- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 November 2016 17:26
- Hits: 2140
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Securities Sector
Our Portfolio Nov 2016 : BEM, EKH, KTC, PDG, ROBINS
SET เริ่มอ่อนตัวบ้าง แต่คาดว่าเป็นเพียงพักตัวช่วงสั้น ก่อนลุ้นขึ้นต่อ!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มปรับพักตัวย้อนลบ หลังดัชนีขยับบวกขึ้นมาหลายวันติดต่อกัน ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนตัวต่อเนื่องอีกครั้ง หลังดอลลาร์แข็งค่าจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ยังทรงตัวรอลุ้นผลประชุมโอเปกในกลางสัปดาห์หน้าอยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้พอที่จะสดใสขึ้นบ้าง หลังตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ปิดทำการจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving day) ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างนิ่ง ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดบวก เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของเยอรมนีออกมาดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นบวก แม้ว่ากรอบบวกยังค่อนข้างแคบ แต่ก็น่าจะช่วยหนุนแรงซื้อในตลาดหุ้นไทยได้บ้าง ทำให้FSS ยังคาดว่า SET จะปรับพักตัวเพียงช่วงสั้นและมีกรอบลบจำกัด โดยยังลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยผลักดันให้ดัชนีแกว่งไต่ระดับขึ้นใหม่ได้ในช่วงถัดไปตามคาด ซึ่งช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ทำให้แรงขายของต่างชาติน่าจะยิ่งเบาบางลง และมีสิทธิลุ้นแรงผลักดันจากเม็ดเงิน LTF/RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายได้ด้วย
กลยุทธ์ : ดังนั้นยังน่าสนใจเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อช่วงลบได้ ส่วนที่ซื้อแล้วเรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนเพื่อรอขายสูงต่อไป
แนวรับ 1487-1485 , 1483-1480 จุด
แนวต้าน 1493-1497 , 1500-1508 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MONO , SELIC , BEC(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$339ล้าน เงินทุนไหลออกจากทุกประเทศนำโดยไต้หวัน US$128ล้าน เกาหลีใต้ US$116ล้านและไทย US$37ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตามค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนการปรับลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) ความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยกดดันตลาดระยะสั้น วานนี้แม้นักลงทุนต่างชาติจะยังขายหุ้นและกลับมา net short Index Futures แต่ซื้อพันธบัตรเพิ่มขึ้นจนทำให้ยอดสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นซื้อ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า ความกังวลเรื่องดอกเบี้ยของเฟดยังกดดันค่าเงินเอเชียอ่อนค่าในระยะนี้
• (+) ก.คลังเตรียมออกแพ็คเกจช้อปช่วยชาติ จะนำเข้าครม.ในอีก 1-2 สัปดาห์ และมีแนวคิดลดภาษีเครื่องสำอาง-น้ำหอม และอาจขยายลดภาษีเที่ยวไทยอีก 1 ปี เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศและการท่องเที่ยว มาตรการช้อปช่วยชาติที่เคยใช้ใน 4Q15 ช่วยกระตุ้นการบริโภคให้ +2.6% Y-Y เร่งตัวขึ้นจาก 2 ไตรมาสก่อนหน้า และทำให้ SSSGของกลุ่มค้าปลีกบวกแรง กลุ่มที่ได้รับผลบวกคือ HMPRO, ROBINS, BIG, BEAUTY,KAMART, BIGC, MAKRO
