- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 November 2016 16:53
- Hits: 5481
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง และคาดมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งคาดสามารถรองรับกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ธ.ค. (13 – 14/12/59) ตามการส่งสัญญาณล่าสุดของประธานเฟด นอกจากนี้คาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานการประชุม – ต.ค. ของธนาคารกลางยุโรป – ECB ที่พร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และอาจใช้วงเงินสูงถึง 1.7 ล้านล้านยูโร
ขณะที่แนะติดตาม (1) ค่าเงินสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่า คาดส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงราคาน้ำมันดิบ มีโอกาสลดลง (2) การประชุม OPEC (30/11/59) แม้สมาชิกส่วนใหญ่เริ่มเห็นพ้องกันในการตรึงกำลังการผลิต โดยเบื้องต้น ลดกำลังการผลิตของกลุ่มลงราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการผลิตล่าสุดที่ 33.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน คาดอาจไม่เพียงพอต่อการลดอุปทานส่วนเกิน (3) Fund Flow คาดยังมีโอกาสไหลออก หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือ ประมาณ 90,000 ล้านบาท และ (4) ค่าเงินบาท
ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
นอกจากนี้เรายังแนะให้จับตาท่าทีของทรัมป์ ต่อการนำนโยบายที่ได้ทำการหาเสียงไว้ ผลักดันเข้าสู่สภา โดยเฉพาะนโยบายการค้าต่อจีน ซึ่งตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ ของจีน คิดเป็นถึง 4% ของ GDP ขณะที่สหรัฐส่งออกไปจีนเพียงราว 1% ของ GDP ซึ่งความพยายามเจรจาทางการค้ากับจีนรอบใหม่ (คาดเกิดขึ้นในปีหน้า) อาจกดดันหุ้น Emerging Market โดยเฉพาะอาเซียนรวมถึงไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน Supply Chain สำคัญของจีน
ทั้งนี้ กำหนดการณ์ที่สำคัญทางการเมืองของสหรัฐ ประกอบไปด้วย
6 ม.ค. 2560 : รัฐสภาสหรัฐ ประกาศรับรองทรัมป์อย่างเป็นทางการ
20 ม.ค. 2560 : ทรัมป์ เข้าสาบานตนฯ
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ แนะติดตามกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า (สีเหลือง และชมพู) และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ รวมถึงการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ที่คาดมีการเดินหน้าโครงการเน็ตหมู่บ้าน 24,700 หมู่บ้าน วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ในวันจันทร์ 21/11/59 สภาพัฒน์ฯ จะเปิดเผย GDP – 3Q/59 โดยคาดขยายตัว 0.7% ลดลงจาก 0.8% เมื่อ 2Q/59 และคาดขยายตัว 3.4%yoy ลดลงจาก 3.5% เมื่อ 2Q/59 ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี
SET SET50 SET100
1,473.85 -0.79 918.03 +0.75 2,072.14 +2.33
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +35.68, NASDAQ +39.39, S&P +10.18FTSE +44.99, CAC +26.63 และ DAX +21.67
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป – ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% สอดคล้องคาดการณ์ (2) ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน – ต.ค. เพิ่มขึ้น 25.5% อยู่ที่ 1.323 ล้านยูนิต และการอนุญาตก่อสร้าง – ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1.229 ล้านยูนิต ดีกว่าคาด และ (3) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด อยู่ที่ 235,000 ราย ลดลงจาก 254,000 ราย เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า และลดลงมากกว่าที่คาด
ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟด ต่อสภาคองเกรส ล่าสุด ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในเดือน ธ.ค. ภายใต้ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ที่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มการเงิน
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$0.15 อยู่ที่ US$45.42 ต่อบาร์เรล ภายใต้ค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า อย่างไรก็ตามยังได้รับปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะบรรลุข้อตกลงในการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมัน (ประชุม 30/11/59)
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$7.0 อยู่ที่ US$1,216.9 ต่อออนซ์ แตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง หลังสหรัฐฯ เปิดเปยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดสดใส และประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธ.ค. นี้
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,440 ล้านบาท สะสม YTD +89,579 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.46 1.86 3.18
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 51,297.65
สถาบัน -169.39
บัญชีหลักทรัพย์ -92.83
ต่างประเทศ -2,440.19
ในประเทศ 2,702.42
ประเด็นที่ต้องติดตาม 18 พ.ย. 2559
18/11/1959
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ
การกล่าวสุนทรพจน์ของคณะกรรมการ FOMC และ ECB
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงาน ดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.05 อยู่ที่ 2.28% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.37 อยู่ที่ 13.35
หุ้นแนะนำ : VNG
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788