- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 November 2016 15:36
- Hits: 1499
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
บวกต่อ แต่ทางขึ้นน่าจะจำกัดแล้ว
KGI คาด SET วันอังคารขึ้นต่อ แต่ทางขึ้นจำกัดแล้ว และเราคงเป้าดัชนีฯ เดือนนี้ที่ 1,510 จุด (วานนี้ดัชนีฯ ปรับขึ้นโดดเด่น แรงกว่าที่เราคาด) ปัจจัยบวกยังเป็นความคาดหวังว่านางคลินตัน จะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยล่าสุดโพลล์ CNN ชี้ว่านางคลินตันมีคะแนนนำนายทรัมป์อยู่ 4.0% (46% ต่อ 42%) ทั้งนี้เรามองว่าภายใน 12.00 วันพรุ่งนี้ น่าจะมีความชัดเจนว่าผู้ใดจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ด้านราคาน้ำมัน WTi รีบาวด์ 1.9% ตามการแรลลี่ของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และรายงานแผ่นดินไหว 5.0 ริกเตอร์ใกล้เมืองคุชชิง ซึ่งเป็นศูนย์กลางท่อส่งน้ำมันของสหรัฐฯ ทั้งนี้ให้สังเกตว่าแม้วานนี้ SET ปรับขึ้นแรง นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ และเรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่จิตวิทยาเชิงบวกจากประเด็นเลือกตั้งสหรัฐฯ จะอยู่เพียงระยะสั้น และตลาดการเงินน่าจะกลับมากังวลถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในกลางเดือน ธ.ค. ดังนั้นเรายังให้น้ำหนักหุ้น mid-cap เป็นหลัก เน้นประเด็นงบไตรมาส 3/2559 โดดเด่น และหุ้นเชื่อมโยงนโยบายการลงทุนภาครัฐฯ
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร KBANK* / ซื้อ THAI*
KBANK* (เป้าพื้นฐาน 190 บาท) 1) ประเมินมีโอกาสจะถูกแรงซื้อปิดสถานะชอร์ต (Short Covering) ต่อเนื่อง หลังเป็นหุ้นที่มีปริมาณขายชอร์ตสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.เป็นต้นมา (ข้อมูล % ปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับปริมาณการซื้อขายแบบ Auto Matching จากเว็บไซต์ตลาดฯ) 2) รูปแบบราคาวานนี้ยืนเหนือแนวต้านเทรนไลน์ขาลงระยะสั้นที่ 169 บาท หากวันนี้ยืนเหนือ 170.5 บาทได้จะเป็นการยืนยันสัญญาณการกลับตัวเพื่อขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 176 บาท (ค่าเฉลี่ย 200 วันแบบ SMA) กำหนด Stop loss หากต่ำกว่า 165 บาท
THAI* (เป้าสูงสุดใน Consensus 32 บาท) 1) ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวหลังพักฐานที่แนวรับ ±25.5 บาท คาดมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นรูปแบบ Double bottom เพื่อขึ้นทดสอบแนวต้าน ±28 บาท และเป้าหมายระยะกลางที่ ±30 บาท 2) ข่าวบวกได้แก่ i) ราคาน้ำมันปรับฐานแรงตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา (ต้นทุนน้ำมันลง) ล่าสุด WTI อยู่ที่ ±45 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (จากระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล) ii) Consensus คาดการณ์ไตรมาส 3/59 มีกำไรราว ±300 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุน 9.9 พันล้านบาทในไตรมาส 3/58) iii) หลังรายงานงบฯ ประเมิน Trailing PE จะต่ำกว่า 10 เท่า จากตอนนี้ติดลบ (ไม่มีความเสี่ยงติดแคชบาลานซ์) iv) เดือน มี.ค.60 ลุ้น ICAO ปลดธงแดง
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มน้ำตาล (KSL) จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร KSL ทางโทรศัพท์วานนี้ เราประเมิน i) ราคาน้ำตาลจะยังทรงตัวสูงต่อเนื่องจากปัญหาอุปทานขาด (เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มฯ) ii) ปี 2559/60 คาด กอน. ล๊อกราคาขายล่วงหน้าน้ำตาลไว้ที่ ±20.5 เซนต์/ปอนด์ (ปีที่แล้วเฉลี่ย 15.5 เซนต์/ปอนด์) แต่คาด KSL ล๊อกราคาขายล่วงหน้าได้ดีกว่า (เป็นบวกต่อมาร์จิ้น) iii) ปริมาณอ้อยเข้าหีบปีนี้ทรงตัวเทียบปีที่แล้ว (ปริมาณขายทรงตัว แต่ราคาดีขึ้น คาดรายได้โต) แนะนำ “เก็งกำไร” KSL โดยประเมินวานนี้ Breakout แนวต้านเทรนไลน์ขาลงที่ 3.92 บาทได้แล้ว หากวันีน้ Breakout กรอบ Sideway ที่ 4.0 บาทได้ มีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.2 บาท (Stop loss 3.9 บาท)
