WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



แนวโน้ม SET ยังลุ้นแกว่งบวกต่อได้ ดังนั้นยังเน้นถือต่อเนื่อง...

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ขยับกลับมาแกว่งตัวด้านบวกได้ดีขึ้น หลังจากเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาให้เห็นตั้งแต่ช่วงก่อนปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า จึงทำให้เงินบาทกลับมาแกว่งทรงตัวอีกครั้ง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องได้ หลังเข้าใกล้วันประชุมกลุ่มโอเปกช่วงสิ้นเดือนนี้ โดยนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าที่ประชุมโอเปกอาจมีข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการลดกำลังการผลิต ประกอบกับวานนี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวเป็นบวกด้วย
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ขยับมาปิดบวกได้ดี โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นเกือบ 4% จากการที่รัสเซียประกาศความพร้อมที่จะร่วมมือในการตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน และแสดงความเชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.นี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อย กระตุ้นให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากลับบ้าง รวมทั้งตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดบวกต่อได้ ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET จะสามารถแกว่งบวกต่อเนื่องเช่นกัน แต่ก็ต้องระวังการแกว่งผันผวนไว้ด้วย เพราะความกังวลเกี่ยวกับโอกาสขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐยังกดดันตลาดอยู่
  กลยุทธ์ : ยังแนะนำเน้นถือไว้ก่อน เพราะคาดว่า SET ยังแกว่งบวกต่อได้
  แนวรับ  1476-1472 , 1470-1463 จุด  
  แนวต้าน  1482-1486 , 1490-1494 จุด
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : TNH , ASEFA , HMPRO(short)
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$133ล้าน โดยไหลออกจากประเทศไทยมากที่สุด US$77ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$73ล้าน ขณะที่กลับมาไหลเข้าเกาหลีใต้ US$48 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังเลือกกลับไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยคือเงินดอลลาร์ ลดความเสี่ยงการลงทุนในตลาดเกิดใหม่เพื่อประเมินผลการประชุม Fed ในเดือนหน้า

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) การปรับพอร์ตขนาดใหญ่ผ่านไปแล้ว แม้วานนี้นักลงทุนต่างชาติจะยังขายหุ้นไทยกว่า 2 พันล้านบาท แต่ยอดขายพันธบัตรลดลงมากเหลือเพียง -1.7 พันล้านบาท เมื่อรวมกับ net long Index Futures ทำให้ยอดขายทั้ง 3 ตลาดลดลงเหลือเกือบ 3 พันล้านบาท จากยอดเฉลี่ยในสัปดาห์ก่อนที่ขายวันละ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท ทิศทางการไหลออกของเงินทุนต่างชาติจะเริ่มเบาลง บทบาทของกองทุนจะค่อยๆมากขึ้น หุ้น big cap. ที่พื้นฐานดีน่าเริ่มสะสมมี SCC (ราคาพื้นฐาน 600 บาท), AOT (ราคาพื้นฐาน 470 บาท), SCB (ราคาพื้นฐาน 174 บาท), BAY (ซื้ออ่อนตัว, ราคาพื้นฐาน 42 บาท) 
(+) เศรษฐกิจไทยมีโมเมนตัมที่ดี GDP ของไทยที่ +3.2% Y-Y ใน 3Q16 ถือว่าอยู่ในโมเมนตัมที่ดี การเติบโตมาจากการจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชน ส่งออก และการท่องเที่ยว เพียงแต่ขยายตัวชะลอเล็กน้อยจาก 2Q16 ที่ +3.5% Y-Y เพราะการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐแผ่วลงจากที่เร่งตัวไปในไตรมาสก่อน ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังไม่กลับมา ทำให้ GDP 9M16 +3.3% Y-Y ทั้งปีที่เราคาดโต 3.3% มีโอกาสต่ำกว่านี้เล็กน้อยเพราะแนวโน้ม 4Q16 ที่การบริโภคและส่งออกชะลอ แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ปี 2017 ที่คาดเร่งตัวขึ้นเป็น +3.5% จากความแข็งแกร่งภายในคือการลงทุนและการบริโภค แต่ไม่ได้คาดหวังกับส่งออกนักเพราะความเสี่ยงของตลาดต่างประเทศยังมีอยู่มาก 
(0) สินเชื่อเดือน ต.ค. ยังค่อนข้างนิ่งไม่ต่างจากเดือนก่อนๆ โดยเพิ่มเพียง 0.15% M-M มีเพียง BAY ที่สินเชื่อโตแรงสุด +1.2% M-M มาจากลูกค้าทุกกลุ่มทั้งธุรกิจรายใหญ่ กลาง และรายย่อย (ที่อยู่อาศัย) รองลงมาเป็น TMB (+1% M-M) ขณะที่ SCB และ KBANK มีสินเชื่อปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ส่วน KTB มีสินเชื่อหดตัวลงมากที่สุด รวมสินเชื่องวด 10M16 +0.43% YTD (BAY โตแรงสุด, KTB หดตัวแรงสุด) แนวโน้มกำไร 4Q16 ชะลอ Q-Q ตามค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองตามฤดูกาล ส่วนแนวโน้มกำไรปี 2017 คาดฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ Top Pick ของกลุ่มยังคงเป็น SCB (ราคาพื้นฐาน 174 บาท) และ KKP (ราคาพื้นฐาน 71 บาท) ส่วน BAY (ราคาพื้นฐาน 42 บาท) เราชอบมากขึ้นแต่ Free float ต่ำกว่า 20% อาจทำให้มีความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย
(+) HMPRO บริษัทอยู่ในช่วงการจัดงาน HomePro Expo ครั้งที่ 2 ของปีนี้ 18-27 พ.ย. แม้บรรยากาศการซื้อขายอาจไม่สดใสนัก แต่ด้วยผลของ High season และการจัดงานดังกล่าว รวมถึงเปิดสาขาใหม่ เราคาดน่าจะได้เห็นการเติบโตของกำไรต่อเนื่องใน 4Q16 กำไรในงวด 9M16 ที่โต 19% Y-Y เราคาดทั้งปีโตได้ 13% Y-Y และปีหน้าโตต่อเนื่อง 15% Y-Y ราคาหุ้นมี upside เกือบ 20% จากราคาพื้นฐาน 11.60 บาท แนะนำซื้อ
(+) หุ้นที่ถูกเพิ่มในดัชนี MSCI มีผล 30 พ.ย. นี้ หุ้นขนาดใหญ่มี BJC และ KCE ส่วนหุ้น Small cap. มี COM7, MALEE, TKN, TFG

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 พ.ย. - สหรัฐ:ยอดขายบ้านเก่า (ต.ค.)
23 พ.ย. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ต.ค.),ยอดขายบ้านใหม่ (ต.ค.) 
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (พ.ย.)
24 พ.ย. - สหรัฐ:ตลาดหุ้นปิด วัน Thanksgiving, FOMC Meeting Minutes
25 พ.ย. - ไต้หวัน: 3Q16 GDP
28 พ.ย. - ไทย: ดุลการค้า,ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ต.ค.)
29 พ.ย. - ไทย: TNRเข้าเทรด (ราคา IPO 16 บาท)
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (พ.ย.)
30 พ.ย. - การประชุม OPEC
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ต.ค.
- อินเดีย: 3Q16 GDP
1 ธ.ค. - สหรัฐ:Beige Book

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้และทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นจากการที่รัสเซียประกาศว่าพร้อมที่จะร่วมมือตรึงกำลังการผลิต
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในบวกได้เช่นกันหลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์โดยนักลงทุนคาดหวังมากขึ้นว่า OPEC จะตกลงเรื่องการตรึงกำลังการผลิตได้
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในบวกได้ตามภูมิภาคอื่น ยกเว้นญี่ปุ่นที่ลบเล็กน้อยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
(+) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะแข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อย โดยปัจจุบันเคลื่อนไหวในกรอบ 35.40-35.50 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 1.80 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัสเซียประกาศพร้อมตรึงกำลังการผลิต และแสดงความเชื่อมั่นว่ากลุ่ม OPEC จะสามารถบรรลุข้อตกลงในการประชุมปลายเดือนนี้ได้เช่นกัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,209.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่านค่าลง อย่างไรก็ตามตลาดยังคงจับตาการประชุม FED เดือนหน้าซึ่งค่อนข้างแน่ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย

Contact person : Somchai Anektaweepon  Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!