- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 November 2016 15:53
- Hits: 12576
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสอ่อนตัวลงตามตลาดต่างประเทศ? ตลาดมีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้อีก หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25 – 0.50% ตามความคาดหมายของตลาด พร้อมส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้จะเป็นประเด็นที่อยู่ในความคาดหมาย แต่คาดยังเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนและกดดันตลาดฯ หลังจากนี้จนถึงวันประชุม (13 – 14/12/59)
และภายหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย แนะติดตาม (1) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงราคาน้ำมันดิบ มีโอกาสลดลง หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (2) Fund Flow ที่คาดยังมีโอกาสไหลออก หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือ ประมาณ 110,000 ล้านบาท และ (3) ค่าเงินบาท ที่คาดมีทิศทางอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ขณะที่คาดอยู่ระหว่างรอผลการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ (8/11/59) หลังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ จากผลสำรวจล่าสุดคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาใกล้เคียงนางฮิลลารี คลินตัน คาดอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน ทำให้ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง?
ทางด้านราคาน้ำมัน ปรับลดลงต่อเนื่องในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดถูกกดดันจากความไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะสามารถตกลงกันได้ ในการจำกัดการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน โดยโอเปกจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. ที่ประเทศ ออสเตรีย
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังมีแรงเก็งกำไรตัวเลขผลประกอบการ Q3/59 ที่จะทยอยประกาศออกมา จนถึงกลางเดือนหน้า พร้อมยังแนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
SET SET50 SET100
1,493.08 -5.57 932.36 -5.39 2,101.05 -10.94
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -28.97, NASDAQ -47.16, S&P -9.28,FTSE -54.91, CAC -2.99 และ DAX -45.05
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงหลังการประชุมเฟด มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25-0.50% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. (13 – 14/12/59) จากเศรษฐกิจที่มีการปรับตัวดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อ เข้าใกล้ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด ขณะที่การจ้างงานยังมีความแข็งแกร่ง และยังคงได้รับปัจจัยกดดันต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต แม้ว่า FBI ประกาศปิดคดีดังกล่าวไปเมื่อเดือนก.ค.ก็ตาม ซึ่งส่งผลให้คะแนนนิยมของนางฮิลลารี และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 8/11/59
ในขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย 1) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. เพิ่มขึ้นเกินคาด 2) ประสิทธิภาพการผลิตในช่วงไตรมาส 3/2016 เพิ่มขึ้นเกินคาด 3) ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือน ก.ย. อยู่ที่ 0.3% เพิ่มขึ้นเกินคาด 4) PMI ภาคบริการเดือน ต.ค. ลดลงสู่ 54.8 แย่กว่าคาด
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป อ่อนตัวลงเช่นกัน หลังจากคำตัดสินของศาลสูงอังกฤษ สร้างความยุ่งยากในการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจาก EU (Brexit)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.91 1.9 3.14
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 54,419.22
สถาบัน 228.64
บัญชีหลักทรัพย์ -192.16
ต่างประเทศ -2,064.44
ในประเทศ 2,027.97
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$0.68 อยู่ที่ US$44.66 ต่อบาร์เรล โดยได้รับปัจจัยลบ (1) สต็อกน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และ 2) นักลงทุนไม่มั่นใจว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถลดกำลังการผลิตลงได้จริงหรือไม่
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$4.9 อยู่ที่ US$1,303.3 ต่อออนซ์ อ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ยังคงได้รับแรงหนุนจากภายใต้ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ และตลาดหุ้นที่ปรับลดลง กระตุ้นให้เข้าลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ –2,064 ล้านบาท สะสม YTD +110,021 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 4 พ.ย. 2559
4/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.
5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 1.81% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +2.76 อยู่ที่ 22.08
หุ้นแนะนำ : EGCO
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร .02-684-8789