WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ทิสโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -16.40 จุด แห่ขายล็อกกำไร กลัวตลาดจะปรับลงอีก
  SET ยังแกว่งอิงแดนลบเป็นส่วนใหญ่ กรอบ 1501-25 โดยมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่องของนลท.สถาบันในปท. (-750 ลบ.) และนลท.ต่างชาติ (-1.09 พันลบ.) ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้นมาจนการประเมินมูลค่าค่อนข้างแพงมาก ประกอบกับมีความเสี่ยงด้านการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ (Geopolitical Risk) ในตปท.เพิ่มขึ้น

 

ทิศทางตลาดวันนี้ : ลงต่อ หลุด 1500 เกิดแรงขาย (Markets Sell-off) ทั่วโลก
  หุ้นโลกเมื่อคืน (31 ก.ค.) ร่วงลงหนักทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐฯ (-1.9%) และหุ้นยุโรป (-1.7%) โดยเกิดแรงขายหุ้นกันทั่วโลก (Markets Sell-off) กลัวภาวะเงินฝืดในยุโรป หลังตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อขยายตัวเพียง 0.4% ในเดือน ก.ค. ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 0.5% ในเดือนก่อนหน้า และน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.5% นอกจากนี้จำนวนขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 23,000 ตำแหน่ง มาที่ 302,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่คาดที่ระดับ 300,000 ตำแหน่ง ด้วยการประเมินมูลค่าหุ้นทั่วโลกที่ค่อนข้างตึงตัวมาก และ Geopolitical Risk เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ Foreign Funds Flow เริ่มพลิกเป็นไหลออก มอง SET ลงต่อ หลุด 1500 มีแนวรับ 1490-95, 1480+/- การดีดกลับทางเทคนิคระหว่างวัน จะมีแนวต้าน 1500+/- อนึ่ง ตลาดหุ้นอินโดนิเซียปิดทำการต่อเนื่องถึงวันที่ 1 ส.ค. เนื่องในวันหยุดประจำชาติ

กลยุทธ์การลงทุน : Wait & See, หากดีดกลับ เป็นจังหวะขายลดพอร์ตต่อ
 ช่วงนี้ Wait & See ก่อน หากดีดกลับเป็นจังหวะขายลดพอร์ต เรามอง SET ปรับฐานในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ จาก (1) การประเมินมูลค่าหุ้นทั่วโลกตึงตัว เสี่ยงถูกขายทำกำไร (2) Foreign Funds Flow เริ่มสะดุดและมีโอกาสพลิกมาเป็นไหลออก (ชั่วคราว) จาก Geopolitical Risk ที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) (3) เชื่อว่าการทำงานของ คสช. จะไม่มีความคืบหน้ามากนักในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า เพราะหลังมีรัฐธรรมนูญปกครองประเทศชั่วคราว หน้าที่สำคัญหลายอย่าง อาทิ กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรี, การพิจารณากฎหมายต่าง ๆ และการตั้งสภาปฏิรูปประเทศ (สปช.) จะตกอยู่ในมือของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีขั้นตอนทางรัฐสภา ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควร (4) ในทางปัจจัยเทคนิค เกิดสัญญาณเชิงลบที่เรียกว่า “Bearish Divergence” เรามอง SET ที่ระดับ 1460-80 จึงน่าเริ่มทยอยสะสม หุ้นที่แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง (กำไรครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก) และราคาหุ้นมีความเสี่ยง (Downside Risk) ในการปรับตัวลงน้อย แม้ภาวะตลาดอยู่ในช่วงปรับฐานก็ตาม เนื่องจากราคาหุ้นค่อนข้างนิ่ง/ไม่ขยับขึ้นมากในช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้านี้ หุ้นเด่น (Top picks) สำหรับเดือน ส.ค. คือ BCP, CENTEL, HEMRAJ, LH, SIM, TTA (รายละเอียดเพิ่มเติมดู กลยุทธ์การลงทุน หน้า 7)
หุ้นเด่นรายวัน : ไม่มี

ปัจจัยติดตาม
วันที่ ปท. เหตุการณ์
1 ส.ค. TH ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยในเดือน ก.ค.
JP ตัวเลขยอดขายรถยนต์ และPMI ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.
CH-EU ตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของจีน และของสหภาพยุโรปในเดือน ก.ค.
US ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค.
US ตัวเลขรายได้และการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ, การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ ใน มิ.ย.
US ตัวเลข ISM Manuf. ของสหรัฐฯ, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ใน ก.ค. (สุดท้าย)
5 ส.ค. JP ตัวเลข PMI ภาคบริการและรวม (Markit) ของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.
CH ตัวเลข PMI ภาคบริการและรวมของจีนในเดือน ก.ค.
EU ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหภาพยุโรปในเดือน มิ.ย.
EU ตัวเลข PMI ภาคบริการและรวมทุกภาคของสหภาพยุโรปในเดือน ก.ค.
US ตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย.
US ตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค.

ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research
นักวิเคราะห์ : 
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล   เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 18171    02-633-6467   : [email protected]
ธนพล บำรุงพงศ์      เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 46537    02-633-6471   : [email protected] 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!