- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 November 2016 17:57
- Hits: 12906
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Sideways
วันนี้คาด Sideways กรอบ 1,480-1,500 จุด
สัปดาห์ที่แล้วดัชนีฯ พักตัวลงท้ายสัปดาห์หลังขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,520 จุด รับผลเลือกตั้งสหรัฐฯ สัปดาห์นี้โมเมนตั้มจะขึ้นต่อได้...ดัชนีฯต้องยืนเหนือ 1,480 จุด ไม่เช่นนั้นจะลงไปปิด Gap 1,450/1,440 จุด ส่วนแนวต้าน ถ้ายืน 1,480 จุด ได้คาดขึ้นทดสอบ 1,530 จุด
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ที่ลงแรง…หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นที่น่าสังเกตว่าเกิดจากความวิตกต่อท่าที และ นโยบายอันแข็งกร้าวของ ทรัมป์ คาดท่าที และ คำให้สัมภาษณ์ ที่เริ่มอ่อนลง (สังเกตได้จาก นโยบาย “โอบาม่าแคร์” ที่ ทรัมป์ กลับลำบอกจะไม่ยกเลิกทั้งหมด ตามที่หาเสียงไว้) จะหนุนจิตวิทยาตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้
ผลตอบแทนพอร์ตตั้งแต่วันที่เริ่มแนะนำ... +9% ดีกว่าตลาด +8.4% และ สัปดาห์นี้เรา แนะนำ ซื้อ DTAC และ IVL เพิ่มเข้าพอร์ต โดยล็อกกำไร MTLS ที่ราคาหุ้นขึ้นมา 17% ตั้งแต่ที่เราแนะนำ / เราถือหุ้น 95% ของพอร์ต และ เงินสด 5%
ระยะเดือน (พย.) คาดกรอบ 1,480-1,530 จุด คาดหุ้นขึ้นหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยประเด็นเลือกตั้งสหรัฐฯ คาดฉุดบรรยากาศลงทุนก่อนการเลือกตั้ง และ เราเชื่อว่าหลังวันเลือกตั้งผ่านไปหุ้นจะขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้ DTAC IVL (ดูรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์) TFG แนวรับ 4.88 บ. ต้าน 5.20 บ.
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(**) สรุป รายงานกำไร บจ.ที่เรา Cover: Flows Upgrade ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม โรงพยาบาล (RJH CHG), พลังงาน (PTT, โรงกลั่น), Foods (Agri.) CPF TFG // และ Flows Downgrade ส่วนใหญ่คือ กลุ่ม Medias (BEC MCOT), ส่งออก (SMT), THAI, สื่อสารฯ (TRUE INTUCH SAMART) // กำไรตามคาด ค้าปลีก โรงแรม โรงไฟฟ้าฯ (Neutral)
(+) PTT รายงานกำไร 3Q16 ที่ 26,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% QoQ และพลิกจากขาดทุนใน 3Q15 กำไรออกมาดีกว่าที่เราคาด 8% และดีกว่าตลาดคาด 14% หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักยังคงสูงกว่าคาดราว 5% ผลประกอบการที่ออกาแข็งแกร่งเพราะกำไรของทุกหน่วยธุรกิจรวมถึง PTTEP ออกมาแข็งแกร่ง ทั้ง GAS และ Coal EBITDA ปรับตัวสูงขึ้นอย่างน่าประทับใจ สำหรับ 4Q16 เราคาดอาจอ่อนตัวลงจากผลประกอบการของ PTTEP ที่เราคาดจะอ่อนตัวลง อย่างไรก็ดีเรามองว่าหน่วยธุรกิจอื่นๆของ PTT จะยังมีกำไรที่แข็งแกร่งต่อไป เราคงประมาณการกำไร และคาดตลาดจะมีการปรับกำไรของ PTT ขึ้นเพราะกำไร 3Q16 ออกมาดีกว่าคาด เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 404 บาท
(+) BEAUTY รายงานกำไร 3Q16 ที่ 210 ล้านบาท เพิ่มขึน 106% YoY และ 52% QoQ กำไรมากกว่าเราคาด 8% คาดกำไร 4Q16 จะเติบโตขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลและยอดขายต่างประเทศ เราปรับกำไรขึ้น 2016-18 ขึ้น 4% และปรับราคาเป้าหมายขึ้น 13.20 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ
(+) CHG รายงานกำไรหลักทำสถิติสูงสุดที่ 160 ล้านบาทใน 3Q16 เพิ่มขึ้น 32% YoY และ 38% QoQ กำไรที่ออกมาดีกว่าที่เราคาด 7% และดีกว่าตลาดคาด 22% หนุนโดยอัตรากำไรสุทธิที่ดีกว่าคาด เรามองว่ากำไร 4Q16 จะเติบโตได้ดี YoY จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตียงที่มีการขยายในโรงพยาบาล 3 แห่ง แต่ QoQ น่าจะปรับตัวลงตามฤดูกาล เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
(-) GLOBAL รายงานกำไร 3Q16 ที่ 284 ล้านบาท เพิ่มขึน 34% YoY แต่ลดลง 32% QoQ กำไรต่ำกว่าคาดราว 10% จากค่าใช้จ่าย SG&A สูงกว่าคาด คาด SSS ใน 4Q16 จะดีขึ้นกว่าใน 3Q16 เพราะเริ่มหมดฤดูฝน เราปรับกำไรลง 3% และ 4% ในปี 2016-17 เพื่อสะท้อนกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด และปรับราคาเป้าหมายเป็น 18.10 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ
(0/+) SVI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ที่ 794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 448% YoY และ 38% QoQ กำไรสุทธิออกมาต่ำกว่าที่เราคาด 7% จากเงินชดเชยประกันหลังหักภาษีที่น้อยกว่าคาด หากไม่รวมรายการพิเศษขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (48 ล้านบาท) และเงินชดเชยประกันหลังหักภาษี (ประมาณ 656 ล้านบาท) กำไรหลักอยู่ที่ 186 ล้านบาท มากกว่าที่คาด 33% ลดลง 35% YoY แต่เพิ่มขึ้น 37% QoQ กำไรหลักมากกว่าที่คาดจากอัตรากำไรขั้นต้นและรายได้อื่นที่มากกว่าคาด เนื่องจากกำไรในไตรมาส 3/59 ออกมาสูงกว่าคาด เราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการกำไรทั้งปี 2559 โดยกำไรหลัก 9 เดือนแรกคิดเป็น 87% ของสมมติฐานทั้งปี ดังนั้นเราเชื่อว่าน่าจะมีการปรับประมาณการกำไรขึ้นในอนาคต
(0) MINT รายงานกำไรหลักที่ 990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 66% QoQ กำไรหลักเป็นไปตามที่เราคาดแต่ต่ำกว่าตลาดคาด 8% เราประเมินกำไรใน 4Q16 ทรงตัว YoY จากฐานสูงในปที่แล้วแล้วและเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น เรามองว่าส่วนธุรกิจอาหารน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าธุรกิจโรงแรงเพราะมีสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยมากกว่า เรามีการปรับประมาณการกำไรหลักปี 2016 ลง 6% และปี 2017 ลง 5% สะท้อนรายได้ส่วนอาหารที่ชะลอตัวลง แต่คาดราคาหุ้นสะท้อนไปแล้ว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 44 บาท (จาก 46 บาท)
(-) EPG รายงานกำไรสุทธิ 2Q16 (ก.ค.-ก.ย.) ที่ 397 ล้านบาท ลดลง 7% YoY แต่เพิ่มขึ้น 4% QoQ กำไรหลักใกล้เคียงกับกำไรสุทธิ ซึ่งเพิ่มขึ้น 12% YoY และ 1% QoQ ผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าทีเราคาด 14% แต่เป็นไปตามที่ตลาดคาด เราคาดกำไร 3Q16 (ต.ค.-ธ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ YoY จากการเพิ่มกำลังการผลิต, อุปสงค์ต่อสินค้าที่แข็งแกร่งและดอกเบี้ยจ่ายที่น้อยลง EPG ประกาศปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลต่อปีที่ 1.4% XD 23 พ.ย. จ่าย 9 ธ.ค. ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 18.80 บาท
(-) THAI รายงานขาดทุนสุทธิ 3Q16 ที่ 1.6 พันล้านบาท ขาดทุนน้อยลง YoY แต่มากขึ้น QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 120 ล้านบาท, เงินชดเชยประกัน 328 ล้านบาท, กำไรจากการขายสินทรัพย์ 67 ล้านบาท, การด้อยค่าเครื่องบิน 451 ล้านบาทและการด้อยค่าสินทรัพย์173 ล้านบาท ขาดทุนหลักอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ขาดทุนน้อยลง YoY แต่มากขึ้น QoQ ขาดทุนสุทธิมากกว่าที่เราคาด 31% เราคาดผลประกอบการใน 4Q16 จะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
(-) กลุ่มสื่อฯ เม็ดเงินโฆษณาของสื่อโดยรวมทั้งหมดปรับตัวลดลงในเดือน ต.ค. ตามความคาดหมายจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ซึ่งเราคาดว่าแนวโน้มคงยังชะลอตัวต่อไปอีก ระยะหนึ่ง ภาพรวมเราเชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้จะติดลบราว 10-15% ก่อนที่จะฟื้นตัวในปีหน้าจากมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจของภาครัฐและสถานการณ์ที่ผ่อนคลายมากขึ้น สำหรับเรตติ้งของช่องทีวีดิจิตอลทุกช่องเราประเมินว่าจะฟื้นตัวในเดือน พ.ย. หนุนโดยมาตรการผ่อนคลายในการออกอากาศหลังช่วงไว้อาลัย 30 วัน อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าในช่วงที่เม็ดเงินโฆษณาชะลอตัวเป็นจังหวะในการเข้าเก็บสะสมหุ้นในกลุ่มสื่อโดยเน้นผู้ประกอบการที่มีเรตติ้งสูง เนื่องจากไตรมาส 4/59 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุด (ซื้อในจุดที่ผลประกอบการแย่สุด) และเมื่อเม็ดเงินโฆษณาเริ่มกลับมากลุ่มผู้ประกอบการที่มีเรตติ้งสูงเหล่านี้ย่อมเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆของเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามา เรายังแนะนำเข้าเก็บสะสมกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย อย่างเช่น สื่อนอกบ้าน เรายังคงชอบ WORK, MONO และ PLANB
(-) RATCH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ที่ 842 ล้านบาท ลดลง 24% QoQ แต่เพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 3/59 ที่ 256 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,098 ล้านบาท ลดลง 41% QoQ และ 7% YoY ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 54% และ 50% ตามลำดับ ซึ่งหลักๆเป็นผลจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสา (โรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1,878 เมกะวัตต์ บริษัทถือ 40%) ที่ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้จากแนวโน้มการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าหงสาที่ยังไม่ชัดเจน (ที่อาจกระทบได้ถึง 39% ของกำไรอย่างในไตรมาส 2/59) เราจึงรอคำชี้แจงจากผู้บริหารเพื่อนำมาประเมินผลกระทบต่อกำไรและมูลค่าบริษัท
(0) PYLON รายงานกำไร 3Q16 ฟื้นตัวตามคาดที่ 42 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 28%YoY และ 35%QoQ) เราปรับคำแนะนำลงเป็น เต็มมูลค่า เพราะราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาราว 12% ภายใน 1 เดือนนับแต่เราแนะนำซื้อ ส่งผลให้อัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายจำกัด แต่ด้วยงบดุลที่แทบจะไม่มีหนี้คาดหนุนให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 100% (payout ratio) ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 3.9%-5.2% ในปี 2016-17 สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ราคาหุ้นจึงมีความเสี่ยงด้านล่างจำกัดเช่นกัน อย่างไรก็ดีเราแนะนำให้เปลี่ยนตัวเล่นไปซื้อ SEAFCO ที่เทรดบน P/E ปี 2017 16 เท่า ซื่งถูกกว่า PYLON ที่เทรด 19 เท่า
(+) GRAMMY รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/59 ที่ 11 ล้านบาท ขาดทุนน้อยลง 92% YoY และ 89% QOQ หากไม่รวมรายการพิเศษค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการบัญชี กำไรหลักอยู่ที่ 5 ล้านบาท พลิกกลับมาเป็นกำไร YoY และ QoQ ซึ่งดีกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะยังคงเป็นขาดทุนหลักอยู่ ซึ่งหนุนโดยรายได้ที่มากกว่าคาดและการควบคุม SG&A ได้ดีกว่าคาด อีกทั้งส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท ONE Enterprise ยังน้อยกว่าคาด เรามีการปรับประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2559 น้อยลง 13% ไปที่ 429 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลประกอบการในไตรมาส 3/59 ที่ทำได้ดีกว่าคาดเราแนะนำให้นักลงทุนรอดูสัญญาณเทิร์นอราวด์ และรอให้ประเด็นทางกฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้น เรายังคงคำแนะนำ ถือ
(-) GLOBAL รายงานกำไร 3Q16 ที่ 284 ล้านบาท เพิ่มขึน 34% YoY แต่ลดลง 32% QoQ กำไรต่ำกว่าคาดราว 10% จากค่าใช้จ่าย SG&A สูงกว่าคาด คาด SSS ใน 4Q16 จะดีขึ้นกว่าใน 3Q16 เพราะเริ่มหมดฤดูฝน เราปรับกำไรลง 3% และ 4% ในปี 2016-17 เพื่อสะท้อนกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด และปรับราคาเป้าหมายเป็น 18.10 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ
(0) ROBINS รายงานกำไร 3Q16 ที่ 510 ล้านบาท เพิ่มขึน 38% YoY และ 16% QoQ กำไรต่ำกว่าคาดราว 3% คาดกำไรใน 4Q16 จะยังคงแข็งแกร่งจากศักยภาพในการทำกำไรที่ดีและอัตรากำไรที่สูงขึ้น เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 72 บาท
(0) SMT รายงานกำไรสุทธิ 3Q16 ที่ 32 ล้านบาท พลิกมีกำไรเมื่อเทียบกับ 3Q15 ที่ขาดทุน และ ทรงตัว QoQ (เป็นไปตามที่เราคาด แต่น้อยกว่าที่ตลาดคาดราว 20%) หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 8 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 24 ล้านบาท พลิกมีกำไร YoY และ ทรงตัว QoQ คาด 4Q16 บริษัทจะมีกำไรที่ดีขึ้น QoQ (และเติบโตสูง YoY จากฐานต่ำในปีที่แล้ว) จากการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง แต่จากกำไรที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด เราคาดตลาดจะมีการปรับลดประมาณการกำไรซึ่งอาจเป็น sentiment เชิงลบในระยะสั้น
หุ้นมีข่าว / ประเด็น
(-) IFEC (อยู่ระหว่างปรับประมาณการณ์) รายงานกำไรสุทธิ 9 เดือน 178.7 ล้านบาท เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ที่ 146 ล้านบาท โดย 3Q16 ขาดทุนสุทธิ 240 ล้านบาท โดยผลขาดทุนสุทธิอยู่ในคาดการณ์ของตลาดและเรา ส่วน 4Q16 คาดยังรายงาน Core loss อยู่ โดยผลการดำเนินงาน 3Q16 แบ่งเป็น 1) โรงไฟฟ้ามีกำไร 6 ล้านบาท 2) โรงแรม ขาดทุน 22.3 ล้านบาท ส่วนกำไรหลัก (EBITDA) ก่อนหักค่าเสื่อม และ ดอกเบี้ยอยู่ที่ 5 ล้านบาท 3) บ.ย่อยที่ยังไม่เปิดดำเนินการ (โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ยังมีค่าใช้จ่ายลงทุนสูงในช่วงแรก) ขาดทุน 146 ล้านบาท และ ค่าเสื่อม 70 ล้านบาท (ที่มา ตลท./ BLS Research)
(+) IVL 'อินโดรามา' คาดปีหน้าอิบิทด้าโต 20% จากปีนี้ ตามการรับรู้กำไรของบริษัทใหม่เต็มปี เชื่อบริษัทได้รับประโยชน์ หาก "โดนัลด์ ทรัมป์"ใช้นโยบายลดภาษีนิติบุคคลจริง และตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน พร้อมตั้งเป้าปี 2561 อิบิทด้า มาร์จิน เพิ่มขึ้นแตะ14-15% ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี 5 บริษัท โชว์กำไรไตรมาส 3/2559 รวม 10,480.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น279%จากปีก่อน (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
(-) AUCT MTLS ติด Cash balance (14 พย.-23 ธค.59) และขยาย เวลา TACC RJH (ขยาย 2 ธค.)
(+) TFG หลุด Cash balance (ที่มา ตลท.)
(+) TRC งบ 3Q16 70 ล้านบาท +11.62% จากปีก่อน จะยื่นประมูลงานท่อก๊าซเส้นที่ 5 ของ ปตท.ปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+)"ทรัมป์" เสียงอ่อนกลับลำเรื่องนโยบาย โอบามาแคร์ ที่เคยลั่นวาจาจะยกเลิก พร้อมคงหลักการที่ดีมากไว้ ฝ่ายต้านประท้วงต่อ คาดยื้อถึงรับตำแหน่ง (ที่มา คมชัดลึก)
(0/+) จันทร์ FED Survey of consumer expect. Euro area industrial production คาด -1% จาก +1.6% m-m sa, ญี่ปุ่น GDP 3Q16 คาด +0.8% จาก 0.7% q-q, จีน Industrial production ตค. คาด +6.2% จาก 6.1% y-y.(ที่มา Bloomberg)
(+) อังคาร US retail sale ตค. คาด +0.6% คงที่, เยอรมนี GDP 3Q16 1st คาด +0.3% จาก 0.4% Euro area GDP 3Q16 2nd คาด +0.3% จาก 0.3%, อินโดนีเซีย ส่งออกเดือน ตค.คาด +1.4% จาก -0.6% y-y. เยอรมนี ZEW expectation คาด +7.9 จาก +6.2 (ที่มา Bloomberg)
(0) พุธ US PPI ตค.คาด +0.3% จาก +0.3%, US Industrial production ตค. คาด +0.2% จาก 0.1% US NAHB housing market index คาด 63 คงที่ (ที่มา Bloomberg)
(0/-) พฤหัส US consumer price ตค.คาด 0.4% จาก +0.3% m-m. US Housing start คาด +1160k จาก 1047k, Euro area HICP inflation ตค. คาด +0.5% จาก 0.5% y-y, ฟิลิปปินส์ GDP 3Q16 คาด +6.9% จาก 7% (ที่มา Bloomberg)
(0) วันศุกร์ ECB’s Draghi speaks at Euro Finance Week in Frankfurt (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค