- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 August 2014 17:27
- Hits: 3238
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“โดยหลักซื้ออ่อนตัว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : ร่วงแรง เมื่อวานนี้ SET Index ดิ่งลง 16.40 จุด หลุดแนว Stop loss ของเราในวันที่ 1510 จุดไปแล้ว เราจึงแนะนำให้ลดพอร์ตตาม เพราะมีโอกาสที่ตลาดจะเข้าสู่โหมดพักฐาน หลังจากปรับขึ้นมาแล้ว 28% ในรอบ 13 เดือน (จาก1205 สู่ 1548 จุด) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อ1 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ขายสุทธิกลุ่มละ 600-700 กว่าล้านบาท ส่วนรายย่อยยังเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิอีกหนึ่งวันปัจจัยและกลยุทธ์ : ปัจจัยต่างประเทศ...กังวลอาร์เจนตินาผิดนัดชำระหนี้ + ผลกระทบจากคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจังหวะที่เข้ามาได้ไปผนวกกับการที่ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้ตลาดมีโอกาสสูงที่จะปรับฐานและอาจเป็นการอ่อนอย่างมีนัยสำคัญได้ ประเด็นจับตา คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.57 ของสหรัฐ ซึ่งจะมีรายงานออกมาในคืนวันนี้ (1 ส.ค.57)
ในประเทศ...ได้สมาชิกสนช.แล้วจะเปิดประชุมฯ 7 ส.ค.นี้ ปัจจัยหนุน คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบจ.ใน 2H57 และปี 58 รวมถึงการจ่ายปันผลระหว่างกาล อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นมากตลาดมีสิทธิผันผวนไปตามปัจจัยภายนอกและแรงขายทำกำไรก่อน แต่เชื่อว่าเมื่อราคาหุ้นปรับลงมามากแล้ว จะมีแรงซื้อกลับหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพราะมีประเด็นเรื่องโมเมนตัมของกำไรที่เป็นบวกช่วยหนุนในระยะ 6-12 เดือนข้างหน้า กลยุทธ์การลงทุนทางพื้นฐาน โดยหลักคือทยอยซื้อหุ้นดีในลักษณะถอยรับเป็น Step เพื่อลงทุนรอบใหม่ หุ้นพื้นฐาน Top Picks ของเดือนส.ค.57 คือ CK, KBANK,KCE, SAMART, SPALI ส่วน Dark Horse เป็น STPI, SVI
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่า 1510 จุด ดูไม่ดี โดยมีสิทธิลงไปที่ 1480, 1460-1450 จุดหรือต่ำกว่า ควรลดพอร์ตตามอีกรอบ (โดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย) ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้าน 1530-1540 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น SVI
Fundamental Pick
SVI แนะนำซื้อราคาปิด 4.30 บาท เป้าหมาย 4.90 บาท
* คาดว่ายอดขาย 2Q57 จะดีขึ้นเป็น 73 ล้านUS$ เทียบกับ YoY และ QoQ ที่ 58 และ 64 ล้านUS$ ตามลำดับ และได้ค่าเคลมประกันเข้ามาอีก 100 ล้านบาทใกลักับ 1Q57 ทำให้กำไรสุทธิ2Q57 จะเติบโต 56%YoY และ 13%QoQ เป็น 212 ล้านบาท บริษัทได้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มยานยนต์ 2 ราย โดยจะมียอดขายสูงถึงรายละ 100 ล้านUS$/ปี และจะมีการเข้าซื้อกิจการ (สรุปใน3Q57) แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 4.90 บาท โดยคาดว่ากำไรหลักปีนี้และปีหน้าเพิ่มก้าวกระโดด 36%YoY และ 34%YoY ตามลำดับ คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีที่ประมาณ 4-5% ต่อปี ด้านฐานะการเงินดีมาก เป็นเงินสดสุทธิ
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
- อาร์เจนตินา : ผิดนัดชำระหนี้...S&P ปรับลดเครดิตลง
* อาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของกลุ่มลาตินอเมริกา ได้ประสบกับภาวะผิดนัดชำระหนี้ หลังจากที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลอาร์เจนตินาและสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้รัฐบาลอาร์เจนตินาไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรวงเงิน 539 ล้านดอลลาร์ให้แก่กลุ่มผู้ถือครองพันธบัตรได้ตามกำหนด
* สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศปรับลดความน่าเชื่อถือพันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศของอาร์เจนติน่าลงสู่ระดับ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน" จากระดับ"CCC-/C"
- การคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม อาจสร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจในสหรัฐ &ยุโรปมาก
* หลายบริษัทในสหรัฐและยุโรปเตรียมการรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่นานาชาติชาติประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ได้แก่* บริษัทโททาล ของฝรั่งเศส ได้หยุดเพิ่มทุนในโอเอโอ โนวาเทค ผู้ ผลิตก๊าซรายใหญ่อันดับ 2ในรัสเซีย
* บริษัท บีพี ออกมาเตือนว่าการคว่ำบาตรรัสเซีย อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
* บริษัทเปอโยต์ กล่าวว่าการอ่อนค่าของเงินรูเบิล รัสเซียจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องปรับขึ้นราคาเพื่อรักษาระดับกำไร ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทผลิตรถยนต์อย่างโฟร์คสวาเก้น,ฟอร์ด, โอเปิลของค่ายจีเอ็ม น่าจะได้รับความเสียหายจากการคว่ำบาตรรัสเซียมากที่สุด
* บริษัทแอร์บัส กรุ๊ป ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของยุโรป ต้องหาไททาเนียมสำรองจากแหล่งอื่น หากปัญหาการเมืองรุนแรงขึ้น แล้วไม่สามารถขนส่งไททาเนียมมาจากรัสเซีย
* ยูโรโซน : กังวลภาวะเงินฝืด * รายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ที่ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนปรับตัวลงแตะ 0.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ0.5% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มประเทศยูโรโซนกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด
• สหรัฐ : จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรก.ค.ในวันศุกร์นี้
* วันนี้จะมีรายวานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 230,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอลงจากเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 6.1% ในเดือนก.ค.57
* เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.57) กระทรวงพาณิชย์รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ค. เพิ่มขึ้น 23,000 ราย แตะที่ 302,000 ราย ดีกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 305,000 รายเล็กน้อย
- สหรัฐ : ดัชนี PMI เขตชิคาโกอ่อนลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน
* สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกปรับตัวลดลงแตะ 52.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2556 จากระดับ62.6 ในเดือนมิ.ย. และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 63
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรง
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,563.30 จุด ร่วงลง 317.06 จุด หรือ -1.88% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,369.77 จุด ลดลง 93.13 จุด หรือ -2.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,930.67 จุดลดลง 39.40 จุด หรือ -2.00% ปัจจัยที่กดดัน คือ ความกังวลภาวะเงินฝืดในยูโรโซน รวมทั้งมีข่าวว่าอาร์เจนตินาประสบกับภาวะผิดนัดชำระหนี้ และ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงเป็น “ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน”
- สัญญาทองคำ COMEX ร่วงลง
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 14.1ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,282.8 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ
- OISHI, ICHI : ถูกกระทบทางลบจากการที่คลังจะเก็บภาษีสรรพสามิตชาเขียว 10-20%
* กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มประเภทชาเขียว-กาแฟ-เครื่องดื่มผสมน้ำตาล โดยคาดว่าจะเสนอเรื่องให้คสช.พิจารณาในเร็วๆ นี้ โดยประเมินว่าจะมีรายได้จากการเก็บภาษีฯ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี รวมทั้งเตรียมเสนอให้ BOI ลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีลงทุนด้วย สำหรับอัตราภาษีสรรพาสามิตชาเขียว ในเบื้องต้นระบุไว้ที่ 10-20% (เดิมไม่เก็บภาษีเพราะเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรสวนชา แต่พบว่าในเครื่องดื่มมีส่วนผสมของชาน้อยมาก) ทั้งนี้ประเมินว่ารายได้ภาษีฯเฉพาะส่วนชาเขียวจะอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาทต่อปี
* ความเห็น Retail Research DBS : การเก็บภาษีสรรพสามิตชาเขียวส่งผลกระทบกับ OISHIและ ICHI ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวรายใหญ่ของประเทศ และแม้ว่าจะผลักภาษีต้นทุนภาษีฯที่ถูกเรียกเก็บ 10-20% ไปให้ลูกค้าได้บางส่วน แต่เชื่อว่าจะไม่ได้ทั้งหมดเพราะธุรกิจเครื่องดื่มแข่งขันรุนแรง ทั้งจากเครื่องดื่มชาเขียวด้วยกันซึ่งมีหลายยี่ห้อ และยังมีเครื่องดื่มประเภท Soft Drink, เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ฯลฯ อีกด้วย ระยะสั้นควรชะลอการลงทุนไปก่อน เพื่อรอดูว่าบริษัทจะมียุทธศาสตร์แก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
+ THAI & AOT : โลคอสต์ของ THAI จะย้ายมาสนามบินดอนเมือง เพื่อขยายจำนวนผู้โดยสาร … แนะนำซื้อ AOT และให้เป็นหุ้นTop pick ของกลุ่มที่เกี่ยวกับการบิน
* ไทยสมายล์ บริษัทลูกของ THAI จับมือกับ NOK เปิดศึกบี้ไทยแอร์เอเซีย โดยจะย้ายฐานบินจากสุวรรณภูมิไปสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ต.ค.57 และประเดิมเปิดตลาดใหม่ 3 จังหวัด วันละ8 เที่ยวบิน
* ผู้บริหาร THAI คาดว่ากลุ่มบริษัทจะทำตลาดโลคอสต์ได้ดีขึ้นหลังจากย้ายมาสนามบินดอนเมืองแล้ว เพราะมีพื้นที่รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น รวมทั้งไทยสมายล์มีแผนขยายฝูงบินจาก 14ลำในปัจจุบันเป็น 17 ลำในสิ้นปี 57 และเป็น 20 ลำภายในปี 58
* ความเห็น Retail Research DBS : การย้ายมาของไทยสมายล์ทำให้การแข่งขันในธุรกิจการบินโลคอสต์จะเข้มข้นขึ้น และอาจส่งผลกระทบทางลบกับไทยแอร์เอเชียซึ่งครองตลาดในสนามบินดอนเมืองในระยะต่อไป ส่วนผลกับ THAI และ AOT เรามองว่าจะได้รับผลบวก เพราะมีโอกาสขยายธุรกิจได้ โดยผู้บริหาร AOT คาดว่าหลังปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร 1 และ 2 ที่สนามบินดอนเมืองเรียบร้อยแล้ว จะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 30ล้านคน จากปัจจุบันที่ 18.5 ล้านคน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนต.ค.57 ส่วนการขยายสนามบินดอนเมืองเพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็น 40 ล้านคนคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 58 เรายังคงแนะนำซื้อ AOT และให้เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มที่เกี่ยวกับการบินราคาพื้นฐาน 237 บาท
• CPALL : จ่อขายหุ้น MAKRO เอาเงินไปคืนหนี้ ลดภาระดอกเบี้ยจ่าย
* ผู้บริหาร CPALL เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนจะขายหุ้น MAKRO บางส่วนออกไปจริง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ก่อนหน้าบริษัทได้กู้เงินธนาคารพาณิชย์ 1.8 แสนล้านบาทเพื่อซื้อหุ้น MAKROและได้ออกหุ้นกู้ 2 ครั้งมูลค่ารวม 9 หมื่นล้านบาทไปชำระคืนหนี้ในส่วนดังกล่าว
* มีแผนขยายสาขา 7-11 จำนวน 600 แห่งในปีนี้ (1Q57 ขยายไปแล้ว 202 แห่ง) ส่วนของMAKRO มีแผนขยายไม่น้อยกว่า 7 แห่ง (1Q57 เปิดไปแล้ว 2 แห่ง) ทั้งนี้การเปิดสาขาใหม่เป็นไปตามแผนเดิม เพราะคาดว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคจะฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H57
+ CK : ขายหุ้น BMCL 5% มีกำไรก่อนภาษี 1พันล้านบาท แนะนำซื้อ ปรับราคาพื้นฐานเป็น 29.50 บาท
* CK ประกาศขายหุ้น BMCL 1,025 ล้านหุ้น (5% ของหุ้นเรียกชำระทั้งหมด) ราคาหุ้นละ 1.65บาท ให้กับนิติบุคคลที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับบริษัท 785 ล้านหุ้น และให้กับบริษัทที่ดินบางปะอิน240 ล้านหุ้น ซึ่งจะได้เงินเข้ามา 1.7 พันล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษี 1 พันล้านบาท (ต้นทุนคำนวณตามวิธี Equity method อยู่ที่ 0.66 บาท/หุ้น) แนะนำซื้อ CK และให้เป็นหุ้น TopPick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยวันนี้ฝ่ายวิจัยฯ DBS ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 29.50บาท
• EFORL : ชี้แจงว่ากำลังทำ Due diligenceซื้อวุฒิศักดิ์ และไม่มีพิจารณาเพิ่มทุน PPตามข่าวลือ
* EFORL ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าบริษัทมีพัฒนาการที่ยังไม่เปิดเผยซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขาย และทราบว่ามีข่าวลือในห้องค้า & Social network ว่าการเข้าซื้อคลินิกเสริมความงามวุฒิศักดิ์ไม่สำเร็จ & ข่าวลือว่าบริษัทจะเพิ่มทุนแบบ PP ซึ่งบริษัทชี้แจงว่า บริษัทได้ลงนามในซื้อหุ้นบริษัทวุฒิศักดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมื่อปลายมิ.ย.57 และกำลังทำ Duediligence) โดยผู้ขายให้กำหนดเวลาทำภายใน 120 วัน ส่วนการเพิ่มทุนนั้นยังไม่มีการพิจารณา
• การเมือง : ในหลวงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสนช. 200 คนแล้ว...เปิดประชุมสภา7 ส.ค.57
* พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 200 คน พร้อมมีพระราชกฤษฎีกาให้เปิดสมัยประชุมในวันที่ 7 ส.ค.57 เป็นต้นไป โดยมี 105 คน หรือ 53% เป็นข้าราชการทหารทั้งที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่และเกษียณอายุแล้ว, 11 คนเป็นตำรวจ และอีก 84 คนเป็นนักธุรกิจ, นักวิชาการ, อดีตส.ว.
* "ประจิน" แย้มเปิดสภารับ "สนช." สัปดาห์หน้า ประเดิมถกงบประมาณปี 58 วันที่ 7 ส.ค.นี้สะพัดโผคณะรัฐมนตรื คาด "บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์" นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง "บิ๊กป้อม-บิ๊กป็อก" รองนายกรัฐมนตรี "บิ๊กจิน" รมว.คมนาคม "ดาว์พงษ์" มาแรงนั่งมท.1 "หม่อมอุ๋ย" ขุนคลัง"สมคิด" คุมพาณิชย์ ด้านป.ป.ท.ขอเขี้ยวเล็บวอนคสช. แก้กฎหมายแยกตัวกระทรวงยุติธรรม มาขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี อ้างเพิ่มขีดปราบโกงเด็ดขาด (ที่มา : เรียบเรียงจากหนังสือพิมพ์บ้านเมืองและกรุงเทพธุรกิจ)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]
