดใหม่ที่ 240 เยน
FSMART* (20) : ได้ประโยชน์จากการที่ 7-11 ยกเลิกรับเติมเงินให้ AIS ทำให้ยอดเติมเงินผ่านตู้บุญเติมเติบโตอย่างโดดเด่น และไตรมาส 4/59 ยอดเติมเงินเติบโตราว 30-40% จากช่วงก่อนหน้า ทำให้คาดกำไรทำจุดสูงสุดอย่างโดดเด่นอีกครั้ง
TK* (12) : ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรอง ขณะที่ยอดการเช่าซื้อจักรยานยนต์เริ่มกลับเป็ นบวกนอกจากนี้มีแผนเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อที่กัมพูชาและอินโดนีเซียตามลำดับ
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
+ สนามบินดอนเมืองคึกคัก รับอานิสงส์ โลว์คอสต์-รายได้เชิงพาณิชบ์ ดันกำไรปี 59 ทะลุ 5 พันล้าน ผอ.ดอนเมืองคาดปี 60 มีรายได้เชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 15% ขณะเดียวกันเตรียมลงทุนอาคารจอดรถอีก 1 แห่งตามแผนพัฒนาสนามบินเฟสที่ 3 (กรุงเทพธุรกิจ)
+ คลังเตรียมชงแพ็กเกจของขวัญปี ใหม่เข้าครม.อีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ปัดฝุ่นช็อปช่วยชาติกระตุ้นใช้จ่ายปั๊มเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี เล็งเพิ่มระยะเวลาให้นานขึ้นกว่าปี ที่แล้ว พร้อมหาจังหวะลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยกระตุ้นท่องเที่ยวอีกทาง (คมชัดลึก)
+ "ออมสิน" เร่งเดินหน้าส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ หลัง คนร. เปิ ดทางเอกชนร่วมพีพีพี พร้อมยันไม่ย้าย "หมอชิต" ช่วยประหยัดงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ทางด้านคลังวอนแบงก์พาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เปิ ดทางเข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น ส่วน สคร. ฟุ้งรัฐวิสาหกิจ ตะลุยเบิกจ่ายโต 10.5% ช่วยบูมจีดีพี (ไทยโพสต์)
+ บสย.จับมือแบงก์ 1 ธ.ค.นี้ เร่งเดินหน้าค้ำประกันเอสเอ็มอี พีจีเอส ระยะที่ 6 คาดมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 4 แสนล้าน ส่วน ธสน.ชี้เศรษฐกิจปี ’60 วิ่งฉิว แรงหนุนลงทุนภาครัฐ-การส่งออก ดันเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง (โพสต์ทูเดย์)
+ “เจโทร” เผยนักลงทุนญี่ปุ่นส่งสัญญาณใช้ไทยฮับผลิตขนมญี่ปุ่น ป้ อนตลาดอาเซียน พบความต้องการตลาดมาแรงหวังดันขึ้นเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 กางแผนธุรกิจปีหน้าเจาะกลุ่มใหม่ดึงลูกค้าระดับกลางเพิ่มการบริโภคเผยส่งออกอาหารเข้าไทยช่วง 9 เดือนลดลง 11% หลังเผชิญภัยธรรมชาติ (กรุงเทพธุรกิจ)
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอนปิ ดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) จะประชุมกันในวันที่ 30 พ.ย.เพื่อพยายามกำหนดรายละเอียดในข้อตกลงจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับขึ้น 5 เซนต์ สู่ 49.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล(รอยเตอร์)
+ ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดแทบไม่ขยับในวันพฤหัสบดี โดยหุ้นบริษัทบางแห่งดิ่งลง หลังจากหุ้นดังกล่าวแขวนป้ าย XD ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดบวกขึ้น 11.49 จุด หรือ 0.17 % สู่ 6,829.20 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,790.69-6,831.23 โดยดัชนีเคลื่อนตัวในกรอบแคบมาเป็นเวลานานเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว แต่ยังคงพุ่งขึ้นกว่า 9 % จากช่วงต้นปีนี้ (รอยเตอร์)
+ ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า ผู้ส่งออกของญี่ปุ่นจะมีผลกำไรเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ดอลลาร์/เยนแข็งค่าขึ้น ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส และตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า มีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ดัชนีนิกเกอิปิ ดตลาดบวกขึ้น 170.47 จุด หรือ 0.94% สู่ระดับ 18,333.41 โดยการปิ ดตลาดในแดนบวกติดต่อกัน 6 วันในครั้งนี้ถือว่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.เป็นต้นมา (รอยเตอร์)