- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 November 2016 15:39
- Hits: 4560
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐใกล้เข้ามา Brexit ซับซ้อน
คาดหุ้นไทยไม่ไปไหน ความไม่แน่ใจและความระมัดระวังความเสี่ยงปกคลุมตลาดการเงินทั่วโลก อันเนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า เหตุการณ์และตัวเลขอื่นๆกลายเป็นปัจจัยรองไปหมดรวมทั้งตัวเลขการว่าจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐและราคาน้ำมันที่ยังร่วงต่อ ความไม่แน่นอนเพิ่มเข้ามาอีกหลังจากศาลสูงสหราชอาณาจักรวินิจฉัยว่า Brexit ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นอีก ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ออกไปทางลบโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงครั้งแรกใน 4 เดือน ในเดือน ต.ค. จากราคาผลิตผลการเกษตรที่ตกต่ำอยู่
หุ้นเด่นวันนี้ : TSE (ราคาปิด 5.10 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 6.10 บาท)
เราเลือกบมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยศักยภาพการเติบโตและ Valuation ที่น่าสนใจ ปัจจุบัน TSE ดาเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศในญี่ปุ่น ด้วยกาลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 102 เมกะวัตต์ ประกอบกับการเติบโตจากโครงการในอนาคตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 33 เมกะวัตต์และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 22 เมกะวัตต์ในประเทศ ซึ่งมีกาหนดจะก่อสร้างและพัฒนาในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นไปได้เพิ่มเติมอีก 60 เมกะวัตต์ในญี่ปุ่น แนวโน้มธุรกิจในระยะยาวยังคงสดใสด้วยโอกาสในการขยายกาลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นหลังเกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะ
รวมไปถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนแห่งชาติ ฐานะทางการเงินที่พร้อมเชื่อว่าจะช่วยให้บริษัทฯ บรรลุตามแผนการลงทุนข้างต้นได้ คาดกาไรสุทธิเติบโตทาระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตทบต้นเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของ EPS ในช่วงปี 2560-62 ที่ 18% ขับเคลื่อนจากการทยอยผลิตไฟฟ้าของโครงการในมือที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว ขณะที่โครงการใหม่อื่น ๆ ในอนาคตถือเป็น Upside ต่อประมาณการของเรา เรามอง Valuation ของราคาหุ้น TSE น่าสนใจจากค่า PEG ปี 2560 ที่ 0.88 เท่า ซึ่งต่ำกว่าแนวโน้มการเติบโตของบริษัท นอกจากนี้ ค่า PER ในอนาคตจะทยอยลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียง 10.7 เท่าในปี 2562 ขณะที่ยังมีโอกาสเติบโตใหม่ๆ ในธุรกิจพลังงานทดแทนสำหรับบริษัทรออยู่ข้างหน้าหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว ในส่วนของ Price Pattern ของ TSE มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้นอย่างมาก
จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยมุมมองต่อ Price Pattern ของ TSE คาดว่ามีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 5.20 บาท โดยหาก Price Pattern ของ TSE ยังมีความแข็งแกร่งมากพอ โดยสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 5.20 บาทได้สำเร็จ คาดว่ามีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 6.20 บาท ที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป็นลำดับต่อไป ทั้งนี้ TSE มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 4.80 บาท (แนวต้าน: 5.20, 5.30, 5.40; แนวรับ: 5.00, 4.90, 4.80)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. ลดลง เพราะความกังวลราคาพืชผล ม.หอการค้ารายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. ลดลงครั้งแรกในรอบสี่เดือน เหลือ 73.1 จุด จาก 74.2 ใน ก.ย. เพราะผู้บริโภคกังวลราคาพืชผลตกต่ำ โดยเฉพาะข้าว (Bangkok Post)ความเห็น: ด้วยมาตรการอุ้มชาวนาล่าสุด ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคส่งออกและการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายและลงทุนของรัฐ เราคาดว่าน่าจะเห็นตัวเลขดีขึ้นไฟเขียวอัดเงินกองทุนหมู่บ้านอีกรอบ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเห็นชอบให้เพิ่มทุนให้แก่กองทุนหมู่บ้านอีก 1.56 พัน ลบ. สำหรับหมู่บ้านเกรดเอ 1,562 หมู่บ้านซึ่งมีประสิทธิภาพและความรอบคอบในการบริหารเงินทุน (Bangkok Post)
