- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 October 2016 16:37
- Hits: 1992
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังมีความผันผวน? คาดอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟดในวันที่ 1 – 2/11/59 (เช้า พฤ.ตามเวลาไทย) โดยคาดในครั้งนี้คงอัตราดอกเบี้ย และคาดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14/12/59 หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มดีต่อเนื่องและอยู่ในความคาดหมายของเฟด และภายหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยแนะติดตาม (1) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีโอกาสลดลง หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (2) Fund Flow ที่คาดยังมีโอกาสไหลออก หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ MTD ต่างชาติขายสุทธิกว่า 15,000 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือ ประมาณ 117,000 ล้านบาท และ (3) ค่าเงินบาท ที่คาดมีทิศทางอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความผันผวน อย่างไรก็ตามคาดยังถูกกดดันจากความไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะสามารถตกลงกันได้ ในการจำกัดการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน โดยโอเปกจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. ที่ประเทศ ออสเตรีย
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่ยังมีแรงเก็งกำไรตัวเลขผลประกอบการ Q3/59 ที่จะทยอยประกาศออกมา จนถึงกลางเดือนหน้า พร้อมยังแนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
SET SET50 SET100
1,494.44 -3.92 938.72 -2.55 2,113.90 -6.24
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -8.49, NASDAQ -25.87, S&P -6.63, FTSE +9.69, CAC +15.01 และ DAX -20.89
ภายหลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้น GDP – 3Q/59 อยู่ที่ระดับ 2.9% แข็งแกร่งกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค - ท้ายเดือนต.ค. อยู่ที่ 87.2 ลดลงจาก 87.9 เมื่อต้นเดือนต.ค.
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยกดดัน (1) สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ขณะที่จะถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย. นี้ และ (2) ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง
และอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด ในวันที่ 1 – 2/11/59 โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และอาจมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบจาก (1) ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของยุโรป มีความผันผวน และ (2) ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของฝรั่งเศส รวมถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงในเดือนก.ย.
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.02 อยู่ที่ US$48.70 ต่อบาร์เรล ภายใต้ความไม่ไม่มั่นใจว่าที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต ล่าสุดระบุว่า อิหร่านได้คัดค้านแผนการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปก
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.94 1.92 3.14
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 54,926.42
สถาบัน -756.72
บัญชีหลักทรัพย์ 282.26
ต่างประเทศ -978.05
ในประเทศ 1,452.50
ราคาทองคำ(COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$7.3 อยู่ที่US$1,276.8 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารีคลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด ในวันที่ 1 -2 /11/59 (เช้าพฤ. ตามเวลาไทย)
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ-978 ล้านบาทสะสม YTD +116,859 ล้านบาท(ปี’57 และ58 ยอดขายสุทธิสะสม36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาทตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม31 ต.ค. – 4 พ.ย. 2559
31/10/59สหรัฐฯเปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค.
1/11/59 สหรัฐฯเปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.
ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.เฟด เริ่มการประชุมกำหนดนโยบายการเงินวันแรก
2/11/59 สหรัฐฯเปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเดือนต.ค.
ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนต.ค.
สต็อกน้ำมัน
เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน
3/11/59 สหรัฐฯเปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ข้อมูลขั้นต้นของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2016
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.
4/11/59 สหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.
(6) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL, HMPRO, KAMART และROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่งในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และBA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 1.85% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) +0.83 อยู่ที่16.19
หุ้นแนะนำ: EGCO
นักวิเคราะห์: จิตรลดาเลขาพันธ์ โทร .02-684-8788