หุ้นโรงกลั่น (BCP*) ค่าการกลั่นเข้าสู่ High season (ตอนนี้ยืนเหนือ 8 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เทียบกับต้นเดือน ต.ค. ที่ต่ำกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล) ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI เริ่มสร้างฐานที่บริเวณ ±45 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (ลดความกังวลเรื่องขาดทุนสต๊อกน้ำมัน) เลือก BCP* เป็นหุ้นเด่น ในมุมความเป็นหุ้นถูกที่สุดในกลุ่มฯ โดยหากคำนวณราคาเหมาะสมด้วยวิธี Sum of the Parts จะได้ Upside >20% (มูลค่าโรงกลั่น = 24 บาท และมูลค่า BCPG จากราคาปิดวานนี้ ตามสัดส่วนการถือหุ้น = 16 บาท รวมได้ราคาเหมาะสม 40 บาท)
หุ้นรับโครงการรัฐฯ
1) ผู้รับเหมาฯ + ผู้ประกอบการฯ (ตัวใหญ่ CK*, STEC* / ตัวเล็ก SEAFCO, PYLON / ผู้ประกอบการฯ BTS*, BEM*) ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู – เหลืองแล้ว รอเปิดซองฯสัปดาห์หน้า และรถไฟรางคู่คาดจะขายซองประมูล 1 เส้นทางวันที่ 26 พ.ย.นี้ และคาดอีก 1 เส้นทางเปิดขายซอง 3 – 9 ธ.ค. นี้ ... แนะนำ “เก็งกำไร” CK*, SEAFCO และอาจพิจารณาเก็งกำไร BTS*, BEM*
2) หุ้นกลุ่มเหล็ก (BSBM, TMT) เราประเมินดีมานด์เหล็กในประเทศ (โดยเฉพาะเหล็กแท่ง) จะเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อปริมาณขายและแนวโน้มราคาเหล็กในประเทศ ... แนะนำ “เก็งกำไร” TMT และ MILL (คาดงบฯเด่น) ขณะที่ BSBM งบฯออกแล้ว Turnaround ตามคาด อาจพิจารณาขายล๊อกกำไร
3) หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับระบบสายไฟ (CTW, DEMCO, ASEFA) จากมติ ครม ล่าสุด ให้ กฟภ. ดำเนินโครงการระบบสายส่งและจำหน่ายระยะที่ 1 (มูลค่าลงทุน 6.26 หมื่นล้านบาท) คาดเป็น Sentiment บวกมาที่หุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ CTW (จำหน่ายสายไฟ), DEMCO (งานรับเหมาฯ) และ ASEFA (ระบบไฟฟ้า)
หุ้นมีข่าว
(+) กลต.นับหนึ่งไฟลิ่ง SRIPANWA จ่อขาย 336.47 ล้านหน่วย ธ.ค.นี้ (ข่าวหุ้น) “CI” เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA) จำนวนไม่เกิน 336.47 ล้านหน่วยภายใน ธ.ค.นี้ หลังก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว เพื่อระดมทุนซื้อสินทรัพย์และลงทุนในอสังหาฯใหม่
(+) TLUXE หอบเงิน 4 พันล้าน ลุยพลังใต้พิภพญี่ปุ่น 50MW (ทันหุ้น) TLUXE กางแผนลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ตั้งงบลงทุน 3-4 ปี มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท คาดโกยรายได้ปีละ 600-700 ล้านบาท เล็งขยายฐานลงทุนอินโดนีเซียและเวียดนามเพิ่ม ด้านธุรกิจอาหารสัตว์ปีนี้คาดมีรายได้ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท ปีหน้าเล็งดันกำลังการผลิตอัพยอด
(+) RAM ทุ่ม 400 ล้านบาท จับมือบริษัทเอนคอร์ ลุยรพ.ขนาด 300 เตียง (ทันหุ้น) RAM แจ้งมติที่ประชุมบอร์ดอนุมัติเข้าร่วมลงทุนในบริษัทเอนคอร์ (2016) จำกัด จำนวน 4 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 100 บาท มูลค่าการลงทุนรวม 400 ล้านบาท ถือหุ้นสัดส่วน 14.54% ผนึกกำลังลุยโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาด 300 เตียง ย่านถนนสุขาภิบาล 3 คาดสร้างผลตอบแทนสูง 10%
(+) TU* ตั้งบริษัทรุกตลาดดูไบอนุมัติต่อสัญญาเช่าพื้นที่งบ Q3 กำไร 1.5 พันล้าน (ข่าวหุ้น) บอร์ด TU ไฟเขียวร่วมทุนจัดตั้ง “ซีฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล ทรี” ในดูไบ พร้อมต่อสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงาน และโกดังสินค้า ด้านงบ Q3/59 มีกำไรสุทธิ 1,594 ล้านบาท ลดลง 1.90% ส่วน 9 เดือนกำไรสุทธิ 4,352 ล้านบาท ลดลง 4.40%
(+) STPI ส่งบริษัทย่อย ลุยพลังงานทดแทน งบก้อนแรก 840 ล้าน (ทันหุ้น) STPI ประกาศส่งบริษัทย่อยพร้อมอัดฉีดงบลงทุน 840 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 60% ในโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.เพชรบุรี 7.9 เมกะวัตต์ หวังกระจายฐานรายได้ไปยังธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีการเติบโตต่อเนื่อง
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้าสูงสุด Consensus 15 บาท) แนะนำ “ถือ” รอสัญญาณการเบรกแนวต้าน 13.3 บาท เพื่อขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป ±14 บาท … งบไตรมาส 3/59 โต YoY, QoQ (ดีกว่าคาด) และคาดจะทำนิวไฮในไตรมาส 4/59
TCMC (เป้าพื้นฐาน 6.6 บาท) คาดราคาหุ้นหมดแรงขาย Sell on fact หลังการประชุมผู้ถือหุ้นซื้อกิจการ DMM ที่อังกฤษแล้ว จะเริ่มสร้างฐานใหม่อีกรอบที่บริเวณแนวรับ ±4.8 บาท / แนวต้าน 5.2 บาท และ ±5.5 บาท ... ประเมินแนวโน้มกำไรเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง และลุ้นทำนิวไฮในไตรมาส 4/59 + PE ปีหน้าต่ำเพียง 9 เท่า และ PEG ต่ำเพียง 0.68 เท่า
BSBM (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 1.59 – 1.86 บาท อิง PE 6 – 7 เท่า) วันนี้หากยืนเหนือ 1.44 บาทได้ แนะนำ “ถือ” โดยประเมินแนวต้าน 1.53 บาท แต่หากต่ำกว่า 1.44 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร” ... วานนี้รายงานกำไรไตรมาส 3/59 = 31.9 ล้านบาท (Turnaround จากขาดทุน 21 ล้านบาทในไตรมาส 3/58)
TFG (เป้า Consensus 5.3 บาท) กลับยืนเหนือ 4.82 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินแนวต้าน 4.96 บาท และถัดไป 5.4 บาท... Consensus คาดกำไรไตรมาส 3/59 = 523 ล้านบาท (Turnaround จากขาดทุน 263 ล้านบาทในไตรมาส 3/58) + ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวลงบวกต่ออัตรากำไร
SEAFCO (เป้า Consensus 13.7 บาท) แนะนำ “ซื้อแนวรับ” 11 บาท โดยประเมินแนวต้าน 11.5 – 11.8 บาท ... คาดการประมูลรถไฟฟ้า และ รถไฟรางคู่ในเดือน พ.ย. – ธ.ค. นี้
TPBI (เป้าสูงสุด Consensus 19.4 บาท) หากราคาหุ้นต่ำกว่า 16.2 บาท แนะนำ “ขายตัดขาดทุน” แต่หากยืนได้ แนะนำ “ถือ” ... คาดงบไตรมาส 3/59 โต YoY และ QoQ และโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/59 (High season)
TACC (เป้า Consensus 10.6 บาท) กลับยืนเหนือ 10 บาทได้ แนะนำ “Let profit run” ต่อ แต่หากต่ำกว่าแนะนำ “ขายล๊อกกำไร” เพื่อรอรับแนวรับถัดไปบริเวณ ±9.5 บาท
TMT (เป้าพื้นฐาน 14.2 บาท) เป็นหุ้นปันผลสูง คาดปันผลปีนี้ 1.6 บาท/หุ้น (Dividend yield 11.6%)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
SMT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.25 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรไตรมาส 3/59 = 51 ล้านบาท Turnaround YoY และโต 59% QoQ ตามการรับรู้รายได้จากสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น
TASCO* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 26.5 บาท รายงานกำไรไตรมาส 3/59 = 329 ล้านบาท (-77.4% YoY, 53.2% QoQ) แย่กว่าคาด 47.2% มีแนวโน้มปรับประมาณการฯปีนี้ลงสะท้อนงบฯที่อ่อนแอกว่าคาด อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยฯยังคงมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโมกำไรปีหน้าจึงยังคงประมาณการฯ และเป้าพื้นฐานปี 2560 ไว้
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1505 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1505 จุดนั้น อาจผลักขึ้นในกรอบ 1505-1525 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1505 จุด อาจสะสมแรงแรงกดลงในกรอบ 1505-1484 จุด
แนวรับวันนี้: 1495/1485 แนวต้านวันนี้: 1505/1519
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]