• (+) กลุ่มหลักทรัพย์: วอลุ่มดี มีปันผลเยอะ ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ใน 4Q16คึกคักที่สุดเมื่อเทียบกับ 3 ไตรมาสก่อนหน้า โดย 4QTD อยู่ที่เฉลี่ย 5.6 หมื่นล้านบาทต่อวัน (ไม่รวมพอร์ตโบรก) +3% Q-Q, +52% Y-Y ทำให้เราคาดว่าหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ในFSS coverage จะมีกำไร +17% Y-Y แต่ -18% Q-Q เพราะกำไรจากพอร์ตลงทุนลดลงโดย ASP น่าจะมีกำไรโตสูงสุด หากดูทั้งปี 2016 เราคาดกำไรทั้งกลุ่ม +17% Y-Y (KGIโตแรงสุด +34% Y-Y) แต่ทรงตัวในปี 2017 เพราะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้เล่นในตลาดรายใหม่และการแข่งขันด้านราคาที่ยังมีอยู่ ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มนี้อยู่ที่เงินปันผล เราคาดว่า KGI จะจ่ายปันผล 0.38 บาทต่อหุ้น Yield 10% จึงให้ KGI เป็น Top pickราคาพื้นฐาน 4.20 บาท
• (+) ASEFA แม้ค่าแรงในในจ.สมุทรสาครจะถูกปรับขึ้น 10 บาท เป็น 310 บาท แต่แทบไม่มีผลกระทบ เพราะค่าแรงขั้นต่ำสุดที่บริษัทจ่ายเท่ากับที่ปรับขึ้นอยู่แล้ว สำหรับกำไร4Q16 จะชะลอลงจากสูงสุดของปีในไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามฤดูกาล แต่ทั้งปี 2016 ยังโตสูงถึง 23% Y-Y และคาดโตต่อเนื่อง 15% Y-Y ในปี 2017 ปัจจุบันBacklog ยังมีสูง 1.8-1.9 พันล้านบาท แสดงถึงความสามารถในการได้งานใหม่ๆ ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท
• (+) SAPPE การตั้งบริษัทย่อยในจีนเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ต้น พ.ย. ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณว่าใกล้บรรลุข้อตกลงกับ Distributor รายใหม่ในจีนหลังจากรเจรจามาอย่างยาวนาน บนสมมติฐานว่า SAPPE จับมือกับ Distributor รายใหม่เรียบร้อย เชื่อว่ารายได้ส่งออกไปจีนจะกลับมาเท่ากับที่เคยทำได้ในระดับสูงสุดในปี 2014 หรือ 300 ล้านบาทต่อปี ซึ่งทำให้เราคาดกำไรปี 2017 +19% Y-Y และอาจมี upside หากตลาดจีนทำได้ดีกว่าคาด ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น 2017PE ที่ 22 เท่า ถูกที่สุดในกลุ่มเครื่องดื่ม แต่สำหรับกำไร 4Q16 จะชะลอตาม Low season เรายังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 39 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 พ.ย. - ไต้หวัน: 3Q16 GDP
28 พ.ย. - ไทย: ดุลการค้า, ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ต.ค.), HREIT เข้าเทรด(ราคา IPO 10 บาท/หน่วย)
29 พ.ย. - ไทย: TNR เข้าเทรด (ราคา IPO 16 บาท)
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (พ.ย.)
30 พ.ย. - การประชุม OPEC
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ต.ค.
- อินเดีย: 3Q16 GDP
1 ธ.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (พ.ย.), อัตรเงินเฟ้อ(พ.ย.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (พ.ย.)
- สหรัฐ: Fed Beige Book, ISM Manufacturing (พ.ย.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกได้เล็กน้อย จากตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมนีที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่บรรยากาศการลงทุนไม่คึกคักนักเนื่องจากฝั่งสหรัฐฯปิดทำการ
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้แม้จะขาดปัจจัยชี้นำจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดทำการ อย่างไรก็ตามล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นเช้านี้ออกมาใกล้เคียงคาด
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวหลังจากอ่อนค่าพอควรในช่วง 2 วันก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.62-35.71 บาท/ดอลลาร์
(0) ตลาดน้ำมันดิบ NYMEX ปิดทำการเนื่องในวันของคุณพระเจ้า ตลาดทองคำ COMEX ปิดทำการเนื่องในวันของคุณพระเจ้า
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research