- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 November 2016 16:40
- Hits: 1697
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
การเทขายพันธบัตรชะลอ ราคาน้ำมันขึ้น
คาดหุ้นไทยขยับขึ้นวันนี้ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เปิดบวกเช้านี้เป็นส่วนใหญ่ จากการเทขายพันธบัตรในตลาดต่างๆของโลกชะลอลง รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ เริ่มหยุดการแข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบ 6% จากความหวังใหม่ว่าผู้ผลิตน้ำมันจะตกลงกันได้ในปลายเดือนนี้ที่จะลดกำลังการผลิต ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ค่อยมีผลต่อตลาดนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลควักกระเป๋าอีก 8 พันล้านบาท ปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรจำนวนหนึ่งหันมาปลูกข้าวโพดแทนปลูกข้าว หรือการที่ ครม. อนุมัติเพิ่มเที่ยวบินจากรัสเซีย เพื่อหนุนท่องเที่ยว
หุ้นเด่นวันนี้ : UNIQ (ราคาปิด 17.30 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ปี 60 25.50 บาท)
UNlQ เป็นหุ้นที่เราเลือกวันนี้ โดยหลังจากที่ประกาศงบการเงินล่าสุด มีกำไรสุทธิและอัตราการทำกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม โดยงวด 9M59 มีกำไรสุทธิ 613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%YoY เป็นกำไรในไตรมาส 3/59 เท่ากับ 266 ล้านบาท เพิมขึ้น 52% YoY และ 48% QoQ โดยเกิดจากรายได้ไตรมาส 3/59 ยกระดับขึ้นมาสู่ 3.8 พันล้านบาท จากปกติรายได้อยู่ระดับ 2.4-2.8 พันล้านบาทต่อไตรมาส มีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) งวด 9M16 ที่ 17.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.4% และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 7.0% เกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี สำหรับโครงการใหญ่ที่สร้างรายได้หลัก ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญาที่ 1 ช่วงสถานีใหญ่ที่บางซื่อ; รถไฟฟ้าสายสีเขียว สัญญาที่ 2 ช่วงสะพานใหม่-คูคต และถนนราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก ส่วนต่อขยาย เหนือ-ใต้ โดย UNlQ มีศักยภาพจะได้งานภาครัฐเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 6 สัญญา จะประกาศผลการประมูล กลางปี 2560 เราได้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 และปี 2560 เพิ่มขึ้น 32% และ 15% ตามลำดับ เราให้ราคาเป้าหมาย UNlQ ที่ 25.50 บาท อิงค่า EV/EBlTDA ที่ 15 เท่า จากปัจจุบันค่าดังกล่าวอยู่ที่ 10.7 เท่า ต่ำสุดในบรรดากิจการรับเหมาฯ งานภาครัฐ จากราคาเป้าหมายยังเหลือ Upside อยู่ 47% Price Pattern ของ UNlQ ยังคงเกิดความอ่อนแอในระยะสั้น จากการเกิด Daily Sell Signal แต่ในระยะกลางและยาวแล้วยังถือว่ามีความแข็งแกร่ง จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Buy Signal หากปิดตลาดเหนือ 17.80 บาท จะทำให้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ทั้งนี้มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 18.30 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 19.20 บาท ตามลำดับ (Resistance: 17.50, 17.80, 18.10; Support: 17.00, 16.70, 16.40)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ปล่อยกู้ 8 พัน ลบ.จูงใจเกษตรกรปลูกข้าวโพด ครม.เห็นชอบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวานนี้เพื่อจูงใจเกษตรกร 35 จังหวัดปลูกข้าวโพดพื้นที่ 2 ไร่แทนการปลูกข้าว โดยปล่อยกู้ผ่าน ธกส. ที่ดอกเบี้ย 4% จากปกติ 7% รัฐช่วยส่วนต่าง 3% (Bangkok Post)
ครม.เห็นชอบเพิ่มเที่ยวบินจากสายการบินรัสเซียมายังไทยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ไม่ว่ามาจากสนามบินต้นทางได้ก็ตาม เพิ่มจาก 70 เป็น 105 เที่ยวบินต่อสัปดาห์และเที่ยวบินไปภูเก็ตเพิ่มสองเท่าเป็น 56 เที่ยวต่อสัปดาห์ ในทางกลับกันสายการบินของไทยก็ได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินไปมอสโกเช่นกันจาก 70 เป็น 105 เที่ยวและไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจาก 28 เป็น 56 เที่ยว (Bangkok Post)
