- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 October 2016 16:28
- Hits: 1689
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มลงทดสอบ 1480
SET Index: 1491.76 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1500 จุด แต่ยังคงมีแรงขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง ทำให้อิทธิพลของแนวโน้มขาลงกลับมามีความแข็งแกร่ง ทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาลง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1500 จุด และมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1480 จุด ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1430 จุด และมีแนวรับสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1420 จุด
แนวต้าน : 1494 และ 1497
แนวรับ : 1488 และ 1485
KBANK = 172 / 173, BCPG = 13.60 / 14.00, SCC = 500 / 504, BEM = 7.40 / 7.50, CPALL = 61.00 / 61.50
Ladpral General Hospital (LPH TB; THB 9.05) – ซื้อ
แนวต้าน : 9.40 และ 9.60 / แนวต้านสำคัญ 10.00
แนวรับ : 9.05 และ 9.00
ราคาหุ้นฟื้นตัวจากแรงขายทำกำไรหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ LPH โดยมีแนวรับที่ 9.05 และ 9.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 9.40 และ 9.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 8.75 ลงไป
TPC Power Holding (TPCH TB; THB 18.70) – ซื้อ
แนวต้าน : 19.80 และ 20.30
แนวรับ : 18.70 และ 18.50
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้นที่บริเวณแนวต้าน 19.00 แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคเมื่อวาน ในขณะที่แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ TPCH โดยมีแนวรับที่ 18.70 และ 18.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 19.80 และ 20.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 18.30 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z16 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่ำกว่าระดับ 940 หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับที่ 947 ลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 930 ในขณะที่ความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงอยู่ที่บริเวณ 910 และมีแนวต้านสำคัญที่ 947
แนวต้าน : 936 และ 938
แนวรับ : 932 และ 930
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Short ใน S50Z16 ที่แนวต้าน 938-940 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 930
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50Z16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 947 ขึ้นไป
AAVZ16
ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 7.10 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 6.10 กลับขึ้นไป ซึ่งเราคาดว่า การฟื้นตัวในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับฐาน โดยมีแนวรับที่ 6.50 และ 6.30 เป็นจังหวะขายทำกำไร
แนวต้าน : 6.80 และ 6.90
แนวรับ : 6.60และ 6.50
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน AAVZ16 ที่แนวต้าน 6.80 และ 6.90 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 6.50 โดยมีแนวรับสำคัญที่ 6.30
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า AAVZ16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 7.00 ขึ้นไป
BEMZ16
ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากถูกขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 7.80 ขึ้นมาได้แล้ว หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงที่ 7.00-7.10 กลับขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 7.20 และ 7.10
แนวต้าน : 7.50 และ 7.60
แนวรับ : 7.30 และ 7.20
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน BEMZ16 ที่แนวต้าน 7.50-7.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 7.10-7.20
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า BEMZ16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 7.70 ขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...กองทุนเริ่มขายทำกำไรกดดัชนีหลุด 1500 จุด
เมื่อวานนี้ตลาดปรับลดลง -14.35 จุดหรือ -0.95% หลุดระดับ 1500 จุด มาปิดที่ 1492.12 จุด โดยเป็นแรงขายในกลุ่มธนาคาร พลังงาน รับเหมาก่อสร้าง จากทางนักลงทุนต่างประเทศและกองทุนในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเราคาดว่าแม้ตลาดจะมีโอกาสปรับฐานลงต่อได้อีกแต่ก็น่าจะยืนเหนือระดับ 1480 จุดได้ เพราะเรายังไม่เห็นปัจจัยลบที่จะกดดัชนีให้ลงไปหลุดระดับดังกล่าวในระยะสั้นนี้
เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.59 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 19,460 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 3.4% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากที่ตลาดคาดส่งออกหดตัว -1.3% ถึง -2% เป็นผลมาจากตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังคงขยายตัวได้ดีในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป จีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่มีการขยายตัวในเกณฑ์ดี (ยกเว้นตะวันออกกลางที่ยังหดตัว) ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวของกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์/ไดโอด ที่ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเครื่องยนต์ เคมีภัณฑ์ และสินค้าเกษตรสำคัญ อาทิ ผัก ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป และข้าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งราคาและปริมาณการส่งออก
สำหรับ แนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางดีขึ้นและมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนสุดท้าย โดยมีปัจจัยสำคัญจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทิศทางค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และเศรษฐกิจโลกค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะการออกมาตรการ QE และมาตรการทางการเงินของประเทศต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคบ้าง ดังนั้น จากแนวโน้มและปัจจัยข้างต้น กระทรวงพาณิชย์จึงคงคาดการณ์การส่งออกปี 2559 ไว้ที่ -1.0% ถึง 0.0% เช่นเดิม จากตัวเลขการส่งออกที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้เราคาดการณ์ว่าจะเป็นบวกกับหุ้นส่งออกอย่าง CPF GFPT TU ในวันนี้
เราคาดว่า วันนี้อาจจะมีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มถ่านหินกลับเข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่มีการปรับฐานไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากวันนี้ในช่วงบ่ายจะมีการประกาศราคาถ่านหิน จากที่ราคาปรับขึ้นมากว่า 10 เหรียญ/ตันหรือ +12% มาอยู่ที่ประมาณ 95 เหรียญ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดราคาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้า (cal futue) ของ Newcastle pt ปรากฎว่าปรับตัวขึ้นต่อไปที่ระดับ 100 เหรียญ/ตัน จาก supply ในประเทศจีนที่ลดลงหลังรัฐบาลออกมาตรการควบคุมการผลิต, ความต้องการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงและปริมาณถ่านหินคงคลังที่ลดลงอย่างต่อเนื่องก็ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาถ่านหินให้ปรับขึ้นต่อได้ ซึ่งจะเป็นผลบวกกับหุ้นกลุ่มถ่านหินที่เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร อย่าง BANPU และ LANNA
สำหรับ ทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้นยังคงมีแนวโน้มปรับลดลงต่อหลังจากมีความกังวลว่าแผนการลดกำลังการผลิตลงสู่ระดับ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรลในการประชุมประจำปีของกลุ่มโอเปกวันที่ 30 พ.ย. อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ จากการที่อิรักซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันประมาณ 4.54 ล้านบาร์เรล/วัน (ส่วนแบ่งตลาด 13.5% ในกลุ่มโอเปก ณ เดือนก.ย.) ใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากซาอุฯ ที่ปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 10.58 ล้านบาร์เรล/วัน (ส่วนแบ่งตลาด 31.3% ในกลุ่มโอเปก) ระบุว่าไม่ต้องการลดกำลังการผลิตน้ำมันลง เนื่องจากต้องการายได้จากการขายน้ำมันเพื่อใช้ในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) เช่นเดียวกับ ไนจีเรียและลิเบียที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ลดกำลังการผลิต ส่วนเวเนซึเอลาและอินโดนีเซียก็มีแนวโน้มจะไม่ร่วมลดกำลังการผลิตลงด้วย ในขณะที่การผลิตของกลุ่มโอเปก 14 ประเทศก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 1.7 แสนบาร์เรล/วันจาก 33.58 บาร์เรล/วัน ในเดือนส.ค. มาอยู่ที่ 33.75 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย. สูงกว่าระดับตอนที่โอเปกมีข้อตกลงลดกำลังการผลิตที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรล/วันอยู่ถึง 5 แสนบาร์เรล ในขณะที่อิหร่านปัจจุบันก็กลับมาผลิตได้ที่ 3.63 ล้านบาร์เรล/วัน ก็ยืนยันที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไปให้ถึงระดับ 4 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ราคาน้ำมันในช่วงนี้ยังลดลงต่อเนื่องโดยเมื่อคืนนี้ปรับลดลง 0.78 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -1.6% ปิดที่ 49.18 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้ EIA จะรายงานสต๊อกน้ำมันดิบออกมาลดลง 553,000 บาร์เรล ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลก็ตาม จากผลดังกล่าวทำให้เราคาดว่ากลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะยังคงถูกแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ได้
หลังจากที่เมื่อวานตลาดไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1500 จุดได้ ทำให้วันนี้เราคาดว่าดัชนีมีแนวโน้มจะปรับฐานลงต่อไปที่ระดับ 1485 จุด จากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร พลังงานและรับเหมาก่อสร้าง และเปลี่ยนกลุ่ม (sect tati) ไปซื้อหุ้นที่มีลักษณะ efesive อย่างกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO GLOBAL ROBINS) ICT (ADVANC INTUCH) และอาหาร (CPF GFPT TU) ในช่วงนี้ กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ยังคงเป็นแบบ selective buy โดยเลือกหุ้นที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาดีหรือมี sty ระยะสั้นเป็น catalyst อย่าง BANPU CK CPALL CPF GFPT SGP KCE LH ROBINS UNIQ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1480-1485 จุดและแนวต้านที่ 1500-1507 จุด หุ้นแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ได้แก่ ADVANC BANPU CPF GLOBAL
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,491.76 จุด ลดลง 0.36 จุด (-0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 24,103.72 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในกรอบ โดยดัชนีเปิดปรับขึ้นแต่ไม่ผ่าน 1,500 จุด ขณะที่ SET พยายามแกว่งเหนือ 1490 จุด ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เป็นลบ
Afternoon Perspective…...
แนวโน้มตลาดบ่าย ถ้าต่ำกว่า1485 จุด ถือเป็นสัญญาณขาย ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตามองคือทิศทางค่าเงินบาทหลังกลับมาอ่อนค่าทะลุ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง ประกอบกลับนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกต่อเนื่องทั้งในไทยและภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตามตลาดก็ยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ปรับตัวลงแรงๆ ดั้งนั้น หากยังยืนเหนือระดับ1485 จุดได้ ก็ยังไม่จำเป็นต้องลดพอร์ต แต่หากต่ำกว่า ก็คงต้องขายหุ้นออกตามอีกครั้ง และไปรอรับกลับที่ระดับ1440 - 1455 จุด โดยมีแนวต้านเดิมที่1500 จุด ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นเล็ก-กลางที่มีศักยภาพโดดเด่นเป็นรายตัว เราแนะนำ TWPC โดยผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ Q4 เป็นต้นไป จากการขยายกำลังการผลิตแป้งมันเพิ่ม 40% ทำให้ได้รับผลประโยชน์เต็มที่จากการเริ่มเข้าสู่ฤดูผลผลิตมันสำปะหลังในช่วงเดือนพ.ย ซึ่ง TWPC จะได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบมันสำปะหลังที่ล้นตลาด นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าก็เป็นผลบวกต่อบริษัทเพราะบริษัทเน้นส่งออกสินค้าเป็นส่วนใหญ่ โดยมีตลาดหลักอยู่ที่จีน และสินค้า TWPC ส่วนใหญ่จะเป็น Food grade ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิปี16 ที่ระดับ 580 ล้านบาท ( EPS = 0.66 บาท) (1H/16 มีกำไรสุทธิ 269 ล้านบาท) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ PE16 เพียง 12.3 เท่า หากให้ที่ PE ที่ 15 เท่า มองราคาเป้าหมายได้ถึงระดับ 9.90 บาท
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Ladpral General Hospital (LPH TB; THB 9.05) - ซื้อ
TPC power Holding (TPCH TB; THB 18.70) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : CWT*, SALEE*, TKN* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]