- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 November 2016 16:41
- Hits: 3850
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้าน 1480 แนวโน้มลงทดสอบ 1440
SET Index: 1467.80 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมในระยะสั้นบริเวณ 1467 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง หลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1480-1485 จุด ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1430-1440 จุด แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 1420 จุดลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 1360-1370 จุดเป็นจังหวะซื้อหุ้นเพิ่ม
แนวต้าน : 1470 และ 1472
แนวรับ : 1467 และ 1464
JAS-W3 = 3.40 / 3.50, CPF = 27.50 / 28.00, BEAUTY = 10.50 / 10.80, DTAC = 34.50 / 35.50, FN = 6.30 / 6.50
Siam Wellness Group (SPA TB; THB 12.70) - ซื้อ
แนวต้าน : 13.50 และ 14.00
แนวรับ : 12.70 และ 12.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานหลังจากฟื้นตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ SPA โดยมีแนวรับที่ 12.70 และ 12.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 13.50 และ 14.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 12.20 ลงไป
Thai Metal Trade (TMT TB; THB 14.30) - ซื้อ
แนวต้าน : 14.80 และ 15.00 / แนวต้านสำคัญ 15.30
แนวรับ : 14.20 และ 14.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มต่อเนื่อง หลังจากถูกขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น แต่โครงสร้างในระยะยาวยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TMT โดยมีแนวรับที่ 14.20 และ 14.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 14.80 และ 15.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.70 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z16 ปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 910 หลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นมาค่อนข้างแรงเมื่อวาน แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 920-923 ขึ้นไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 905 ถ้าหลุดลงไปต่อเนื่อง จะมีโอกาสปรับตัวลดลงทดสอบ 890 และ 876
แนวต้าน : 910 และ 912
แนวรับ : 908 และ 905
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Short ใน S50Z16 โดยมีแนวต้านที่ 915 และ 918 โดยมีแนวรับที่ 908 แต่ถ้าหลุด 905 ให้ Short ต่อเนื่อง
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50Z16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 923.50 ขึ้นไป
TRUEZ16X
ปรับตัวลดลงหลังจากฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านที่ 7.40 บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งเราแนะนำให้ Open short ที่บริเวณ 7.30 เนื่องจากแนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนรับที่ 7.00 และ 6.80 แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 7.47 ขึ้นไป จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.80 อีกครั้ง
แนวต้าน : 7.30 และ 7.40
แนวรับ : 7.10 และ 7.00
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน TRUEZ16X ที่แนวต้าน 7.30-7.40 โดยมีแนวรับที่ 7.00 และ 6.90 เป็นจังหวะขายทำกำไรสถานะ Short
STOP LOSS สถานะ Short ถ้าหลังจาก TRUEZ16X ทะลุผ่าน 7.47 ขึ้นไป
THAIZ16
ปรับตัวลดลงค่อนข้งแรงหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 26.00 หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายลงไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 23.00 ในขณะที่โครงสร้างหลักมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 20.00 ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 18.20 แนวต้านสำคัญ 27.00
แนวต้าน : 24.50 และ 25.00
แนวรับ : 23.50 และ 22.00
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน THAIZ16 ที่บริเวณแนวต้าน 24.50 เนื่องจากแนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบ 22.00
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า THAIZ16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 25.75 ขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...แนวโน้มการทำกำไรของตลาดแย่ลงกว่าเดิม
