- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 November 2016 16:09
- Hits: 4647
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? ภายใต้การเคลื่อนไหวที่คาดยังมีความผันผวนอยู่ แต่คาดอยู่ในกรอบแคบ หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25 – 0.50% ตามความคาดหมายของตลาด พร้อมส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้จะเป็นประเด็นที่อยู่ในความคาดหมาย แต่คาดยังเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนและกดดันตลาดฯ หลังจากนี้จนถึงวันประชุม (13 – 14/12/59)
และภายหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย แนะติดตาม (1) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีโอกาสลดลง หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (2) Fund Flow ที่คาดยังมีโอกาสไหลออก หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือ ประมาณ 112,000 ล้านบาท และ (3) ค่าเงินบาท ที่คาดมีทิศทางอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ขณะที่คาดอยู่ระหว่างรอผลการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ (8/11/59) หลังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ จากผลสำรวจล่าสุดคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาใกล้เคียงนางฮิลลารี คลินตัน คาดอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน ทำให้ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง?
ทางด้านราคาน้ำมัน ปรับลดลงต่อเนื่องในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดถูกกดดันจากความไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะสามารถตกลงกันได้ ในการจำกัดการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน โดยโอเปกจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. ที่ประเทศ ออสเตรีย
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังมีแรงเก็งกำไรตัวเลขผลประกอบการ Q3/59 ที่จะทยอยประกาศออกมา จนถึงกลางเดือนหน้า พร้อมยังแนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
SET SET50 SET100
1,498.65 -5.87 937.75 -4.81 2,111.99 -11.71
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -77.46, NASDAQ -48.01, S&P -13.78, FTSE -71.72, CAC -55.61 และ DAX -155.23
หลังการประชุมเฟด มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25-0.50% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. (13 – 14/12/59) จากเศรษฐกิจที่มีการปรับตัวดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อ เข้าใกล้ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด ขณะที่การจ้างงานยังมีความแข็งแกร่ง และยังได้รับปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ หลังสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต แม้ว่า FBI ประกาศปิดคดีดังกล่าวไปเมื่อเดือนก.ค.ก็ตาม ซึ่งส่งผลให้คะแนนนิยมของนางฮิลลารี และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 8/11/59
ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า หากผลสำรวจคะแนนนิยมของนายทรัมป์ พุ่งแตะระดับ 50% ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ลดลง 4 - 5% และและหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ในวันที่ 8 พ.ย. จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ลดลง 10 - 11%
ทางด้านจ้างงานของภาคเอกชนของสหรัฐฯ - ต.ค. เพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่พ.ค. และต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 166,000 ตำแหน่งอย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ คาดเป็นการบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในรอบ 10 ปี โดยคาดเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดอัตราการว่างงาน อยู่ที่ 4.9% จากเดิมที่ระดับ 5.0%
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากราคาน้ำมันที่ลดลง
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.01 1.9 3.13
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 49,339.22
สถาบัน -1,014.80
บัญชีหลักทรัพย์ 417.33
ต่างประเทศ -846.84
ในประเทศ 1,444.32
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX)ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.33 อยู่ที่US$45.34 ต่อบาร์เรล โดยได้รับปัจจัยลบ (1) EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 14.4 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 482.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรลและ(2) การผลิตน้ำมัน- ต.ค. ของกลุ่มโอเปก อยู่ที่ 33.82 ล้านบาร์เรล/วันจาก33.69 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อก.ย. และเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ราคาทองคำ(COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$20.2 อยู่ที่US$1,308.2 ต่อออนซ์ภายใต้ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ และตลาดหุ้นที่ปรับลดลง กระตุ้นให้เข้าลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ-845 ล้านบาทสะสม YTD +112,085 ล้านบาท(ปี’57 และ58 ยอดขายสุทธิสะสม36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาทตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม3 –4 พ.ย. 2559
3/11/59 สหรัฐฯเปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ข้อมูลขั้นต้นของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2016
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.
4/11/59 สหรัฐฯเปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.
(5) กลุ่มพลังงานเช่นPTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดีขณะที่TOP และSPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL, HMPRO, KAMART และROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่งในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และBA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี-0.02 อยู่ที่1.80% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) +0.76 อยู่ที่ 19.32
หุ้นแนะนำ: VNG
นักวิเคราะห์: จิตรลดาเลขาพันธ์ โทร .02-684-8788