STEC เข้าซื้อหุ้น 10% ใน TSE จำนวน 181.5 ล้านหุ้น จาก WAVE ที่ 4.85 บาทต่อหุ้น มูลค่า 880.28 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้น WAVE ใน TSE ลดลงจาก 20% เหลือเพียง 10% (lnfoquest) ความเห็น: การลงทุนของ STEC คาดว่าเน้นไปที่การร่วมลงทุนและขยายตัวไปสู่ธุรกิจไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมกับ TSE แนะนำซื้อ STEC (AWS TP 28.00 บาท) และ TSE (AWS TP 6.10 บาท)
ต่างประเทศ
ศาลสูงของอังกฤษมีคำวินิจฉัยให้รัฐบาลของอังกฤษจะต้องขออนุมัติจากรัฐสภาเพื่อประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นขั้นตอนอย่างเป็นทางการในการเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจาก EU ส่งผลให้แผนของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องล่าช้าออกไป รัฐบาลอังกฤษกล่าวว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลสูงและคาดว่าศาลฎีกาอังกฤษจะพิจารณาคดีนี้ในช่วงต้นเดือนหน้า ในทางทฤษฎีแล้ว รัฐสภาสามารถยับยั้งการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) เนื่องจากผู้ออกกฎหมายส่วนมาก (ส.ส.) สนับสนุนให้อังกฤษอยู่ในอียูในการลงประชามติในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา แต่มีผู้สังเกตการณ์จำนวนหนึ่งคาดว่าผลจะออกมาตรงกันข้าม และผลสำรวจของรอยเตอร์สในเดือนที่แล้วบ่งชี้ว่าตอนนี้ส.ส. อาจหนุนให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Reuters)
ราคาพันธบัตรสหรัฐระยะยาวปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัส หลังจากธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษระบุว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะสูงขึ้น ในขณะที่ความไม่แน่นอนต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าหนุนให้เกิดความต้องการซื้อพันธบัตรระยะสั้น ราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลง 5/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.82% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 1.80% เมื่อวันพุธ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์เทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เมื่อวันพฤหัส จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ล่าสุดปรับตัวลง 0.24% สู่ระดับ 97.163 ไม่ไกลจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ที่ 97.041 เมื่อวันพฤหัส(Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบต่อเมื่อวันพฤหัส โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงติดต่อกัน 8 วัน ยาวนานที่สุดนับแต่เกิดวิกฤตทางการเงินในปี 2008 เนื่องจากนักลงทุนเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้าและหุ้นเฟซบุ๊คได้กดดันตลาดให้ร่วงลง หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 4/59 อาจชะลอตัวลง(Reuters)
นางฮิลลารีมีคะแนนนำลดลง จากผลสำรวจของ 2 สำนักเมื่อวันพฤหัส นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตยังคงมีคะแนนนำนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันอยู่เล็กน้อยโดยที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. นี้ โดยผลสำรวจของนิวยอร์ค ไทมส์/ซีบีเอส พบว่านางฮิลลารีมีคะแนนนำอยู่ 3 pps จากการสำรวจระหว่างวันที่ 28 ต.ค.- 1 พ.ย. (+/- 3 pps) ส่วนผลสำรวจของวอชิงตัน โพสต์/สำนักข่าวเอบีซีระบุว่านางฮิลลารีมีคะแนนนำ 2 pps จากการสำรวจผู้มีสิทธิโหวตจำนวน 1,767 รายระหว่างวันที่ 29 ต.ค.- 1 พ.ย. (+/- 3 pps) (Reuters)
ตลาดแรงงานยังคงตึงตัว จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 7,000 ราย อยู่ที่ 265,000 ราย ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ต้นเดือนส.ค. ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอยู่ในระดับต่ำกว่า 300,000 รายติดต่อกัน 87 สัปดาห์แล้ว แสดงถึงตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และยาวนานที่สุดนับแต่ปี 1970 ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 258,000 รายในสัปดาห์ก่อน (Reuters)
ยอดคำสั่งซื้อใหม่ของสินค้าโรงงานสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกันใน ก.ย. แต่ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม สะท้อนว่าภาคการผลิตจะยังประสบความยากลำบากที่จะพ้นจากภาวะตกต่ำมาอย่างยาวนาน ยอดคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากปรับขึ้น 0.4% ใน ส.ค. นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าคำสั่งซื้อโรงงานจะเพิ่มขึ้น 0.2% ใน ก.ย. (Reuters)
Markit : ดัชนี PMI รวมขั้นสุดท้ายและด้านการบริการออกมาดี ใน ต.ค. ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อปรับผลของฤดูกาลเพิ่มขึ้นสู่ 54.9 ใน ต.ค. จาก 52.3 ในเดือนก่อน ตัวเลขล่าสุดสะท้อนการกลับตัวแรงสุดของการผลิตภาคเอกชนนับตั้งแต่ พ.ย. 58 ด้านดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจภาคบริการออกมา 54.8 ใน ต.ค. เพิ่มขึ้นชัดเจนจาก 52.3 ใน ก.ย. และยืนเหนือระดับสำคัญที่ 50.0 มาแปดเดือนติดแล้ว ตัวเลขล่าสุดชี้ว่าภาคบริการก็ฟื้นตัวด้วย (HlS Market)
ISM : กิจกรรมภาคบริการกลับออกมาไม่ดี ดัชนี PMl นอกภาคการผลิตของสำนัก lSM ออกมา 54.8 ใน ต.ค. กลับต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 56.0 และตัวเลข 57.1 ในเดือน ก.ย. (lSM)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีทรงตัว เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ที่ฉุดให้หุ้นกลุ่ม Blue chip ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักรมีคำวินิจฉัยว่ารัฐบาลของสหราชอาณาจักรจะต้องขอการอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นกระบวนการ Brexit ก่อนที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ (Reuters)
เอเชีย :
กิจกรรมในภาคบริการของญี่ปุ่นขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนในเดือนตุลาคม: บ่งถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคกำลังฟื้นตัวหลังจากพายุไต้ฝุ่นเข้ามาหลายลูกทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยไม่ได้ ดัชนี PMl พื้นฐานปรับตามฤดูกาลของญี่ปุ่นซึ่งสำรวจโดย lHS เพิ่มขึ้นเป็น 50.50 ในเดือนตุลาคมจาก 48.2 ในเดือนกันยายน (lHS Markit)
PMI พื้นฐานปรับตามฤดูกาล ของ Caixin/Markit ในจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 52.4 ในเดือนตุลาคม จาก 52.0 ในเดือนกันยายนแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน (lHS Markit)
การลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนบิดเบือนความเสี่ยงตลาดทั่วโลกสำหรับแผงวงจรไฟฟ้า กำลังนำไปสู่ความเสียหายจากกำลังผลิตที่ล้นและยับยั้งการเกิดนวัตกรรม เลขานุการพาณิชย์สหรัฐฯ Penny Pritzker ได้ออกมาเตือน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่การค้าที่ตึงเครียดระหว่างยักษ์ใหญ่ในเอเชียและสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้นมากกว่าแค่ข้อกล่าวหาทุ่มตลาด ทำให้เกิดภาวะกำลังการผลิตล้นตลาด และบรรยากาศทางธุรกิจที่กิจการของบริษัทต่างชาติกังวลต่อการทำธุรกิจในประเทศจีน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันร่วงกว่า 1% วันพฤหัส เพราะนักลงทุนกลัวเรื่อน้ำมันดิบสหรัฐในสต็อกเพิ่มขึ้นทำสถิติและยังกังขาว่า OPEC จะลดกำลังการผลิตได้อย่างที่วางแผนจริงหรือไม่ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 68 เซนต์ (-1.5%) ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในจุดหนึ่งน้ำมันร่วงเกิน 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแตะจุดต่ำสุดที่ 44.37 ดอลลาร์น้ำมัน Brent ลง 51 เซนต์ (-1.1%) ปิดที่ 46.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในจุดหนึ่งแตะจุดต่ำสุดที่ 45.99 ดอลลาร์ OPEC จะประชุม 30 พ.ย. ในเวียนนาเพื่อตกลงคุมการผลิตเพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันลง (Reuters)
ทองคำบวกวันพฤหัส ตอบสนองดอลลาร์ที่อ่อนค่าเพราะมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตการเลือกตั้งสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรปิดบวก 0.4% ไปอยู่ที่ 1,302.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ยังถือว่าต่ำกว่าจุดสูงสุดของวันพุธที่ 1,307.76 ดอลลาร์สูงสุดในรอบ 1 เดือน ราคาทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ธ.ค. ลบ 0.4% ไปอยู่ที่ 1,303.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077