ประเด็นที่ต้องติดตามในวันนี้คือ ผลการประชุมระหว่างซาอุดิอาระเบียกับรัสเซีย เรื่องข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมัน หากมีข้อสรุปในเชิงบวก ราคาน้ำมันน่าจะค่อยๆปรับตัวขึ้นตอบรับ แต่หากยังไม่ได้ข้อสรุป คาดราคาน้ำมันจะค่อยๆ ปรับตัวลงเหมือนกันและต้องไปลุ้นการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ย. ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามอื่นๆ ยังไม่เห็น โดยหลายฝ่ายคาดกันว่าหลังชัยชนะของนาย Donald Trump ตลาดหุ้นสหรัฐจะ Sideway มากกว่าที่จะขึ้นหรือลงแรงๆ หรือพูดง่ายๆว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะแกว่งในกรอบแคบ จนกว่าจะเห็นประเด็นใหม่ๆทางนโยบายเศรษฐกิจของนาย Donald Trump
ในตลาดหุ้นสหรัฐเอง หลังชัยชนะของนาย Donald Trump ปรากฏว่าหุ้นขนาดเล็ก อย่าง Russell 2000 ปรับตัวขึ้นถึง 12% ในช่วง 5 วันทำการเทียบหุ้นขนาดใหญ่ใน S&P 500 ที่ปรับตัวขึ้นเพียง 4.4% สะท้อนให้เห้นว่าหุ้นขนาดเล็ก อาจได้ประโยชน์จากนโยบายทางเศรษฐกิจของนาย Donald Trump นอกนั้นอาจมาจากเหตุผลว่าหุ้นขนาดเล็ก Underperform หุ้นขนาดใหญ่มานานและการ Valuation เริ่มน่าสนใจ สำหรับหุ้นในไทยเอง ยังตอบได้ยากว่าหุ้นขนาดไหนจะ Outperform หลังจากนี้ เพราะยังต้องติดตามนโยบายทางการค้าของนาย Donald Trump ต่อ ภูมิภาคเอเชียและอื่นๆ แต่ที่เห็นได้ชัด กลุ่มที่ยืนได้จะเป็นกลุ่ม พลังงาน ปิโตรเคมี เกษตรและอาหาร และที่ปลอดภัย คือ หุ้นปันผล
หากตลาดหุ้นหลักๆ อย่างสหรัฐและยุโรป เริ่มซึมตัวลง ตลาดหุ้นในเอเชีย น่าจะยังแยกตัวได้ลำบาก เนื่องจากยังต้องติดตามการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร การประชุม FOMC ในเดือน ธ.ค. ที่คาดกันว่าทาง FED พร้อมที่จะขึ้นดอกเบี้ย โดยประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ไม่น่าส่งอะไรมากมายกับตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทย เนื่องจากอยู่ในความคาดหมายของตลาดและเม็ดเงิน ค่อยๆ ไหลออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่จะมากหรือน้อย ซึ่งต้องติดตามการปรับตัวขึ้นของ Bond yield ว่าจะขึ้นแรงขนาดไหน
ประเด็นค่าเงินบาท เทียบเพื่อนบ้าน ที่อ่อนตัวลง เรามองว่าค่าเงินบาท ยังแกว่งในกรอบที่ไม่รุนแรงและอยู่ในระดับเหมาะสม มากกว่าค่าเงินในอินโดนีเชียและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่อ่อนไหวกับ Bond Yield มากกว่าไทย เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีหนี้รูปค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างสูงจึงมีภาระในการชำระหนี้สูง นอกจากนั้นหากมาดูค่าสหสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของ Bond yield 10 ปีของสหรัฐกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET ใช้ความถี่รายสัปดาห์ พบว่าส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ในเชิงบวก สะท้อนการปรับขึ้นของ Bond Yield สหรัฐจะไม่ส่งผลด้านลบกับตลาดมากนักต่างกับอินโดนีเชีย ที่เป็นในเชิงลบ
หลังการทยอยประกาศงบมาเกือบ 90 บริษัท พบว่ากำไรส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้นักวิเคราะห์เริ่มปรับลดประมาณการณ์กำไรของตลาดลง ซึ่งดูได้จากค่า Earning revision ratio ที่ติดลบมากกว่าเดิม ขณะที่ในภูมิภาคกำลังทรงๆตัว แต่ยังติดลบ สภาพตลาดในวันท้ายสัปดาห์ คาดยังซึมลงต่อ โดยตลาดยังจับตามองการประกาศตัวเลข GDP Q3/16 ของไทยในวันจันทร์ที่จะถึง ซึ่งคาดกันว่าจะโต 3.4% เทียบ Q2/16 ที่ 3.5% วันนี้มองแนวต้านที่ 1478-1482 จุดและแนวรับที่ 1467-1462 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CK STEC GFPT และ GLOBAL
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,467.80 จุด ลดลง 6.05 จุด(-0.41%) มูลค่าการซื้อขาย 23,788.73 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลง จากกระแส Fund Flow ที่ยังไหลออกต่อเนื่อง หลังมีสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งแคบ ระยะสั้นตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุน โดยยังเน้นเก็งกำไรในรายตัว หรือไม่ก็เล่นเก็งกำไรลุ้นรีบาวน์ในหุ้นที่ปรับตัวลงแรงๆ โดยในภาพรวมตลาดยังถูกกดดันจากแรงขายต่างชาติ ตามทิศทางค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทำให้มองว่า SET ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีแนวรับแรกที่ 1465 จุด และ 1450 จุด แนวต้าน1485 จุด ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรในรายตัว เราแนะนำ EPG ราคาเหมาะสม 16.80 บาท โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานหลังจากนี้จะเริ่มเติบโตโดดเด่นหลังจากนี้ โดยมีปัจจัยหนุน 1) การอ่อนค่าของค่าเงินบาท (บริษัทมีรายได้จากตลาดต่างประเทศประมาณ 53%) 2) ต้นทุนวัตถุดิบเม็ดพลาสติกมีแนวโน้มลดลงตามทิศทางราคาน้ำมัน 3) โรงงานบรรจุภัณฑ์ EPP2 จะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ หลังจัดการปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2,000 ล้านต่อปี
Technical Pick (PM)...
Siam Wellness Group (SPA TB; THB 12.70) - ซื้อ
Thai Metal Trade (TMT TB; THB 14.30) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]