- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 November 2016 16:20
- Hits: 13423
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ตอบรับกระแสคาดการณ์ว่าฮิลลารีมีโอกาสจะชนะเลือกตั้งปธน.มากขึ้นหลัง FBI ยืนยันว่าการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวในช่วงที่เป็นรมว.ต่างประเทศไม่ผิดอาญาเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ (ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า +1.3%) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิปรับพอร์ตต่ออีก 730 ล้านบาท รายย่อยขายสุทธิเล็กน้อย 213 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ
Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นกลับมาเป็นบวก ปัจจัยหนุน คือ โอกาสที่ฮิลลารีชนะเลือกตั้งมีมากขึ้นหลัง FBI ยืนยันคำตัดสินว่าไม่มีความผิดอาญากรณีใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวในขณะที่ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์หลังมีเหตุแผ่นดินไหวใกล้จุดส่งมอบน้ำมันของสหรัฐ ขณะเดียวกันก็มีแรงหนุนจากการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q59 ที่ทยอยออกมาด้วย ซึ่งคาดว่ากำไรบริษัทขนาดกลาง-เล็กจะเติบโตแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี ยังควรระวังเรื่อง Sell on fact หลังจบรายงานกำไรบริษัทด้วย กลยุทธ์ : การซื้อเก็งกำไรเน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีละหุ้น, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงที่ราคาพักฐาน หุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น TCAP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ค่าลบ/ต่ำกว่า 1490 จุดดูไม่ดีควรลดพอร์ตตาม ส่วนแนวต้านระยะสั้นให้ไว้ที่ 1510-1520 จุด
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น JTS, ILINK, DEMCO, CBG ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น RJH, GPSC, AJ, BCP, ASIMAR, LOXLEY สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้ว & ให้หาจังหวะ Take Profit ได้แก่ BCH, TVO, MCS, MEGA ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ RCI
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เลือกตั้งสหรัฐ : โพลล์ระบุคะแนนฮิลลารีนำทรัมป์
ผลการสำรวจของ NBC News/Survey Monkey Weekly Election Tracking Poll ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศสหรัฐ บ่งชี้ว่านางฮิลลารียังคงมีคะแนนนิยมทิ้งห่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน โดยผลสำรวจระบุว่านางฮิลลารีมีคะแนนนำหน้านายทรัมป์ 6 จุด โดยอยู่ที่ 47% ต่อ 41%
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : พุ่งขึ้นแรงรับโอกาสสูงที่ฮิลลารีจะชนะเลือกตั้ง
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,259.60 จุด พุ่งขึ้น 371.32 จุด หรือ +2.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,166.17 จุด พุ่งขึ้น 119.80 จุด หรือ +2.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2131.52 จุด เพิ่มขึ้น 46.34 จุด หรือ +22% เนื่องจากกระแสคาดการณ์ว่านางฮิลลารีจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ FBI ยืนยันต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า FBI จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อสรุปที่ว่านางฮิลลารีไม่มีความผิดทางคดีอาญา หลังจากที่ทาง FBI ได้เสร็จสิ้นการตรวจสอบอีเมล์ส่วนตัวที่นางฮิลลารีได้รับและส่งข้อความในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศสหรัฐ
+ ราคาน้ำมันดิบ : กังวลอุปทานตึงตัวหลังมีเหตุแผ่นดินไหวใกล้เมืองคูชิง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 44.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 46.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุนคือ ความกังวลว่า อุปทานน้ำมันในสหรัฐอาจตึงตัวหลังมีเหตุแผ่นดินไหวที่วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.0 แมกนิจูด ใกล้กับเมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมันดิบของสหรัฐ
- ราคาทองคำ : ดิ่งแรง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 25.1 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ระดับ 1,279.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากการขายทำกำไรหลังมีแนวโน้มชัดเจนขึ้นว่าฮิลลารีจะชนะเลือกตั้ง 8 พ.ย.นี้ และค่าเงิน US$ แข็งค่าขึ้นตอบรับกระแสคาดการณ์ดังกล่าว ผนวกกับตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งด้วย
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
•/+ 2 กลุ่มใหญ่เข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง
ธุรกิจ 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1) กลุ่ม BTS จับมือกับ RATCH และ STEC และ 2) กลุ่ม BEM เข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง มูลค่าโครงการ 5.35 หมื่นล้านบาท และ 5.19 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยโครงการเป็นการร่วมทุนระหว่างเอกชนกับรัฐ (PPP) ซึ่งจะเปิดซองข้อเสนอในวันที่ 17 พ.ย.นี้ และใช้เวลาประเมินผลข้อเสนอราว 3 เดือน หลังจากนั้นจะเจรจากับเอกชนที่ชนะการคัดเลือก แล้วเสนอครม.พิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป โดยคาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือนเม.ย.60
ทั้งนี้รถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองนั้น ทางรฟม.จะลงทุนด้านจัดการกรรมสิทธ์ิที่ดิน และเอกชนผู้รับสัมปทานลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานโยธา ระบบเครื่องกลและไฟฟ้า (รางเดี่ยวแบบคล่องราง) และให้บริการจัดการเดินรถ & บำรุงรักษา & จัดเก็บค่าบริการ (แบบ Net cost) มีระยะเวลาสัมปทาน 33 ปี 3 เดือน (ก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน และบริหารเดินรถ & จัดเก็บค่าบริการ 30 ปี)
• STPI (ราคาปิด 10.9 บาท) : ซื้อหุ้น 60%ในโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจ.เพชรบุรี 7.9 MW...เป็นบวกเล็กๆ
บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ เซอร์วิสเซส จำกัด (STPS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้ลงนามสัญญาซื้อหุ้น 60% ในบริษัท ดับเบิลยู พีจีอี เพชรบุรี จำกัด (WPP) คิดเป็นมูลค่า 840 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน ในจ.เพชรบุรี ขนาด 7.9 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 5.99 เมกะวัตต์ คาดว่าจะพร้อมผลิตไฟฟ้าภายในปลายปี 61 ใช้เงินลงทุนจากภายในบริษัท ซึ่ง ณ สิ้นก.ย.59 มีเงินสดและสินทรัพย์ใกล้เคียงเงินสดสูงถึง 6.4 พันล้านบาท คิดเป็น 3.9 บาท/หุ้น STPI
ความเห็น Retail Research : การซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวของ STPI ครั้งนี้ที่มีต้นทุน 177 ล้านบาท/เมกะวัตต์ สูงกว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเองที่ประมาณ 100 ล้านบาท/เมกะวัตต์ ทำให้ IRR ของโครงการนี้จะต่ำ แต่มีข้อดีที่จะสามารถรับรู้รายได้ได้เร็ว โดยโรงไฟฟ้ามีสัญญาขายไฟฟ้ากับกฟภ.อยู่แล้วส่วนหนึ่งคือ 5.99 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มทำรายได้ตั้งแต่ปลายปี 61 หรือรับรู้ EBITDA เต็มปี 62 เป็นปีแรกที่ประมาณ 55+/- ล้านบาท/ปี (คำนวณจาก 60% ของปริมาณการผลิต 7.9 เมกะวัตต์ โดยมีสมมติฐาน EBITDA 10-12 ล้านบาท/เมกะวัตต์) ซึ่งคิดเป็นเพียง 2-3% ของ EBITDA ของบริษัทในช่วงปี 56-58 เท่านั้น
ความไม่แน่นอนของบริษัท คือ งานใหม่ขนาดใหญ่ที่เข้ามาล่าช้าจากแผนเดิมมากหลังจากราคาน้ำมันและก๊าซตกต่ำรุนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบันมีโครงการ Pacific Northwest มูลค่า 1-2 หมื่นล้านบาทที่ดูมีความคืบหน้ากว่าโครงการอื่น เพราะผ่านการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปแล้วและรอการตัดสินของเจ้าของโครงการว่าจะเลือก EPC รายที่ STPI มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นผู้รับเหมาช่วง (Sub-contractor) หรือไม่ โดยคาดว่าจะสรุปเรื่องนี้ได้ในปลายปี 59 หรือต้นปี 60 ทั้งนี้สิ้นมิ.ย.59 บริษัทมีงานในมือเหลือ 1.4 พันล้านบาทและเมื่อ 15 ต.ค.59 บริษัทได้งานเข้ามาเพิ่ม คือ Algerian Qatari Steel Project, Algeria จาก PAUL WURTH Italia S.p.A. มีมูลค่า 17.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 605 ล้านบาท (จัดหาวัตถุดิบและแปรรูปโครงสร้างเหล็ก มีระยะเวลาดำเนินการตามสัญญาระหว่างเดือนต.ค.59-มิ.ย.60)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]