- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 November 2016 16:28
- Hits: 8525
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Sideways
วันนี้คาด Sideways กรอบ 1,486-1,507 จุด
ปัจจัยต่างประเทศวันนี้คาด Slightly positive (0) วันนี้ผลประชุม BOJ ตลาดคาดยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือนหน้าไม่ใช่รอบนี้ (+) จีนรายงาน PMI ภาคผลิต 51.2 ดีกว่าคาดที่ 50.3 (เดือนก่อน 50.4) (0/+) คืนนี้ US ISM ภาคผลิต คาด 51.5 คงที่เมื่อเทียบเดือนก่อน ส่วนปัจจัยในประเทศ วันนี้ประชุม ครม. และ การเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อวาน ยืนซองสายสีส้มตามกำหนด
แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดกรอบ 1,490-1,520 จุด กลยุทธ์แนะนำ 1) ซื้อเล่นรอบ/เลือกหุ้นรายตัว เน้นหุ้นที่มีโอกาสจะประกาศงบดีขึ้นหรือ ดีกว่าคาด 2) หุ้น Winner ศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ 3) หุ้นตัวเต็งติด MSCI รอบใหม่ ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด คาด Neutral...ประชุมเฟด คาดคงดอกเบี้ย และอังกฤษ คง QE/ดอกเบี้ย, วิตกรายวัน-เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเร่งตัวขึ้น เงินเฟ้อเพิ่ม, ISM ภาคผลิตทรงตัวในระดับสูง และการจ้างงานสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น การรอผลเลือกตั้งสหรัฐฯ ฯลฯ
ระยะเดือน-ดัชนีฯรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (นับจาก Bottom ของวันที่ 12 กย.2016) พบว่า กลุ่มฯที่ถูกซื้อ ขึ้นมาจนให้ผลตอบแทนเกิน 10% ได้แก่ พลังงาน ค้าปลีก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่กลุ่มที่โดนขายมากสุด คือ แบงก์ ขนส่ง และ วัสดุก่อสร้าง ผลตอบแทนกลุ่มเหล่านี้ซึ่งเป็นตัวแทนดัชนีฯ สะท้อน ทิศทางหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนัก และ ลดน้ำหนัก ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดว่าหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักเข้าไปมาก การจะซื้อต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีฯ น่าจะทำได้ยาก ขณะที่หุ้น สถาบันการเงิน (แบงก์ ประกัน และ สินเชื่อบุคคล) เราคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก หรือ ซื้อกลับคืน ในรอบถัดไป โดยเชื่อว่าการซื้อหุ้นกลุ่มนี้จากตรงนี้ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดได้
หุ้นแนะนำวันนี้ TTA (คาดงบ 3Q16 พลิกมีกำไรบางๆ จากที่เคยขาดทุน) จากด้วยค่าความสัมพันธ์ระหว่าง ค่าระวางเรือ, ถ่านหิน และราคาหุ้น TTA เรามองว่า ราคาหุ้น TTA น่าจะปรับขึ้นได้ ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด ต่ำกว่ามูลค่าบัญชี อยู่ 0.76 เท่า แนะนำ ซื้อ TTA เล่นรอบ แนวรับ 8.90 บ. ต้าน 9.60/9.90 บ. / THAI แนวรับ 27.5 บ. ต้านสั้น 29 บ. เก็งงบฯ มีแนวโน้มจะดีกว่าตลาดคาด / TCMC กลยุทธ์มีมุมมองเชิงบวก หลังประชุมผู้บริหารเมื่อวาน (Analyst meeting) จากทิศทางผลการดำเนินงานที่โตหลายเท่าตัวหลัง ซื้อกิจการ ขณะที่ PE ปัจจุบันเพียง 8 เท่า
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) PTT คาดกำไร 3Q16 ที่ 24.9 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับ 2Q16 (แม้จะไม่มีกำไรสต๊อคน้ำมันขนาดใหญ่เข้ามาช่วย) ปัจจัยหนุนมาจากธุรกิจแก๊สที่ดีขึ้นจากทั้งต้นทุนและปริมาณขาย สำหรับ 4Q16 เราคาดกำไรจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย เพราะคาดกำไรของ PTTEP จะเป็นจุดต่ำสุดของปี อย่างไรก็ดีคาดธุรกิจแก๊สที่ดีขึ้นยังคงเป็นปัจจัยช่วยพยุงกำไรใน 4Q16 ให้ยู่ในระดับราว 22 พันล้านบาทได้ โดยรวมแล้วเราปรับกำไรปี 2016-17 ขึ้น 8% และ 6% เป็น 95.4 และ 99.8 พันล้านบาท คาดราคาหุ้นจะได้รับ valuation re-rating ขึ้นกลับไปเหมือนในอดีตเพราะกำไรของบริษัทเข้าสู่ระดับแสนล้านเหมือนในอดีต เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 404 บาท (เดิม 355 บาท) คงคำแนะนำ ซื้อ
(+) KBANK เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ถ้อยแถลงที่ออกมาถือว่าออกมาเชิงบวก ผลประกอบการในปี 2017 น่าจะอยู่ในโหมดของการฟื้นตัว โดยเชื่อว่าNPL ได้ทำจุดสูงสุดไปแล้วใน 3Q16 ก่อนที่จะชะลอตัวลงใน 4Q16 และเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ (เป็นไปตามที่เราคาด) สำหรับ credit cost (สำรอง/สินเชื่อ) น่าจะทำจุดสูงสุดในปี 2017 สำหรับสินเชื่อคาดยังโตได้ดีต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 225 บาท
(+) AAV คาดกำไร 534 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 481%YoY และ 26% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ คาดกำไรหลักที่ 502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% YoY และ 27% QoQ กำไรที่คาดดีขึ้นได้ปัจจัยหนุนจาก จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ และราคาค่าตั๋วเฉลี่ยที่สูงขึ้น QoQ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง YoY สำหรับ 4Q16 แม้จะมีการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่เรามองว่าบริษัทยังคงมีจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตขึ้นจาก CLMV อย่างต่อเนื่อง และมองว่าราคาหุ้นที่ยังไม่ขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.40 บาท
(+) JASIF รายงานกำไร 3Q16 ที่ 1.29 พันล้านบาท (คิดเป็นกำไรต่อหน่วยที่ 0.24 บาท) เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 2.1% QoQ เป็นไปตามคาด กองทุนยังไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล แต่เราคาดจะประกาศที่ 0.22 บาท/หุ้น เทียบเคียง dividend yield 1.85% สำหรับไตรมาสนี้ เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13 บาท โดยคาดกองทุนให้ปันผลสูงถึง 8.4% ในปี 2017 สูงกว่าค่าเฉลี่ยเงินปันผลของ SET ที่ 3.2% และสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีที่ 2.1%
(-) BR เราประเมินกำไรใน 3Q16 อาจจะออกมาไม่ได้ฟื้นตัวดีอย่างที่คาดก่อนหน้า แม้การดำเนินงานในเนเธอแลนด์จะปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่ได้มากนัก เนื่องจากผลกระทบจาก VSE เข้ามาเพียงเดือนเดียว และในช่วงแรกยังมีต้นทุนบางส่วนในการเริ่มดำเนินการ อีกทั้งการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดส่งออกกับผู้เล่นจากประเทศจีนยังคงกดดันยอดส่งออกใน 3Q16 เราคาดกำไรหลัก 3Q16 ที่ 67 ล้านบาท ลดลง 46% YoY แต่เพิ่มขึ้น 5% QoQ เรามีการปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง 18% ที่ 311 ล้านบาท แต่ยังคงประมาณการกำไรปีหน้า และราคาเป้าหมาย เนื่องจากยังคงเชื่อในการฟื้นตัวจากการปิดตัวของ VSE (ผลกระทบเข้ามาเต็มปี) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 8 บาท
(0) DCC รายงานกำไร 3Q16 ที่ 316 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY แต่ลดลง 12% QoQ เป็นไปตามคาด พร้อมกันนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.036 บาท/หุ้น คิดเป็น simple dividend yield 0.8% และ annualized yield 3.2% (XD 11 พ.ย. และจ่ายวันที่ 30 พ.ย.) สำหรับ 4Q16 เราคาดกำไรจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้ง YoY และ QoQ กำไร 9M16 คิดเป็น 74% ของประมาณการทั้งปี เรามองว่าราคาหุ้นยังไม่ถูกพอให้เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ แต่ด้วยเงินปันผลที่คาดสูง 4.7% จะช่วยจำกัดความผันผวนได้ เราคงแนะนำ ถือ
หุ้นมีข่าว-ประเด็น
(+) TCMC เบื้องต้น คำนวณรายได้จาก การซื้อกิจการ DMM จะหนุนให้รายได้โต 2 เท่าตัว ในปีหน้า (จากรายได้ปีนี้ประมาณ 3-4 พันล้านบาท) implied กำไรปีหน้าคาดมากกว่า 300 ล้านบาท (เบื้องต้น) สะท้อน PE 8.4 เท่า ขณะที่ EPS Growth โตหลายร้อยเปอร์เซนต์ (คิดว่าราคาหุ้นสมควรที่จะเทรดในกรอบ PE 10-12 เท่า กรอบราคา 7-9 บาท)
(1) ได้ธุรกิจ โซฟาร์และ เฟอรนิเจอร์ 2 แบรนด์ รวมกัน ส่งผล TCMC ขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ใน อังกฤษ ธุรกิจผลิตเงินสด คืนหนี้ได้ทันที ปิดความเสี่ยงค่าเงิน Natural hedge
(2) หลังซื้อกิจการ DE เพิ่มขึ้นเป็น 1.57 เท่า มองว่าภายใน 1 ปี DE จะกลับลงมาสู่ระดับปกติ ที่ 1 เท่า หรือต่ำกว่า โดย DE ยังไม่เกิน Debt Covenant ที่ แบงก์กำหนด เรา มองว่าจะจ่ายปันผลได้เพิ่มขึ้น จากปีก่อนที่เคยให้ Dividend yield ประมาณ 3.2%
(3) จะเริ่มเห็นการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ 2 แบรนด์ดังของอังกฤษ ไปยัง เอเชีย มากขึ้น เป้าหมายคือ จีน และ ตะวันออกกลาง หนุนให้กำไรมีโอกาสโตมากขึ้นจากการเปิดตลาดใหม่ (ราคาโซฟาร์มีหลายระดับตั้งแต่ ชุดละ แสนบาท ไปถึงหลักล้านบาท คาดว่ากำลังซื้อ คนกลุ่มนี้ไม่ได้กระทบจากภาวะเศรษฐกิจ)
(4) ธุรกิจ พรม จะได้รับการต่อยอดจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าว เป็น Organic growth / ธุิรกิจ พรม (ชิ้นส่วนรถยนต์) มีกำไรสูง และ คาดว่าจะโตแรง จากยอดส่งออกรถยนต์ ของไทย ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว และ เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ เมื่อกลางปี 2016 เป็นต้นมา
(+) TASCO จากผลกระทบ ฤดูพายุที่รุนแรงกว่าปีก่อน ส่งผลให้ ถนนแถบ จีนตอนใต้, อินโดนีเซีย และ อาเซียน ต้องมีการซ่อมแซมเป็นจำนวนมากขึ้น คาดว่า Demand ยางมะตอยน่าจะกลับมาเพิ่มขึ้นหลังผ่านฤดูพายุไปแล้ว คาดว่า กำไรที่ออกมาลดลงใน 3Q16 จะเริ่มดีขึ้นใน 4Q16 โดยกำไร TASCO ที่แย่กว่าคาดในช่วง 1H16 ส่วนเป็นเพราะ ราคาน้ำมัน (Brent) ครึ่งปีแรกที่พุ่งขึ้น 87% (จาก $28 ขึ้นไปแตะ 52) ซึ่งเรามองว่าราคาน้ำมันในครึ่งปีหลังผันผวนน้อยลงโดย บวกขึ้นจาก bottom ที่ $42 ไปแตะ $54 เพิ่มขึ้น 28% น้อยกว่าครึ่งปีแรก ทำให้คาดว่าแนวโน้มกำไร 4Q16 จะเป็นไตรมาสที่เริ่มฟื้นตัว และ ดีต่อเนื่องไปถึงช่วง 1Q17 จาก demand ซ่อมสร้างถนนที่กลับมา (ที่มา BLS research)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) อังคาร US ISM Manufacturing ตค. คาด +51.5 จาก 51.5, UK PMI manufacturing ตค.คาด 54.2 จาก 55.4, BOJ Outlook report และ BOJ meeting, ไทย CPI เงินเฟ้อ เดือน ตค. คาด +0.4% คงที่, เกาหลีใต้ ส่งออก ตค.คาด -0.3% จาก -5.9% y-y. ธนาคารกลางออสเตรเลีย คาดคงดอกเบี้ย 1.5% (ที่มา Bloomberg)
(0) พุธ FOMC meeting คาดเฟดคงดอกเบี้ย 0.25-0.50%, EU PMI mfg. ตค. คาด 53.3 คงที่, ญี่ปุ่น Consumer confidence index ตค. (ที่มา Bloomberg)
(0/+) พฤหัส US ISM ภาคบริการ คาด 56 จาก 57.1, US Nonfarm productivity คาด +1.6% จาก -0.6%, ECB Economic bulletin และ อัตราว่างงาน EU, ธนาคารกลางอังกฤษ คาด คงดอกเบี้ย 0.25% และคง QE 4.35 แสนล้านปอนด์, ตลาดหุ้นญี่ปุ่นหยุด (ที่มา Bloomberg)
(-) วันศุกร์ US การจ้างงานนอกภาคเกษตร ตค. คาด +1.65 แสน จาก 1.56 แสน, US อัตราว่างงาน ตค. คาด +4.9% จาก 5% EU PMI composite คาด 53.7 คงที่, ฟิลิปปินส์ CPI คาด 2.3% คงที่, มาเลเซีย ส่งออก คาด -2% จาก +1.5% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(-) ตลาดหุ้นจีนเตรียมเปิดซื้อขายหุ้นปลดล็อก 1.306 แสนล้านหยวน (ราว 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นของบริษัท Guangdong Wen's Foodstuff Group Co. จะถูกปลดล็อกจำนวน 3.07 พันล้านหุ้น มูลค่าเกือบ 1.119 แสนล้านหยวน ซึ่งถือเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่จะเปิดซื้อขายในตลาดในสัปดาห์นี้
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค