- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 November 2016 17:11
- Hits: 5601
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Flight to Save haven...USD index แข็งค่าสุดในรอบ 12 ปี
วันนี้คาด แกว่งขึ้นๆลงๆ กรอบ 1,463-1,480 จุด (-) เมื่อวานนี้ ประธานเฟด ยังยืนยันโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธค. และ วันนี้เฟดสาขาจะแสดงความเห็นต่อภาวะเศรษฐกิจ...ตลาดเกิดใหม่เช้านี้ยังคงเปราะบาง บวก/ลบ คละกัน รับข่าว, ด้านนายกญี่ปุ่นเดินทางล็อบบี้ผู้นำ รัสเซีย สหรัฐฯ ให้ลงสัตยาบัน TPP ต่อ (ยังไม่แน่นอน แต่อาจมีผลจิตวิทยาตลาดหุ้นไทยสั้นๆ), ส่วนค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง สอดรับกับค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าทำนิวไฮในรอบ 12 ปี
ระยะเดือน (พ.ย.) ลงแรงผิดคาด หลุด 1,480 จุด ทำให้แนวโน้มรายเดือน คาดลง-ปิด Gap แถวๆ 1,450 +/- 10 จุด (1,455/1,450/1,440 จุด) ก่อนจึงจะค่อยฟื้นตัว โดยคงแนวต้านเดิม 1,530 จุด แนะนำ ซื้อถัวตามแนวรับ/เลือกซื้อรายตัว พัฒนาการของการฟื้นตัว...จะขึ้นอยู่กับ ท่าทีและคำสัมภาษณ์ของ ว่าที่ ปธน.สหรัฐฯ เชื่อว่าท่าที ที่อ่อนลงจะ พลิก Sentiment ตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้ และต้องตาม ถ้อยแถลงของ ประธานเฟด ระหว่างนี้ไปถึงช่วงปลายเดือน พย. เพราะจะมีสัญญาณทิศทาง ดอกเบี้ยในเดือน ธค. (ถ้ามีสัญญาณเลื่อนระหว่างนี้จะหนุนตลาดได้ ครึ่งหลังเดือน พย.ต้องตามรายงานการประชุม FED และ FED Beige book)
ส่วนปัจจัยในประเทศ ผลการดำเนินงาน บจ.ส่วนใหญ่ที่ทยอยประกาศเรามองว่า มี Flows ของการปรับเพิ่มกำไร-ราคาป้าหมาย ในกลุ่มฯ เช่น โรงกลั่น-ปิโตรฯ, โรงพยาบาล, ค้าปลีก, เกษตร-อาหาร, สินเชื่อบุคคล และ...รอบนี้เราพบว่า ตลาดวนเล่นหุ้น โรงกลั่น โรงพยาบาล Retail Finance อาหาร ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มน้อยที่มีการปรับกำไรขึ้นรอบนี้ และส่วนใหญ่ที่เล่นจะเป็น หุ้น Local play (เลี่ยงหุ้นฝรั่ง) ตลอดจน หุ้นที่มีประเด็นหนุน เช่น MSCI addition เป็นต้น
หุ้นแนะนำวันนี้ TRC สะสมอ่อนตัว...จะจัดแถลงผลการดำเนินงาน 3Q16 1 ธค.นี้ (คาดมีประเด็นความคืบหน้าเหมืองโปแตส ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงคลังใส่เงินลงทุนให้กับธุรกิจเหมืองฯ ซึ่งเป็น Overhang ต่อราคาหุ้นตลอดปีที่ผ่านมา ถ้าชัดเจนเมื่อไร คาดราคาหุ้นปลดล็อกแรลรี่รับข่าวนี้ทันที), Flight to save haven…โรงพยาบาล อาหาร ยารักษาโรค (หุ้น Staple goods เช่น CHG TFG MEGA ฯลฯ)
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) รายงานกลยุทธ์ตลาดหุ้นไทย คาดตลาดจะกลับไปยืนเหนือ 1,500 จุดได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยเรามองว่าตลาดที่อ่อนตัวลงในปัจจุบันจากหลายปัจจัย เช่น ความกังวลจากการที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ คาดกำไร 4Q16 รวมของตลาดจะเติบโตได้ถึง 22%YoY นำโดยกลุ่ม อาหาร (ราคากุ้งขึ้น ต้นทุนลง) กลุ่มสินเชื่อรายย่อย (สินเชื่อโตสูง NPL ควบคุมได้) กลุ่มค้าปลีก (ขอดขาย SSS เติบโตแข็งแกร่ง) กลุ่มขนส่ง (น้ำมันลง AAV THAI, BEM เข้า high season) เราคงเป้าหมาย SET index ที่ 1,523 และ 1,670 ในปี 2016-17 ตามลำดับ
(-) RS เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์กับผู้บริหารช่วงเมื่อวานนี้ ประเด็นหลักภาพรวมของสื่อทีวีในไตรมาส 4/59-1/60 คงแย่ตามที่คาด แต่เรามีมุมมองเชิงลบมากขึ้นต่อธุรกิจเสริมความงามที่อาจจะไม่ได้เติบโตดีอย่างที่คาด รายได้ธุรกิจสื่อคาดจะลดลงในไตรมาส 4/59 ราว 40-50% ในขณะที่ต้นุทนลดลง 20-30% จากการเน้นการใช้รายการรีรันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องพยายามรักษาเรตติ้งไว้ เพื่อรองรับกับเม็ดเงินโฆษณาที่จะกลับเข้า มาในอนาคต ธุรกิจสื่อส่วนอื่นๆ น่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากทั้งทีวีดาวเทียม และ วิทยุ เนื่องจากมีต้นทุนต่ำอยู่แล้ว การตกลงด้านการใช้งบโฆษณากับลูกค้าน่าจะล่าช้าไป 1-2 เดือน ไปเดือน ก.พ. ปีหน้า (จากปกติจะคุยกันเสร็จในเดือน ธ.ค.) ธุรกิจเสริมความงามปีหน้ากลับมาเน้นการขายในช่องมากขึ้น (Telesales ผ่าน Call center) และมีแผนจะรุกเข้าใน 7-11 (แต่วางสินค้าในราคาที่เป็น Mass) ไตรมาส 4/59 อาจจะมีการบันทึกรายการพิเศษการกลับรายการจ่ายเข้ากองทุน USO ราว 97 ล้านบาท (หนุนงบดีขึ้น แต่เป็นรายการ non-cash) เราคาดว่าบริษัทจะยังขาดทุนอยู่ในช่วงไตรมาส 4/59 และ 1/60 จากเม็ดเงินโฆษณาที่ชะลอตัวในช่วงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น แต่มองว่าไตรมาส 4/59 จะเป็นจุดต่ำสุดและขาดทุนน้อยลงในไตรมาส 1/60 เม็ดเงินโฆษณาน่าจะเริ่มกลับเข้ามามากขึ้นในปลายไตรมาส 1/60 สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปสู่ Modern trade มากขึ้นแต่ยอดขายกลับไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก ทำให้เรามองว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาระยะหนึ่งในการสร้างแบรนด์ในธุรกิจส่วนนี้ (ต้นทุน/ค่าใช้จ่ายทางการตลาดเข้ามาแล้ว) ผลประกอบการคาดจะขาดทุนไปอย่างน้อย 2 ไตรมาส เราปรับคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ขาย (ราคาเป้าหมาย 7.20 บาท จาก 10 บาท)
(+/0) CPF ประกาศ M&A “Bellisio Foods” ใน USA ในราคา US$1,075m (หรือราว 38,161 ล้านบาท) เงินที่จะใช้มาจากกระแสเงินสดภายในบริษัทซึ่งบริษัทมีเงินสดในมือราว 48,000 ล้านบาท เราจึงมองว่าความเสี่ยงในการเพิ่มทุนมีจำกัด และราคาซื้อเรามองว่าไม่แพงโดยราคาซื้อคิดเป็น EV/EBITDA ที่ 13 เท่า และหากรวม synergy จะลดลงเหลือ 10 เท่า คาดดีลนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทในการทำตลาด USA ในระยะยาว คาดราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นเพราะกังวลประเด็นการเพิ่มทุน ซึ่งเราคิดว่าเกิดขึ้นในระยะสั้น เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 41 บาท
หุ้นมีข่าว / ประเด็น
(-) ประธาน BHP Billiton บริษัทฯเหมืองรายใหญ่ของโลก คาดการณ์ว่าราคาถ่านหิน และ เหล็กกล้า จะเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว เนื่องจากอุปสงค์ปรับลดลง ตามราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา (ที่มา อินโฟเควส)
(+) เมื่อวานเปิดซอง รถไฟฟ้าสายสีชมพู กับเหลือง ซอง 1 และ เดือนหน้าเปิดซอง 2 โดยจะสรุปข้อเสนอ มค.60- เซ็นสัญญา เมย. 60 และ เซ็นสัญญาสร้าง พค.60 (ที่มา ASPEN)
(+/-) หุ้นเข้า-ออก MSCI Standard index มีผล 1 ธค. นี้: BJC KCE ส่วนหุ้นเข้า MSCI Small Cap index (+) addition…COM7 MALEE TKN TFG / (-) deletion…ASP BJCHI CBG COL CGD DNA KCE ROJNA
(+) ITEL ILINK ALT ฯลฯ เน็ตหมู่บ้าน เตรียมเข้า ครม.สัปดาห์หน้า / มูลค่างานราว 1.5 หมื่นล้านบาท คาดมูลค่าขายสายและอุปกรณ์ ราว 4-5 พันล้านบาท เป็นโอกาสของ ILINK ที่จะได้งาน ส่วน ITEL จะมีส่วนร่วมงานวางระบบ และ จะมีการเชื่อมโยงโครงข่าย Fiber optic หลัก-บนเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(-) นายกญี่ปุ่น เดินทางพบ ว่าที่ ปธน.สหรัฐฯ และ ปธน.รัสเซีย ก่อนเข้าประชุม APEC โดยยืนยันที่จะผลักดันให้เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการให้สัตยาบัน ร่าง TPP ต่อไป (ที่มา ASPEN)
(0) วันศุกร์ ECB’s Draghi speaks at Euro Finance Week in Frankfurt (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค