- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 November 2016 17:46
- Hits: 2001
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ความกลัวน้อยลง
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เปิดบวกเช้านี้กันส่วนใหญ่ หลังจากนักลงทุนฟื้นตัวจากความกลัวในความไม่แน่นอนในตัวประธานาธิบดีคนใหม่ ขณะเดียวกันก็กลับมายอมรับนโยบายขยายตัวทางเศรษฐกิจและแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของเขา อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองอย่างระมัดระวังต่อนโยบายปกป้องทางการค้าและการเสริมสร้างกองทัพที่น่าจะเป็นอันตรายต่อการค้าโลกและดุลยภาพด้านความมั่นคงเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ภาคการส่งออกของทุกประเทศน่าจะโดนกดดันจากการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐนับจากนี้ ดังนั้นคำแนะนำของเราในขณะนี้ต่อนักลงทุนให้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีธุรกิจภายในประเทศที่มีความชัดเจนของประเด็นการลงทุนที่นำไปสู่ผลกำไรที่แข็งแกร่งจริง ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ส่วนใหญ่เป็นความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
หุ้นเด่นวันนี้ : WIIK (ราคาปิด 4.76; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 6.50 บาท)
เราเลือก WllK เป็น Pick of the day จากความคาดหวังการเติบโตที่ดีของบริษัทจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อ HDPE และธุรกิจบริหารจัดการน้ำ ที่สามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ และมีอัตราการทำกำไรที่ดีมาก โดยล่าสุดเราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/59 จะทรงตัวในระดับ 36 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่กำไร 38 ล้านบาท (+4.3%YoY แต่ -7.3%QoQ) แต่กำไรทั้งปี 2559 และ ปี 2560 คาดว่าเติบโต 67% YoY และ 23% YoY ตามลำดับ อีกทั้งคาดว่ามีปันผลตอบแทนสูงในระดับเกือบ 5% ต่อปี เรามองว่าอุตสาหกรรมเกี่ยวกับน้ำยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น และเป็นหุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจจะผันผวนจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เราแนะนำซื้อ WllK ให้ราคาเป้าหมายที่ 6.50 บาท เป็นการประเมินมูลค่าแบบ Sum-of-theparts โดยแยกการคิดมูลค่าของธุรกิจท่อที่ 14 เท่า PER ของปี 2560 ซึ่งให้อัตรา Discount ลงมาเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยของธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ 15 เท่า ทำให้ได้มูลค่าธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อที่ 5.80 บาทต่อหุ้น และโครงการบริหารจัดการน้ำซึ่งเป็นรายได้ที่เข้ามาสม่ำเสมอ (Recurring lncome) มีลูกค้าเข้ามา 2 รายแล้ว โดยโครงการแรกที่ดำเนินการให้สยามอีสเทิร์น อินดัสเทรียล ปาร์ค มีรายได้ขั้นต่ำตลอดอายุการให้บริการ 20 ปี เท่ากับ 1,365 ล้านบาท มี Fair Value เท่ากับ 0.47 บาทต่อหุ้น และโครงการที่สองที่ดำเนินการให้นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ รายได้ขั้นต่ำ 1,000 ล้านบาท ตลอดอายุให้บริการ 20 ปี เพิ่มมูลค่าเข้ามาอีก 0.22 บาทต่อหุ้น Price Pattern ของ WllK มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ WllK มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 5.15 บาท ทั้งนี้ WllK มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 4.68 บาท (Resistance: 4.82, 4.88, 5.00; Support: 4.72, 4.66, 4.54)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ธปท.คงดอกเบี้ยนโยบาย กนง. วานนี้ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% โดยระบุว่ายังจำเป็นต้องผ่อนคลายเพราะเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้นในตลาดการเงินจากทิศทางนโยบายที่ดำเนินโดยประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ (Bangkok Post) ความเห็น: เป็นไปตามคาดการณ์ของเราและตลาด
เร่งรถไฟฟ้าสายชมพูและสายเหลืองก่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รองนายกฯ สมคิดจะเป็นการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) เกิดขึ้นหลังจากได้คุยกับผู้ประมูลสอรายคือ BEM และ BTS รมว.คมนาคมและ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) วานนี้ รองนายกฯ กล่าวว่าจะเร่งหาผู้ชนะประมูลในเดือนหน้า และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปีหน้า (Bangkok Post)
เร่งส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า รฟม. กล่าวว่าจะส่งโครงการรถไฟฟ้าให้ ครม.อนุมัติเพื่อให้เกิดทันปีหน้าได้แก่ส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราชบูรณะ) ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑลสาย 4) สายสีส้มด้านตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-ตลิ่งชัน) และส่วนต่อขยายสายเขียว สมุทรปราการไปบางปู จากคูคด-ลำลูกกา ขณะเดียวกัน รฟม. คาดว่าจะประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลสายสีส้มด้านตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) ซึ่ง ครม.อนุมัติแล้ว ภายใน ม.ค.ปีหน้าและเซ็นสัญญาก่อสร้างใน ก.พ. (Bangkok Post)
BCP (32.75 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 40.00 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q59 อยู่ที่ 1.2 พันลบ. เป็นไปตามที่เราและตลาดคาดไว้ที่ 1.1 พันลบ. โดยผลประกอบการอ่อนตัวลง 62% QoQ จากการหายไปของกำไรจากผลของสต็อกจำนวนมากที่ได้เกิดขึ้นในงวด 2Q59 ในขณะเดียวกันกำไรสุทธิฟื้นตัว YoY จากการหายไปของผลขาดทุนจากสต็อกจำนวนมาก (SET)ความเห็น: เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 40.00 บ. และยังคงคำแนะนำ ซื้อ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม
PTTGC (59.25 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 72.00 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q59 อยู่ที่ 6.2 พันลบ. ฟื้นตัว 26% QoQ และ 416% YoY และเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ที่ 6.0 พันลบ. โดยผลประกอบการปรับตัวสูงขึ้น QoQ จากการเริ่มกลับมาเดินเครื่องเป็นปกติอีกครั้งของหน่วยธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจโอเลฟินส์หลังจากมีการซ่อมบำรุงโรงงานในช่วง 2Q59 ขณะที่กำไรสุทธิฟื้นตัว YoY จากการหายไปของผลขาดทุนจากสต็อกจำนวนมากและผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นใน 3Q58 (SET) ความเห็น: เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 72.00 บ. และยังคงคำ
แนะนำ ซื้อ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 เดือนเมื่อวันพุธ จากความคาดหวังว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะออกกฎหมายปกป้องทางการค้าซึ่งจะช่วยกระตุ้นค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ ราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงกว่า 1 จุด อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.022% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 1.86% เมื่อวันอังคาร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นถึงระดับ 2.024% สูงสุดนับแต่ปลายเดือนม.ค. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ และแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเทียบกับเงินเยนเมื่อวันพุธ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนและแตะที่ระดับ 105.87 เยน สูงสุดนับแต่วันที่ 27 ก.ค. ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเทียบกับสวิสฟรังก์ และแตะระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 1 พ.ย. เงินยูโรอ่อนค่าลงอยู่ที่ระดับ 1.0920 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับแต่วันที่ 28 ต.ค. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.7% อยู่ที่ระดับ 98.545 สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. (Reuters)
ตลาด Fed Fund Futures แสดงให้เห็นว่านักลงทุนกลับมามีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายในเดือนธ.ค. จาก CME FedWatch เทรดเดอร์มองว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ (Fed Fund Rate) มีมากขึ้นจาก 50% ในวันอังคาร เป็น 80% ในวันพุธ (CME FedWatch)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งแรงเมื่อวันพุธ หลังจากที่ดิ่งลงหนักเมื่อวันอังคารเนื่องจากนักลงทุนฟื้นจากความกลัวเกี่ยวกับชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และยอมรับนโยบายเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของนายทรัมป์โดยการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากชัยชนะของนายทรัมป์ในครั้งนี้ กลุ่มธุรกิจสุขภาพ และกลุ่มการเงินเป็นตัวดันดัชนีตลาด การยับยั้งการตั้งราคายาเป็นประเด็นในการหาเสียงที่สำคัญของนางฮิลลารี ส่วนนายทรัมป์ได้เรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพหรือ Affordable Care Act และผ่อนคลายกฎข้อบังคับของภาคธนาคารหลังเหตุวิกฤตทางการเงิน นอกจากนี้ มีข่าวว่าการที่พรรครีพับลิกันจะคุมเสียงทั้งในสภาคองเกรสและในทำเนียบขาวนั้นจะช่วยขจัดภาวะติดขัดทางนิติบัญญัติ (legislative gridlock) และเปิดโอกาสให้ดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินได้สะดวกขึ้น (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธปรับตัวสูงขึ้น จากชัยชนะที่ผิดความคาดหมายของตลาดของนาย Donald Trump ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนำโดยหุ้นบริษัทผู้ผลิตยารวมไปถึงหุ้นกลุ่มการเงิน ทั้งนี้แผนของ Trump ที่จะเพิ่มการใช้จ่ายลงทุนและตัดลดการเก็บภาษีช่วยหนุน Sentiment ของตลาด (Reuters)
หุ้นในยุโรปในอุตสาหกรรมการบินและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับทางการทหารปรับตัวสูงขึ้น บนความคาดหวังต่อนโยบายของ Trump ที่จะเพิ่มและเน้นเรื่องกองทัพและทางการทหารในสหรัฐฯ มากขึ้น (Reuters)
เอเชีย :
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรหลักของญี่ปุ่นลดลงมากกว่าที่คาดในเดือนกันยายน: เป็นสัญลักษณ์ของความเปราะบางในการใช้จ่ายด้านเงินลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรหลักซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ของการใช้จ่ายเงินทุนลดลง 3.3% MoM ในเดือนกันยายน มากกว่าการลดลงที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าลดลง 0.8% หลังจากอ่อนตัวลง 2.2% ในเดือนสิงหาคม แนวโน้มมีผลกระทบกับบริษัทที่ถูกสำรวจโดยสำนักงานคณะรัฐมนตรีที่คาดว่ายอดสั่งซื้อหลักจะลดลง 5.9% ในไตรมาส 4/59 หลังจากเพิ่มขึ้น 7.3% ในไตรมาส 3/59 (Reuters)
อังกฤษจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อสร้างยุคทองของความสัมพันธ์กับประเทศจีนในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในการเจรจากับรองนายกรัฐมนตรีของจีน นายมาไก (Ma Kai) มุ่งเน้นไปที่การค้า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือทางการเงินอย่างใกล้ชิด การเผชิญหน้ากับการถอนตัวจากสหภาพยุโรปที่กินเวลานานและมีความซับซ้อนทำให้เกิดข้อจำกัดทางการเงินของรัฐบาลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่าเขาต้องการให้ประเทศจีนรู้ว่าอังกฤษเปิดกว้างสำหรับธุรกิจ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการออกนอกกลุ่ม (Reuters)
Trump ชนะเลือกตั้งกดดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและกลยุทธ์ สหรัฐ-จีน และน่าจะเป็นข้อกังวลต่อผู้นำจีนที่ให้ความสำคัญเรื่องเสถียรภาพระหว่างทั้งสองมหาอำนาจ Trump ได้หาเสียงโจมตีจีนว่าจะตั้งภาษี 45% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนและตราหน้าว่าเป็นประเทศที่ชอบแทรกแซงค่าเงินในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันล่วงหน้าบวกวันพุธ เพราะหุ้นและดอลลาร์ดีดกลับจากที่ลบแรงตอนต้นตามข่าว Donald Trump ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ น้ำมันร่วงตอนแรกเพราะ US ElA รายงานตัวเลขสต็อกเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ราว 2.5 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดถึงล้านบาร์เรล แต่สุดท้ายตลาดก็มองข้ามจุดนี้ไป Brent บวก 32 เซนต์ (+0.7%) ปิดที่ 46.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 29 เซนต์ (+0.6%) ปิดที่ 45.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ความพยายามโอเปคเพื่อดันราคาน้ำมันขึ้นน่าจะยิ่งยากเมื่อ Trump ชนะเพราะเขาบอกว่าจะรุดหน้าขุดเจาะน้ำมันทั้งบนดินและในน้ำและจะลดพึ่งพิงการนำเข้าพลังงานทุกแหล่ง (Trump,s platform policies)
ทองคำย่อกลับลงมาวันพุธหลังจากพุ่งแรกในช่วงต้น ตามข่าว Donald Trump ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งหนุนดอลลาร์แข็ง ราคาทองคำตลาดจรปิดบวกเพียง 1% ไปอยู่ที่ 1,287.73 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ธ.ค. ได้บวกไป 15.20 ดอลลาร์สหรัฐปิด 1,289.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังขึ้นไปแตะ 1,338.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094