SIRI (1.67 บาท): จากสถานการณ์จับจ่ายใช้สอยช่วงไตรมาส 4/59 ยังมีความไม่แน่นอน และต้องเลื่อนงานอีเวนท์ และงานส่งเสริมการตลาดออกไป บริษัทได้มีการปรับเป้าหมาย Presales ปี 2559 จากเดิม 42,000 ล้านบาท เหลือ 33,000 ล้านบาท โดยคาดว่ามียอดเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/59 ราว 12,600 ล้านบาท เป็นช่วงสูงสุดของปีเช่นเดิม แต่ยังมีการเติบโต 16%YoY รวมถึงลดเป้าหมายรายได้ลงจาก 32,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเป็นรายได้เข้าในไตรมาส 4/59 ราว 8,000 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะแตะ 10,000 ล้านบาท โครงการหลักที่คาดว่ามีการขาย-โอนในไตรมาส 4/59 คือ Edge สุขุมวิท 23 มูลค่า 2,900 ล้านบาท และ 98 Wireless คาดขายราว 20% ของมูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท ปี 2560 คาดยอดขายจะมาจากแนวราบ และโครงการ JV เป็นหลัก โดย The Line หมอชิต-จตุจักร คาดสร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนดเป็น พ.ย.60 จากเดิม มี.ค.61 เรายังคงคำแนะนำซื้อ เป้าหมาย 2.24 บาท อาจมีการปรับลดประมาณการลงตามการปรับลดเป้าของบริษัท แต่เงินปันผลรายปียังโดดเด่นราว 6-7% (ที่มา: งานประชุมนักวิเคราะห์)
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นถึงระยะกลางปรับตัวขึ้นต่อเมื่อวันอังคาร เนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดจะเป็นปัจจัยหนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งอ่อนไหวมากที่สุดต่อการคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้นกว่า 2 bps ที่ 1.013% หลังจากแตะระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือนม.ค. ในช่วงเช้าของวันอังคาร (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เมื่อวันอังคาร เนื่องจากตลาดพันธบัตรเริ่มกลับมามีเสถียรภาพหลังการเทขายพันธบัตรอย่างหนัก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดค้าปลีกสหรัฐประจำเดือนต.ค. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 100.06 หลังจากเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 100.25 หลังการประกาศยอดค้าปลีกฯ ดัชนีดังกล่าวก่อนหน้านี้ปรับตัวลงสู่ระดับ 99.45 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐไม่ปรับตัวลง (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันอังคาร โดยดัชนีดาวโจนส์ (DJlA) ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดกลับหลังการเทขายอย่างหนักหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาก ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมา 7 วัน ส่วนสัญญาฟิวเจอร์สราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นและนักลงทุนเข้าเก็บหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนหุ้นเก็งกันว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถทำตามที่หาเสียงไว้โดยจะกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมทั้งการปรับลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบทางการเงิน (Reuters)
ยอดค้าปลีกสหรัฐในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาด เนื่องจากภาคครัวเรือนมีการซื้อรถยนต์และสินค้าประเภทอื่น ๆ บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก่อน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการวัสดุก่อสร้างสำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคนแมทธิว นอกจากนี้ มีการปรับตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนก.ย. เป็นเพิ่มขึ้น 1.0% แทนก่อนหน้านี้ที่เพิ่มขึ้น 0.6% การเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกทั้งในเดือนก.ย.และต.ค. เป็นการปรับขึ้นมากที่สุดในช่วง 2 เดือนนับแต่ช่วงต้นปี 2557 และยอดค้าปลีกดังกล่าวเพิ่มขึ้น 4.3% YoY (Reuters)
เฟดสาขาแอตแลนตาปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของ GDP ในไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 3.3% หลังจากการประกาศตัวเลข GDP ครั้งก่อนที่ขยายตัว 3.1% เมื่อวันที่ 4 พ.ย. รายงานดังกล่าวยังหนุนความเห็นว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายเฟดระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้น ด้วยแรงหนุนจากการดีดตัวแรงของราคาน้ำมันดิบรวมไปถึงการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตามราคาหุ้น Nokia ปรับตัวลดลงหลังเปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่สดใสนัก (Reuters)
อังกฤษที่ยังไม่มีแผนโดยรวมที่ชัดเจนในการออกจาก EU รวมถึงความแตกแยกในทีมคณะรัฐมนตรีของนายกฯ Theresa May อาจส่งผลให้กระบวนการเจรจาต้องล่าช้าออกไป อ้างอิงจากบันทึกของรัฐบาลที่ถูกเล็ดลอดผ่านสือหนังสือพิมพ์ Times (Reuters)
เอเชีย :คำเตือนการตอบโต้ของจีน: op-ed ที่ตีพิมพ์ในประเทศจีนได้รับการหนุนโกลบอลไทมส์ของรัฐบาลได้เตือนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการตอบโต้ของทรัมป์ผ่านแคมเปญที่จะกำหนดอัตราภาษี 45% กับการนำเข้าทั้งหมดจากประเทศจีน "ชุดของคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินแอร์บัส" ยอดขายรถยนต์สหรัฐฯ และ iPhone ที่ขายในประเทศจีนจะประสบความล้มเหลว และการนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐอเมริกาจะต้องหยุดชะงัก" (Reuters)
ญี่ปุ่นและรัสเซีย: กล่าวในวันอังคารว่า พวกเขาจะเร่งการเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปข้างหน้าของการมาเยือนประเทศญี่ปุ่น ของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมีย ปูติน ในเดือนธันวาคม ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มความเร็วในการเตรียมการเอกสาร 10 ชุด เกี่ยวกับพิธีการศุลกากร การแลกเปลี่ยนบุคลากร และยา สามารถทาการตกลงกันในช่วงเวลาของการมาเยือนของประธานาธิบดีฯ (Reuters)
มาเลเซียกำลังมองหาทางผลักดันหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (RCEP) ในภูมิภาค โดยจีนเป็นส่วนหนึ่งของการขยายงานไปยัง 10 ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากมีการระงับความพยายามที่จะชนะการอนุมัติ TPP ของรัฐสภาภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัก โอบามา ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่ง ชี้ว่าชะตากรรมของสัญญา TPP ขึ้นอยู่กับทรัมป์และฝ่ายนิติบัญญัติรีพับลิกัน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันพุ่งกว่า 6% วันอังคาร ดีดกลับจากจุดต่ำสุดในช่วงหลายเดือนเพราะกลับมาคาดการณ์อีกแล้วว่า OPEC จะตกลงกันได้ปลายเดือนนี้เกี่ยวกับการลดกำลังผลิต ท่ามกลางภาวะล้นตลาดที่กดดันราคามากว่า 2 ปี น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 2.49 ดอลลาร์ (+5.8%) ปิดที่ 45.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นรายวันเป็นร้อยละมากสุดตั้งแต่ เม.ย. (Reuters)
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในการซื้อขายหลังการชำระราคา หลังจากมีข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (APl) แสดงถึงสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด 11 พ.ย. เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรล (Reuters)
ทองคำบวกวันอังคาร สกัดการเป็นลดสามวันติด เพราะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐที่นำโดย Trump ราคาทองคำตลาดจรปิดบวก 0.29% ไปอยู่ที่ 1,223.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากร่วงไปเมื่อวันจันทร์สู่จุดต่ำสุดนับแต่ 3 มิ.ย. ที่ 1,211.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094