- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 July 2014 15:53
- Hits: 2484
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้เกิด Technical Rebound หลังปรับฐานแตะระดับ 1,500 จุด ขึ้นมาปิดที่ 1,518.79 จุด ลบเป็นวันที่ 4 อีก 1.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 66,045 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,203 ล้านบาท หากรายการ Big Lot หุ้น SIM ซึ่งผู้ขายคือ Axiata มาเลเซีย มูลค่า 2,875 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติคงการ Short สุทธิใน SET50 IndexFutures เป็นวันที่ 2 อีก 4,666 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 4,024 ล้านบาท ทั้งนี้กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางในความเห็นของ MBKET
แม้ว่า SET INDEX จะฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดวานนี้ที่ 1,500 จุด MBKET ประเมินภาพในช่วงสั้นที่ SET INDEX จะยังผันผวนแกว่งในกรอบระหว่าง 1,500-1,520 จุด โดยภาพตลาดหุ้นไทยควรปิดยืนเหนือ 1,520 จุดในวันนี้ เพื่อเป็นการยืนยันถึงการสิ้นสุดระยะเวลาการพักฐานระลอกสั้นนี้ เพื่อการไต่ระดับสู่เป้าหมาย 1,540-1,550 จุดในรอบนี้
ขณะที่การปรับฐานของ SET INDEX ตลอด 4 วันทำการที่ผ่านมา เป็นการปรับพอร์ตของสถาบันภายในประเทศเป็นสำคัญ ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนยังเป็นกลางถึงบวก แม้ว่า สศค.จะปรับลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงจาก 2.6% เป็น 2.0% ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ Bloomberg consensus อยู่แล้ว จึงไม่น่ามีผลต่อการลงทุน แต่นักลงทุนยังจำเป็นต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในช่วง 2H57 ของ ธปท. เพื่อประเมินภาพ GDP จะฟื้นตัวได้แรงมากน้อยเพียงใด ซึ่งวันนี้ ธปท.จะรายงานตัวเลขเดือนมิ.ย. มีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณการฟื้นตัวทั้งในส่วนของภาคการบริโภค และการลงทุนภายในประเทศ
สำหรับการประชุมเฟด เป็นไปตามที่ Bloomberg consensus คาด โดยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% พร้อมลดวงเงิน QE อีก US$1.0 หมื่นล้าน เป็น US$2.5 หมื่นล้าน/เดือน ส่งผลต่อภาวะการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นกลาง
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกพิเศษ” เพื่อเก็งกำไรต่อกระแสเงินทุนลงทุนของกองทุนภายในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” KTB/ “ซื้อเก็งกำไร” SIM
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO
Accumulative Buy: KTB
Speculative Buy: SIM
Action and Stock of the Day
SET INDEX เกิด Technical Rebound บริเวณ 1,500 จุด
MBKET ประเมินภาพ SET INDEX ยังคงแกว่งในกรอบระหว่าง 1,500-1,520 จุด เว้นเสียแต่ SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,525 จุด
อย่างไรก็ตาม MBKET คงภาพการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” ต่อการปรับฐานรอบนี้
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ธปท.จะรายงานในช่วงสายวันนี้
กลยุทธ์ ทยอยเข้าสะสมหุ้นหลักต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวก เป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า แม้ว่าจะไม่มีประเด็นการลงทุนใหม่ก็ตาม โดย ตลาด Kospi ปิดบวกดีสุด 1.00%
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ปรับฐานลงทดสอบแนวรับสำคัญ 1,500 จุด กดดันโดยหุ้นกลุ่ม ICT / รับเหมาก่อสร้าง / PTT Group ก่อนที่จะเกิด technical rebound โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฟื้นตัวของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ช่วยสร้างบรรยากาศการเก็งกำไร ผลักดันให้ SET INDEX ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,518.79 จุด ลบเป็นวันที่ 4 เพียง 1.76 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 66,045 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดฟื้นตัวแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มธนาคาร +1.62%, กลุ่มขนส่ง +1.00% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +0.98% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มอสังหาฯ -1.34%, กลุ่มพลังงาน -0.77% และ กลุ่ม ICT +0.66%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.46 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวก แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดลบก็ตาม อาจเป็นผลจากค่าเงินในเอเชียที่อ่อนค่า เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออก
MBKET คงมุมมองการลงทุน “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 7 แม้ว่า SET INDEX ปรับฐานลงเป็นวันที่ 4 วานนี้ โดยเกิด Technical Rebound บริเวณ 1,500 จุด ขึ้นปิดที่ 1,518.79 จุด ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานการลงทุน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่ ปัจจัยบวกที่รอความชัดเจนในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ได้แก่
•มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2557 หลัง ธปท. รายงานตัวเลขเดือนมิ.ย.ในวันนี้ MBKET คาดว่า นักเศรษฐศาสตร์ต่างๆ จะมีการปรับมุมมองเป็นเชิงบวกมากขึ้น
•คาดเม็ดเงินใหม่ จากกองทุน Trigger Fund ของ UOBAM ที่ปิดการขายวันอังคารที่ผ่านมา วงเงิน 2.0 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2-3 วันนี้ เป็นอีกตัวช่วยตลาดหุ้นไทย
•ต่างชาติรอจังหวะการเข้าสะสมหุ้นไทย จะเห็นได้จากวานนี้ SET INDEX ปรับฐานลงเป็นวันที่ 4 และ SET INDEX ย่อตัวสู่แนว 1,500 จุด ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิ 1,203 ล้านบาท (หักรายการ Big Lot หุ้น SIM ที่ขายโดยผู้ถือหุ้นมาเลเซีย Axiata มูลค่า 2,875 ล้านบาท
อีกทั้งพัฒนาการทางการเมือง และการฟื้นตัวจากภาคเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของ SET INDEX ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้แก่
•การประกาศรายชื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเปิดทางให้มีการนำเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และ ครม โดย คสช.ตั้งเป้าเปิดประชุม สนช.เพื่อแต่งตั้งนายกฯ ได้ไม่เกินวันที่ 10 ส.ค.
•กำหนดให้เตรียมคำแถลงนโยบายรัฐบาล และงบประมาณต่อ สนช.ให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเริ่มเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของคสช.แบบเต็มตัว
•รายละเอียด Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับมอบนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานภายในเดือนส.ค. พร้อมสรุปผลงานทุกๆ ไตรมาส
•แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คสช.อนุมัติในหลักการวานนี้ ลำดับถัดไป สนข ต้องเร่งจัดทำรายละเอียดของแผนการลงทุนทั้ง 5 ส่วนที่นำเสนอ
•การปรับประมาณการ GDP ของ สศค. ในปีนี้ลงจากเดิม 2.6% เป็น 2.0% ซึ่งเป็นไปตามที่ MBKETประเมิน และสอดคล้องกับมุมมองของตลาด เช่นกัน และ ณ ปัจจุบัน ตลาดเริ่มให้น้ำหนักกับภาพเศรษฐกิจใน 2H57 และต่อเนื่องถึงปี 2558 ที่ คสช. เร่งใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงงบลงทุนที่ถูกบรรจุในงบประมาณปี 2558 ราว 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นตัวแปรสำคัญ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ MBKET คงคำแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นหลัก โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง” เพื่อรอขายทำกำไรบางส่วน 1,550 จุด +/- และ 1,580-1,600 จุด ทั้งนี้หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q57 เติบโต โดดเด่น yoy และ qoq ได้แก่ SAMART, SIM, SPCG, KCE, TUF, GFPT, PTTEP, HMPRO อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจระยะ 2-3 สัปดาห์จากนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย.ในวันนี้: ธปท. จะรายงานในช่วงสายของวันนี้ MBKET ให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
•ภาคการบริโภคภายในประเทศ ฟื้นตัวหรือไม่ หลังเงินจำนำข้าวมูลค่า 9.0 หมื่นล้านบาทเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจนับตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
•ภาคการลงทุนภายในประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นของเอกชนต่อภาพรวมเศรษฐกิจ หลัง คสช.เข้าควบคุมการบริหารประเทศตั้งแต่เย็นวันที่ 22 พ.ค.
•ตัวเลขการท่องเที่ยว จะฟื้นตัวได้หรือไม่ แม้ว่า คสช. คงการใช้กฎอัยการศึก นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
2.ผลการประชุมเฟดคืนวานนี้ เป็นไปตามที่ตลาดคาด: เฟดมีมติ
•คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
•ลดวงเงิน QE อีก US$1.0 หมื่นล้าน เป็น US$2.5 หมื่นล้าน/เดือน พร้อมยืนยัน สิ้นสุดโครงการ QE ในเดือนต.ค. นี้
•การส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อรอความชัดเจนของตลาดการจ้างงาน และ อัตราเงินเฟ้อ
3.กรณีอาร์เจนติน่าผิดนัดชำระหนี้ไม่น่ากังวล: เพราะเป็นคำสั่งศาลของสหรัฐฯ ที่ไม่อนุญาตให้ อาร์เจนติน่า จ่ายดอกเบี้ย US$539 ล้าน บนพันธบัตรที่ปรับโครงสร้างหนี้มูลค่ารวม US$1.3 หมื่นล้าน ด้วยเงื่อนไขที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ Hedge Fund เช่นเดียวกัน
หมายความว่า อาร์เจนติน่า มีสภาพคล่องมากพอที่จะจ่ายดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระ แต่เป็นคำสั่งศาลสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวได้ อาจต้องใช้เวลาในการเจรจากับเจ้าหนี้ โดยเฉพาะ Hedge Fund ที่นำโดย Elliott Management Corp ที่เป็นแกนนำของกองทุน Hedge Fund
4.การขึ้นเครื่องหมาย XR ของหุ้น TRUE วันนี้:
•อัตราส่วน 2.5725 หุ้นเดิม ต่อ 1.00 หุ้นใหม่
•ราคาเพิ่มทุน 6.45 บาท
•ช่วงเวลาการชำระเงิน ระหว่างวันที่ 22-28 ส.ค.
•ส่วน China Mobile จะชำระเงินระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค.
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.02 13.08 15.03 13.09
PSE 19.34 16.76 Closed Closed
JSE 16.41 14.00 Closed Closed
KOSPI 10.65 9.27 10.55 9.19
TAIEX 15.43 14.10 15.36 14.04
Straits Time 14.79 13.54 14.81 13.56
SHCOMP 8.66 7.67 8.67 7.68
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 22.30 บาท ราคาเหมาะสม 25.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร สำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไป เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H57 และเติบโตในอัตราเร่งในปี 2558
b)ส่งผลให้สินเชื่อจะเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตที่ชัดเจนในปี 2558 นอกจากนั้น คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2558 จะส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
c)KTB ได้ประโยชน์โดยตรง หลังคสช.อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนการปล่อยกู้สินเชื่อให้กับโครงการรัฐสูงสุด และการปรับโครงสร้างธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมา จะส่งผลให้ธนาคารการกระจายโครงสร้างธุรกิจที่ดีขึ้น
d)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโต qoq จาก 2Q57 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงคาดว่าการตั้งสำรองจะกลับเข้าสู่ระดับปกติใน 3Q57
e)Valuation อยู่ในระดับที่ยังค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 8.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 10.2 เท่า และ PBV 2558 ที่ 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.6 เท่า และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.SIM : ราคาปิด 3.40 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a)วานนี้ SAMART แจ้งตลท.ว่าได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้น SIM จำนวน 1,053 ล้านหุ้นจาก Axiata Group Berhad ในราคาหุ้นละ 2.73 บาท และได้ดำเนินการผ่านตลท.เรียบร้อยแล้ว
b)MBKET ประเมินว่าเป็นบวกต่อราคาหุ้น SIM เนื่องจากจะส่งผลให้ตลาดเลิกกังวลต่อความเสี่ยงที่ Axiata Group จะขายหุ้นดังกล่าวเข้าสู่ตลาดและการขายให้กับ SAMART ทั้งจำนวนเป็น ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIM ของ SAMART เพิ่มขึ้นเป็น 70.02% เป็นสัญญาณบวกต่อความมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจ
c)สะท้อนผ่านผลประกอบการ 2Q57 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 293 ล้านบาท +65.5% yoy และ +49.0% qoq จากแรงหนุนของยอดขาย Smart Phone และ Digital TV phone และคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากอานิสงค์ของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และส่งผลบวกต่อยอดขายมือถือ .
d)คาดกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +26.3% yoy เป็น 1,046 ล้านบาท และยังมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 13.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 15-16 เท่า
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ยอดขอสวัสดิการว่างงาน, ดัชนี Chicago PMI
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้น US$820 ล้านจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$266 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) 11,714.9 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 279.2 269.4 6,504.4 9,188.0
KOSPI 597.1 50.2 4,955.4 4,875.1
JSE 16.8 Closed 1,018.8 -1,806.4
PSE 3.1 Closed 278.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -23.0 1.9 -786.6 263.2
SET INDEX -52.5 -56.1 11,714.9 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย หากหักรายการ Big Lot หุ้น SIM วานนี้
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1,672 -1,784
SET50 Index Futures (สัญญา) -4,666 -2,660
SSF (สัญญา) +159 +1,318
Metal Futures (สัญญา) +46 +116
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +4,024 +6,148
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 1,672 ล้านบาท หากรวม 2 วันทำการขายสุทธิ 3,456 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 26,174 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากหักรายการ Big Lot หุ้น SIM ที่ผู้ถือหุ้นมาเลเซีย Axiata ขายมูลค่ารวม 2,875 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนต่างชาติ กลับมาเป็นการซื้อสุทธิ 1,203 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 4,666 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 7,326 สัญญา เทียบกับตลอด 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 3,054 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long และกลับมาเปิด Short สุทธิแทน กดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 6.10 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 5.23 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 เพียง 46 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 254 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 2,338 สัญญา และ 2 วันทำการก่อนที่ Long สุทธิ 1,356 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long แต่ก็เพียงเล็กน้อย เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งในกรอบแคบ US$1,300 +/- ตลอดชั่วโมงการซื้อขายวานนี้
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ได้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 4,024 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 10,172 ล้านบาท คาดว่าเป็นการนำเงินทุนเข้าพักในตลาดตราสารหนี้ กดดันให ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้น สะท้อนกลับมายังผลตอบแทนที่ลดลง 1.60bps ปิดที่ 3.628%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเล็กน้อเป็น 782 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 716 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 170.73 7.07% 206.77
SCB 104.48 6.48% 179.39
CK 79.65 2.39% 24.92
ADVANC 59.28 2.78% 205.70
BLAND 46.55 1.48% 2.11
NVDR กลับมาเป็นการซื้อสุทธิอีกครั้ง เน้นกลุ่มธนาคาร เมื่อราคาปรับฐานลง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาเป็นการซื้อสุทธิอีกครั้ง 961 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเล็กน้อย 112 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกกลับมาซื้อสุทธิสูงสุดใหม่อีกครั้ง 522 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 565 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 125 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 152 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 117 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 95 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 102 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 432 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม MAI ถูกขายสุทธิสูงสุด 107 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทธิ 62 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 362.53 31.08 INTUCH -262.20 13.14
ADVANC 170.32 7.85 EA -97.35 4.70
SCC 117.02 41.04 BANPU -93.90 8.53
DTAC 109.66 18.40 KBANK -87.37 24.61
TMB 101.14 12.20 STEC -45.05 3.83
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong