- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 November 2016 16:10
- Hits: 1356
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : เน้นมองหุ้นภายใน หลังความผันผวนจากปัจจัยภายนอกเพิ่มขึ้น
เราคาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยไทยจะเคลื่อนไหวกรอบแคบตามตลาดหุ้นโลก ระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 1-2 พ.ย.นี้ (ทราบผลเช้าวันที่ 3 พ.ย.) และรอติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. อย่างไรก็ตามตลาดอาจเคลื่อนไหวเป็นบวกหากจีนประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
ภายใต้สถานการณ์ที่ตลาดมองว่าเฟดน่าจะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ (ทราบผลเช้า 3 พ.ย.) ตัวแปรสำคัญที่ตลาดให้น้ำหนักจึงเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งนี้ผลโพลเฉลี่ยของ Real Clear Politics (RCP) ที่จัดทำจาก 6 สำนักข่าวชั้นนำชี้ว่าคะแนนนิยมของคลินตันสูงกว่าทรัมป์เพียง 2.2% โดยผลโพลย่อย 5 สำนักยังให้คลินตันชนะ 1-7% ยกเว้นโพลจาก LA Times/USC Tracking ชี้ว่าทรัมป์มีคะแนนนิยมนำคลินตันอยู่ 4% ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายหลังการเลือกตั้งทำให้ดัชนีชี้ความเสี่ยงหลายตัวปรับขึ้น อาทิ ค่าเงินสวิสฟรังซ์ที่ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำ รวมถึงดัชนีความผันผวน (VIX) ที่ปรับขึ้น 6 วันต่อเนื่อง เรายังคงมุมมองว่าจิตวิทยาของตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมจะถูกผลักดันด้วยปัจจัยภายนอกเป็นหลักในช่วงนี้
ปัจจัยภายในประเทศที่สำคัญ 1) ครม.อนุมัติเงินช่วยเหลือชาวนา วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในช่วงหลังเก็บเกี่ยว อาทิ DCC ROBINS 2) ครม.อนุมัติ รถไฟรางคู่ 3 สาย 5.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและฐานราก เราชอบ CK STEC SEAFCO PYLON 3) ครม.มีมติให้สามารถกลับมาจัดกิจกรรมบันเทิง-รายการวิทยุโทรทัศน์ ได้ตามปกติ หลังครบกำหนด 30 วัน เริ่มตั้งแต่ 14 พ.ย. เราคาดกำลังซื้อต้องใช้เวลาในการฟื้น และยังกระทบต่อกำไรไตรมาส 4/59 แต่จิตวิทยาบวกอาจส่งผลดีต่อราคาหุ้นระยะสั้น เน้นหุ้นที่คาดรายงานกำไรไตรมาส 3/59 ดี ได้แก่ WORK MONO 4) ครม.อนุมัติ กฟภ.ลงทุน 6 หมื่นล้านบาท พัฒนาระบบสายส่ง-จำหน่ายไฟฟ้า ส่งผลดีต่อ DEMCO GUNKUL
แนวรับ/แนวต้าน : 1485-1492 /1500 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%
คำแนะนำทางกลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรรายตัวแบบมีจุดตัดขาดทุนในหุ้นที่มีผลกำไรแน่นอน ปัจจัยการเติบโตชัดเจน และมีผลการดำเนินงานในช่วงปลายปีที่ดี ทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ทางพื้นฐานยังขอเลี่ยงหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการหากเก็งกำไรข่าวกลับมาออกอากาศปกติหลัง 30 วัน ควรเก็งถึงแค่ประกาศผลประกอบการเท่านั้น // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ TSE*, DCC, TU
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
- หุ้น SET100 ที่ laggard (เทียบ 6 ต.ค.): JWD*, KBANK, IFEC*, BCP
- หุ้นพลังงานทดแทนที่มีแนวโน้มเติบโต: PSTC*, TSE*, BWG*, GUNKUL*
- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*
- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH // หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณากำหนดจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)
หุ้นแนะนำทางพื้นฐาน
BCH (14.00) : คาดรายงานกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่น ทั้งปัจจัยฤดูกาล (หน้าฝน) และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ร.พ.เก่า ขณะที่ WMC มีผลขาดทุนทีดีขึ้นจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ปรับดีขึ้น และน่าจะกลับมามีกำไรในปี 2560 คาดการณ์กำไรโต 42.5% และ 24.0% YoY
TU (24.50) : กำไรปี 2560 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน และการเติบโตมีโอกาสดีกว่าคาดจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต สำหรับดีลล่าสุด Red Lobster ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดบริษัทสามารถพลิกให้ธุรกิจกลับมากำไรได้ในปี 2560
ROBINS (80) : ผลประกอบการเข้าสู่ช่วง high season ปลายปี และมีโอกาสเติบโตดีกว่าคาดหลังกำลังซื้อต่างจังหวัดมีแนวโน้มดีขึ้นตามรายได้ภาคการเกษตรก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 12.4% นอกจากนี้ยังได้ผลดีจาดเม็ดเงินอัดฉีดภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG เท่า CPALL แต่ถูกกว่าในเชิง PER และ EV/EBITDA
นักกลยุทธ์: กิจพล ไพรไพศาลกิจ Email: [email protected]