- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 November 2016 16:51
- Hits: 4222
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่?
เรามองว่าดัชนีวันนี้จขะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวเพื่อรอปัจัยใหม่ โดยประเด็นของทรัมป์ น่าจะมีน้ำหนักน้อยลง จนกว่าจะเข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภาสหรัฐ ขณะที่การ Reallocate สินทรัพย์ลงทุนรอบใหญ่ มองว่าได้ผ่านไปแล้ว จากความผันผวนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่เริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะยังเห็น Fund Outflow จากหุ้นไทยต่อเนื่องจาก Dollar Index ที่ยังยืนแข็งค่าที่ 100 จุด ขณะที่ตลาดประเมินว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม กลาง ธ.ค. นี้ค่อนข้างแน่ (ล่าสุดตลาด Fed Fund Future สะท้อนโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงการประชุมกลาง ธ.ค. 94%) แต่โดยรวมในระยะสั้น คาดว่าจะกดดันดัชนีลงไปไม่ได้มากนักเนื่องจากสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้เรามองว่าประเด็นที่จะเริ่มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในช่วงนี้จะเป็นเรื่องการประชุม OPEC ในช่วง 30 พ.ย. นี้ที่แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่เริ่มเห็นพ้องกันในการตรึงกำลังการผลิต แต่เป้าหมายเบื้องต้นในการ ลดกำลังการผลิตของกลุ่มลงราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการผลิตล่าสุดที่ 33.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน อาจไม่เพียงพอต่อการดูดซับอุปทานส่วนเกิน
ด้านประเด็นในประเทศแนะจับตาการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า โดยมี ไฮไลท์คือการเดินหน้าโครงการเน็ตหมู่บ้าน 24,700 หมู่บ้าน วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้เรายังแนะให้ติดตามท่าทีของทรัมป์ ต่อการนำนโยบายที่ได้ทำการหาเสียงไว้ ผลักดันเข้าสู่สภา โดยเฉพาะนโยบายการค้าต่อจีน โดยความความสำคัญของตลาดส่งออกไปสหรัฐของจีน คิดเป็นถึง 4% ของ GDP ขณะที่สหรัฐส่งออกไปจีนเพียงราว 1% ของ GDP ซึ่งความพยายามเจรจาทางการค้ากับจีนรอบใหม่ (คาดเกิดขึ้นในปีหน้า) อาจกดดันหุ้น Emerging Market โดยเฉพาะอาเซียนรวมถึงไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน Supply Chain สำคัญของจีน
ทั้งนี้ กำหนดการณ์ที่สำคัญทางการเมืองของสหรัฐ ประกอบไปด้วย
6 ม.ค. 2560 : รัฐสภาสหรัฐ ประกาศรับรองทรัมป์อย่างเป็นทางการ
20 ม.ค. 2560 : ทรัมป์ เข้าสาบานตนฯ
SET SET50 SET100
1,474.64 -1.82 917.28 -2.89 2069.81 -4.51
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -54.92, NASDAQ +18.96, S&P -3.45, FTSE -43.02, CAC -35.39 และ DAX -71.27
ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มปรับฐานลงเล็กน้อยหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอก 7 วันที่ผ่านมา นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นกลุ่ม IT ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดยไมโครซอฟต์ หลังจากปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า
ด้านตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือนในชการซื้อขายระหว่างวัน
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -024 เซนต์ หรือ -0.5 % มาปิดตลาดที่ 45.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ย. ที่สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 5.3 ล้านบาร์เรล (นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล) บดบังประเด็นบวกจากการที่รัสเซียกล่าวสนับสนุนมุมมองที่ว่าโอเปคน่าจะร่วมมือกันตรึงกำลังการผลิตได้
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -0.60 ดอลลาร์ สู่ระดับ 1,223.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากได้รับแรงกดดันจาก Dollar Index ที่ทรงตัว อยู่ในระดับจุดสูงสุดในรอบ 14 ปี
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,079 ล้านบาท สะสม YTD +91,930 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.62 1.86 3.19
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 56,882.23
สถาบัน 3,161.68
บัญชีหลักทรัพย์ -1,164.66
ต่างประเทศ -2,079.16
ในประเทศ 82.13
ประเด็นที่ต้องติดตาม 17-18 พ.ย. 2559
17/11/1959
ตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือน ต.ค. ของยูโรป
การกล่าวสุนทรพจน์ของคณะกรรมการ FOMC และ ECB
นางเจเน็ต เยลเลน แถลงต่อสภาคองเกรส
ตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน ต.ค. สหรัฐ
18/11/1959
การกล่าวสุนทรพจน์ของคณะกรรมการ FOMC และ ECB
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.0159 อยู่ที่ 2.2136% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.35 อยู่ที่ 13.72
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : พลเทพ วงษ์นาค โทร .02-684-8796