- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 November 2016 16:26
- Hits: 2173
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ปรับตัวขึ้นต่อ'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ได้รับผลดีจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขณะที่ตัวเลข GDP ของไทยใน 3Q59 ออกมาเติบโต 3.2% ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดคาด โดยปัจจัยบวกที่หนุนตลาดวานนี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มเกษตรที่มีข่าวดีเรื่องที่จะสามารถส่งไก่สดแช่แข็งไปยังเกาหลีใต้ได้ (+1.2%) ส่วนหุ้นกลุ่มอื่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (+0.7%) ส่วนกลุ่มที่กดดันดัชนีได้แก่กลุ่มพลังงาน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (-0.5%) ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.44 จุด มาอยู่ที่ 1,478.30 จุด ด้วยปริมาณซื้อขาย 38,130.13 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบ (WTI) พุ่งขึ้น 3.9%Day มาปิดที่ 47.49 US/Barrel หลังได้รับปัจจัยบวกจากความเห็นของปธน.รัสเซียที่มองว่าการประชุม OPEC ในช่วงเดือน พ.ย.จะบรรลุข้อตกลงได้ และรัสเซียพร้อมตรึงกำลังการผลิต
(+) ราคาสินค้า Commodity ดีดตัวกลับตามราคาน้ำมัน เหมาะเก็งกำไรได้แก่ ราคายาง (TOCOM) เช้านี้บวกอีก 3%Day, ราคาถ่านหิน (+0.7%Day)
(+) สศช. รายงาน GDP 3Q59 ของไทยขยายตัว 3.2%YoY และตัวเลขส่งออกกลับมาขยายตัว 0.4% เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส โดยคาดทั้งปี 59 GDP จะขยายตัว 3.2%YoY และปี 60 GDP ขยายตัว 3.5%
(-) ถ้อยแถลงของนาย สแตนลีย์ ฟิสเซอร์ (รองประธาน FED) ได้กล่าวว่าตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าใกล้เป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของ FED แล้ว ส่งผลให้ล่าสุด Bloomberg คาดโอกาส 100% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือน ธ.ค. 59 (13-14 ธ.ค.)
(-) Fund Flow จากนักลงทุนต่างประเทศยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยวานนี้ขายสุทธิไปอีก 2.75 พันลบ. รวม MTD ขายสุทธิ 2.8 หมื่นลบ.
(-) กนอ. คาดยอดขายพื้นที่นิคมฯปี 59 (ต.ค.58-ก.ย.59) เหลือเพียง 3.2 พันไร่ (ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3.5 พันไร่) เนื่องจากนักลงทุนชะลอดูนโยบายรัฐ
(+/-) หนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทย ณ.สิ้นเดือน ก.ย. 59 อยู่ที่ 42.73%
(+/-) รัฐเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 5 ล้านราย ภายในธ.ค. 59 คาดในงบราวหมื่นลบ. (บวกต่อกลุ่มค้าปลีก CPALL, BIGC, ROBINS)
(+/-) คาดเลื่อนการเปิดประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณและบงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-2566 จากเดิมกำหนดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน มี.ค.60 เลื่อนเป็นภายในสิ้นปี 60
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, KKP, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP)
การประชุม OPEC ในช่วง 30 พ.ย. ณ.กรุงเวียนนา ออสเตรีย
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นยูโรโซน (22 พ.ย.), PMI ภาคการผลิตของเยอรมัน (23 พ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ (23 พ.ย.), ประชุม FOMC (24 พ.ย.), อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ต.ค. (25 พ.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน “มองพลังงานน่าสนใจ”
คาดดัชนีผันผวนในกรอบแคบ แม้ว่าดัชนีมีปัจจัยบวกจากที่ความผันผวนในเม็ดเงินต่างชาติเริ่มลดลง ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวได้ แต่ด้วยปัจจัยภายในประเทศมีปัจจัยเด่นค่อนข้างจำกัดจึงคงแนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพื่อเก็งกำไรการปรับลดกำลังผลิตของ OPEC สำหรับมุมมองระยะกลางเรามองตลาด Emerging Country จะยังคงถูกกดดันจาก Upside ของตลาดหุ้นสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เรายังคงแนะนำเก็งกำไรสั้นเป็นหลักและมองยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยเรามองว่าตลาดเกิดใหม่จะมีแรงกระแทกอีกครั้ง หาก FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ธ.ค.
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
PTT เก็งกำไร
เก็งกำไรความคาดหวังปรับลดกำลังผลิตในการประชุม OPEC ปลายเดือน
เตรียม Spin Off PTTOR (oil and Retail business) และผู้บริหารคาดปี 60 มีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่สูงกว่าปี 59
PTTEP เก็งกำไร
เก็งกำไรประชุม OPEC ปลายเดือนนี้ คาดมีการลดกำลังผลิตจากปัจจุบัน
เป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
คาดมีการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ในช่วง 1H60
ทีมวิเคราะห์