- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 October 2016 16:03
- Hits: 1096
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังผันผวนและอ่อนตัว แต่คาดกรอบลบจำกัด ก่อนลุ้นขึ้นต่อ...
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังแกว่งผันผวนและปรับตัวย้อนลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ที่ยังเคลื่อนไหวเป็นลบ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังกลับมาอ่อนแอลงต่อเนื่อง รวมทั้งคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอติดตามผลประชุมเฟดในช่วง 1-2 พ.ย.ด้วย นอกจากนี้ค่าเงินบาทก็ยังมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หลังจากรอบที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่ากลับมาค่อนข้างเร็ว
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ยังดูอ่อนแอ หลัง FBI เตรียมรื้อคดีการใช้อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ปธน.ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมทั้งตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2016 ของสหรัฐยังขยายตัวดีเกินคาด ซึ่งอาจทำให้เฟดตัดสินใจเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ผลประกอบการของ บจ.รายใหญ่ในยุโรปยังดูไม่ดี และตัวเลขเศรษฐกิจของฝรั่งเศสก็อ่อนแอกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เปิดลบต่ออีก ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีสิทธิอ่อนตัวลงอยู่ อย่างไรก็ตาม SET ยังมีแรงซื้อช่วงลบช่วยหนุน ทำให้แม้ว่าจะปรับตัวลงแต่ก็มีลักษณะทรงตัวได้ค่อนข้างดี เราจึงยังคาดว่ากรอบลบของตลาดน่าจะค่อนข้างจำกัด ก่อนลุ้นขึ้นต่อ
กลยุทธ์ : ยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ลบ แล้วเน้นถือ เพื่อรอรอบบวกต่อไปเช่นเดิม
แนวรับ 1492-1490 , 1485-1480 จุด
แนวต้าน 1499-1501 , 1505-1508 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BH , DCC , TCAP(buy back)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$165ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$87ล้าน ไต้หวัน US$38ล้าน และไทย US$28ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนามที่เดียว US$4ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางผันผวน นักลงทุนกังวลยิ่งขึ้นต่อการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งเกินคาด ยิ่งเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากขึ้นให้ Fed ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธค.นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ต่างชาติขายทั้ง 3 ตลาดในวันศุกร์ ต่างชาติมีสถานะเป็นขายสุทธิทั้งในตลาดหุ้นไทย ฟิวเจอร์ส และพันธบัตรรวม 4 พันล้านบาทเร่งตัวขึ้นจากวันก่อนหน้า ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้อยู่ที่ผลประชุม FOMC 2 พ.ย. ความสนใจไม่ได้อยู่ที่การขึ้นดอกเบี้ย แต่อยู่ที่สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. (ความเป็นไปได้สูงถึง 72.5%) โดยเฉพาะเมื่อ GDP 3Q16 ของสหรัฐออกมาดีเกินคาด +2.9% Q-Q annualized ในส่วนของ BOJ (1 พ.ย.) การที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องน่าจะทำให้ BOJ คงมาตรการเดิม ปัจจัยต่างประเทศยังทำให้ Flow ผันผวน แต่หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดียังน่าสนใจเช่นกลุ่มค้าปลีก ไฟแนนซ์ โรงพยาบาล เกษตรและอาหาร เป็นต้น
(+) สศค.คาด GDP ปีนี้โต 3.3% ปัจจัยหนุนมาจากการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ การท่องเที่ยว และการบริโภคของเอกชน และคาด GDP ปี 2017 เร่งตัวขึ้นเป็น 3.4% จากการลงทุนของรัฐที่เพิ่มต่อเนื่องและรายได้เกษตรกรดีขึ้น คาดค่าเงินบาทปีหน้าอ่อนค่าต่อเนื่องไปที่ 35.25 บาท/ดอลาร์ ส่วน GDP 3Q16 (ประกาศ 21 พ.ย.) คาดโต 3.3-3.5% Y-Y ใกล้เคียง 2Q16
(+) MINT เราคาดกำไรปกติ 3Q16 +55.3% Q-Q, +8.4% Y-Y เพราะเป็นช่วง High season ของโรงแรม Tivoli ในโปรตุเกส แต่เราเริ่มเห็น Downside ประมาณ 5-10% ของกำไรปี 2016-17 ที่เราคาดไว้จากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาฯ (การขายวิลล่าที่ภูเก็ต) และโรงแรมในมัลดีฟท์ที่การแข่งขันสูงขึ้นมาก (Supply ล้น) นอกเหนือจากงาน Event ในประเทศที่ถูกเลื่อนในระยะนี้ ยังคงราคาพื้นฐานปีหน้า 48 บาทและคงคำแนะนำซื้อ แต่เราชอบ ERW (ราคาพื้นฐานปีหน้า 6 บาท) มากสุดในกลุ่มโรงแรม
(+) SPALI เราคาดกำไรปกติ 3Q16 -36.4% Q-Q, -10.8% Y-Y อ่อนแอลงเพราะหมดแรงหนุนจากมาตรการรัฐ (สิ้นสุด เม.ย.) และค่าใช้จ่ายปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการปี 2016 ไม่น่าห่วงเพราะ Backlog รองรับเป้ารายได้ปีนี้แล้วเกือบทั้งหมด และรองรับรายได้ปี 2017 ไปแล้วกว่าครึ่ง เราคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 31 บาท
(+) KTB การตั้งสำรองหนี้สูญมีแนวโน้มจะสูงเป็นพิเศษใน 4Q16 รองรับ NPL ที่สูงขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับมาตรฐานบัญชีใหม่ในปี 2019 กดดันให้กำไรสุทธิ 4Q16 หดตัว 39% Q-Q และ 22% Y-Y รวมทั้งปีน่าจะเป็นกำไร 3 หมื่นล้านบาท +6% Y-Y การตั้งสำรองน่าจะยังสูงต่อเนื่องในปี 2017 แต่ได้อานิสงส์จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ จึงคาดกำไรปีหน้า +4% และคาดปันผลงวดปี 2016 ที่ 0.80 บาท/หุ้น (Yield 4.5%) คงราคาพื้นฐาน 21 บาท คงคำแนะนำซื้อ
(0) กกพ.ประกาศโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมผ่าน 7 ราย รวม 30.78MW เฉพาะบริษัทจดทะเบียนฯมี PSTC, WHA, BWG, SCC ระวัง sell on fact
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1-2 พ.ย.
- สหรัฐ: FOMCประชุม
1 พ.ย.
- ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
2 พ.ย.
- ญี่ปุ่น: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacuting PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน(ต.ค.)
3พ.ย.
- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Composite (ต.ค.)
- อังกฤษ: BOEประชุม
4 พ.ย.
- สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
5 พ.ย.
- อินโดนีเซีย: 3Q16 GDP
8 พ.ย.
- สหรัฐ: การเลือกตั้งประธานาธิบดี
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบเล็กน้อยโดยนักลงทุนกังวลข่าวที่ FBI เตรียมรื้อคดีการใช้อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งปัจจุบันทำให้คะแนนนิยมลดลง
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนลบเช่นกันหลัง GDP 3Q16 ของสหรัฐฯเติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ในแดนลบามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากความกังวลเรื่องการเลอกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่อ่อนแอ และราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง
(0) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.95-35.07 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 1.02 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.70 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับความร่วมในการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,276.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า รวมถึงการรื้อคดีการใช้อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch